บทที่ 635 วิจัยและพัฒนาศิลปะการต่อสู้
"ยังไม่ต้องบอก" หวู่เหวินเชี่ยนยังไม่ทันได้พูด กลับกลายเป็นหวังเฉียนพูดขึ้นก่อน
"พี่หวังก็อยู่ด้วยหรอ" หวู่เหวินโป๋ฟังออกว่าเป็นเสียงหวังเฉียนทันที เวลาเดียวกันภายในใจก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย การประลองในครั้งนี้ ถึงขั้นดึงดูให้อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่หวังเฉียนมา
"อืม" หวังเฉียนรับสาย ตอบเสียงเรียบ จากนั้นพูดขึ้น:“ยังไม่ต้องบอกเฉินเฟิงเรื่องที่จิ่งเถิงส่งหนังสือท้าประลองมา เพราะว่า การเก็บตัวถือศีลโดยทั่วไปของจอมยุทธ์นั้นเป็นเพราะความรู้สึกใจ ความรู้สึกนี้ ปกติใช้เวลาหลายปีกว่าจะรู้สึกสักครั้ง"
"ในเมื่อสองสามวันนี้เฉินเฟิงรู้สึกอยากเก็บตัวถือศีล ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาทำตามโชคชะตาไป ดังนั้นอย่าเพิ่งรบกวนเขา"
"แล้วพี่เฟิงจะเก็บตัวถือศีลนานแค่ไหน? จิ่งเถิงนั่นพูดแล้ว ให้เวลาพี่เฟิงแค่สิบวัน" หวู่เหวินโป๋อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
"ฉันเองก็ไม่รู้" หวังเฉียนส่ายหน้า แล้วพูดต่อ:“จอมยุทธ์ในปัจจุบันเก็บตัวถือศิล สั้นหน่อยก็สองสามวัน นานหน่อยก็สิบกว่าวัน ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ดังนั้นฉันเองก็ไม่รู้ ว่าเขาจะลาศีลเมื่อไหร่"
"แล้วถ้าเขาไม่ยอมลาศีลละ ทำให้พลาดการท้าประลองของจิ่งเถิงจะทำยังไง?" หวู่เหวินเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
"พลาดก็พลาดไปสิ ประจวบเหมาะจิ่งเถิงจะได้รอดชีวิต" หวู่เหวินโป๋พูดอย่างไม่แคร์ จากที่เขาดู การที่เฉินเฟิงและจิ่งเถิงสู้กันนั้นผลลัพธ์ไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย ถึงยังไงเฉินเฟิงก็ต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว
หวู่เหวินเชี่ยนเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร ความเป็นจริงเวลานี้ เธอกลับอยากให้เฉินเฟิงไม่ต้องลาศีล หวู่เหวินโป๋ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของจิ่งเถิง แต่เธอรู้
จากที่เธอดูนั้น จิ่งเถิงคือปีศาจ
เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่จิ่งเถิงลงมาจากภูเขามายังมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ เขาใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำให้หวังเฉียนแพ้
ถึงแม้ตอนนั้นหวังเฉียนจะไม่แข็งแกร่งเท่าตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็ควรค่าที่จะรับชายาว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่
แต่ตอนอยู่ตรงหน้าจิ่งเถิง หวังเฉียนยังไม่ได้ใช้แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็แพ้ราบคาบแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงรู้ว่า ความสามารถของจิ่งเถิงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
เขาในวันนี้ บรรลุระดับหั้วจิ้งอีก
สำหรับเฉินเฟิงแล้ว ทั้งสองคนใครเก่งใคร่ไม่เก่งยังไม่แน่เลย......
หวู่เหวินเชี่ยนและหวังเฉียนไม่ได้เข้าไปในวิลล่า
ทว่าเวลานี้ ห่างออกไปอีกร้อยเมตร สวนเล็กๆในวิลล่า ดอกไม้ไต้ไม้กำลังอาบแดดใต้ดวงอาทิตย์ ส่งกลิ่นหอม ทำให้คนรู้สึกจิตใจสงบ
เฉินเฟิงนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้าในสวนเล็กๆ หลับตาลงทั้งสองข้าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆและช้าๆ เขาเหมือนพระชรา ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
กระบวนท่าต่างๆราวกับฉายในภาพยนตร์ แต่ละกระบวนท่าปรากฏออกมาในความคิดของเฉินเฟิง เขาพยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ฝึกซ้อมแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้ ผสานรวมเป็นหนึ่งกับร่างกาย นำท่าไม้ตาย‘หักแม่น้ำ’ที่เซียวกั่วจงเคยสอนให้เขามาประสาน เข้าสู่การตัดทอน รวมกัน
เขาในเวลานี้ ผ่านวิธีนี้ โดยมี‘หักแม่น้ำ’เป็นพื้นฐาน ศึกษาและวิจัยศิลปะการต่อสู้ที่เป็นของตัวเขาเอง
นี่คือสิ่งที่เซียวกั่วจงเคยสอนในตอนนั้น จอมยุทธ์ที่บรรลุมาจนถึงระดับหิ้วจิ้ง จำเป็นต้องมีศิลปะการต่อสู้ของตนเอง
ขณะที่พูด ความคิดของเฉินเฟิงก็ละเมียดละไมขึ้นมา กำหนดขอบเขตของศิลปะการต่อสู้ที่ตนเองอยากจะพัฒนา "อีกทั้ง หักแม่น้ำที่ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ถ่ายทอดมาให้ผม ความเป็นจริงมันก็เป็นไปตามความคิดนี้ ประจวบเหมาะสามารถใช้‘หักแม่น้ำ’มาเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลง ทำแบบนี้การศึกษาวิจัยก็จะง่ายขึ้นมา"
"วิชากระบี่ของศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยมีมากมาย ที่มีชื่อเสียงคือกระบี่ป้าหวางของฌ้อปาอ๋อง กระบี่หงของสามก๊กจูล่ง วิชากระบี่ตระกูลหยางเป็นต้น วิชากระบี่ทุกอย่างมีความพิเศษอย่างหนึ่ง ให้ความสำคัญเรื่องผลลัพธ์ เน้นการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนทว่าเรียบง่าย เล็ง แกว่ง กวาดกระบี่เป็นหลัก ให้ความสำคัญในการฆ่า"
หลังจากกำหนดขอบเขตแล้ว เฉินเฟิงยังคงครุ่นคิดต่อ "กระบี่ที่ผมคิดพัฒนาขึ้นมาต้องมีหลักการตามนี้ ในเวลานี้ยังต้องแยกจากวิชากระบี่โบราณ เหมาะแก่การใช้กับศิลปะการต่อสู้ปัจจุบันเพื่อความเป็นความตาย"
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภายในใจของเฉินเฟิงเริ่มมีแผนการแล้ว แววตาของเขาหนักแน่นขึ้นมา จากนั้นลุกขึ้น แล้วเดินไปมา
ใต้แสงแดด เขาใช้แขนขวาของตนเป็นปืน แล้วใช้วิชากระบี่ที่ตนเคยเรียนออกมาในตอนแรกและตอนหลัง คั่นกลางด้วยท่าไม้ตาย“หักแม่น้ำ”ที่เขาเคยศึกษา ใช้วิธีนี้ในการหาแรงบันดาลใจ
ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งทีสาม.....
ต่อจากนั้น ตลอดทั้งบ่าย เฉินเฟิงมุ่งมั่นในการศึกษาและพัฒนาศิลปะการต่อสู้ แทบจะไม่หยุดพัก จนกระทั่งพระอาทิตย์ตก เขาเหนื่อยไปทั้งตัวและใจ ไม่อยากจะขยับ
แต่เขายังคงลากร่างที่เหนื่อยล้า กลับไปอาบน้ำอุ่นที่วิลล่า แล้วกินข้าวที่ร้านอาหาร
การฝึกซ้อมวรยุทธ์ต้องใช้พลังงานมากกว่าการออกกำลังกาย จำเป็นต้องกินอาหารให้เพียงพอและพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นร่างกายจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก นี่จึงเป็นเหตุผลที่บรรพบุรุษตระกูลจิ่งคิดค้นหมัดหยินหยางแล้วในเวลาเดียวกันก็ต้องมีการอาบน้ำสมุนไพรเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เฉินเฟิงกลับไปที่สวยในวิลล่าอีกครั้ง เขายังคงนั่งขัดสมาธิบนพื้นหญ้า แต่ไม่ได้ศึกษาศิลปะการต่อสู้แล้ว ทว่าเขากำลังปล่อยวางจิตใจ หลับตา หลับหัวใจ ในเวลาเดียวกันก็ใช้วิชาหายใจที่ลึกลับในการนั่งขัดสมาธิ และครุ่นคิด
นี่เป็นความเคยชินของเขาในการฝึกซ้อมวรยุทธ์ วิธีนี้ดีและเร็วกว่าการนอนบนเตียงเพื่อฟื้นฟูพลังและร่างกายมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...