ลูกเขยมังกร นิยาย บท 836

“พ่อ มีคนมา ทำไมถึงไม่รินชาให้พวกเขาล่ะ ทั้งสองคนนั่งก่อนเถอะครับ พ่อผมเป็นคนนิสัยแบบนี้แหละ ทั้งสองอย่าได้ถือสาเลยครับ” พูดไป หยางสิงอี้พลางเลื่อนเก้าอี้ส่งไปให้เฉินเฟิงพวกเขาสองคน

เฉินเฟิงยิ้มรับเก้าอี้มา แต่ชิงจือกลับยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉยจ้องมองไปยังชายชรา ราวกับว่ากำลังเฝ้ารอคำตอบจากเขา

หยางสิงอี้ได้แต่มองชิงจืออย่างนิ่งๆ เขารู้สึกประหม่าด้วยความไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

เมื่อชายชรารับรู้ถึงสายตาของชิงจือ เขาจึงหันไปบอกกับชิงจือ

“นั่งเถอะ ฉันยังต้องใช้เวลาตัดสินใจสักหน่อย”

“หวังว่าคุณจะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน วันพรุ่งนี้ฉันจะกลับมาที่นี่อีกที”

ท้ายที่สุดชิงจือที่ยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ที่หยางสิงอี้ส่งให้ก็หันไปพูดกับเฉินเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน

“พวกเราไปกันเถอะ”

เฉินเฟิงที่เพิ่งนั่งลงไปได้ไม่นานถึงกับตกใจ เขาหันไปมองหยางสิงอี้ด้วยสีหน้าขอโทษ ก่อนจะเดินตามชิงจือที่เดินออกไปก่อนแล้ว

กระทั่งทั้งสองเดินออกมาด้านนอก เฉินเฟิงจึงถามชิงจือด้วยความสงสัย

“พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่ พวกคุณทั้งสองล้วนเป็นมหาปรมาจารย์ ยังต้องมีการชุมนุมกันอีกงั้นหรอ?”

ความมีอยู่ของมหาปรมาจารย์เป็นเรื่องที่ผู้คนต่างจับตามองมาโดยตลอด ถ้าหากตอนนี้แม้แต่พวกเขาเองยังเริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างแล้ว อย่างนั้นก็แสดงว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนเกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก รวมทั้งเฉินเฟิงด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับการตอบสนองของชิงจือที่มีต่อเฉินเฟิงแล้ว คำตอบของครั้งนี้ก็ยังคงเป็นดังเช่นครั้งก่อนๆ

เธอมุ่งหน้าตรงไปยังที่จอดรถโดยไม่มีคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น

แต่หลังจากที่พวกเจาเดินออกมาได้ไม่นาน หยางสิงอี้ก็วิ่งตามพร้อมกับตะโกนเรียกพวกเขา

“ทั้งสองท่าน รอก่อนครับ”

เฉินเฟิงชะงักฝีเท้าลง แต่ชิงจือดูเหมือนจะไม่สนใจและยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังรถที่จอดเอาไว้

เฉินเฟิงที่อยู่ตรงนั้นรอจนหยางชิงอี้เข้ามาใกล้ จึงถามกลับทันที

“มีอะไรหรือเปล่า?พ่อของคุณมีเรื่องอะไรมาบอกงั้นหรอ?”

หยางสิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึก เขาวิ่งมาโดยไม่มีอาการหืดหอบใดๆ แสดงว่าเขาคงจะผ่านการฝึกวิชาต่อสู้มาแล้วแน่นอน

หลังจากที่ได้ยินคำถามของเฉินเฟิง หยางสิงอี้จึงตอบกลับ

“พ่อผมให้มาบอกกับผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ว่าวันเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เฉินเฟิงไม่เข้าใจความหมายของหยางสิงอี้ แค่คำพูดนี้ประโยคเดียวทำไมถึงต้องให้มาบอกอีกครั้งด้วย แต่หยางสิงอี้ที่พูดเพียงเท่านี้ก็เดินหันหลังกลับไปแล้ว

เฉินเฟิงพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำพูดนี้ โดยไตร่ตรองพร้อมกับเรื่องทั้งหมดที่เขาได้ยินมา แต่ราวกับว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่รถเท่านั้น

เมื่อขึ้นไปบนรถก็เห็นชิงจือที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหน้ารถ เอนตัวลงไปบนเบาะพร้อมกับหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิ

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นพูดขึ้นมา

“เมื่อกี้นี้เขามาบอกว่า พ่อของเขาบอกว่าวันเดียวก็เพียงพอแล้ว”

ชิงจือที่ได้ยินไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาขึ้นมา เธอเพียงแต่ตอบกลับเขาด้วยความเฉยเมยเท่านั้น

“ตาแก่นี้ยิ่งมีชีวิตอยู่ ชีวิตยิ่งถอยลงคลองไปเรื่อยๆ เลย”

สุดท้ายเฉินเฟิงก็ยังคงไม่เข้าใจถึงความคลุมเครือระหว่างพวกเขาสองคนสักที แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงต้องขับรถออกไปเพื่อตามหาที่พักคืนนี้สำหรับพวกเขาก่อน เพราะพรุ่งนี้พวกเขายังต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

แต่เมืองที่ใกล้ที่สุดพวกเขาในตอนนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางไป ดังนั้นเฉินเฟิงจึงตัดสินใจหาโรงแรมที่อยู่ใกล้แถวนี้ให้พวกเขาแทน ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ถึงแม้จะดูเก่าแก่มีความผุพังแล้วก็ตาม

แต่ด้วยเดิมทีเป็นการเดินทางออกนอกบ้าน ฉะนั้นจึงได้แต่ปล่อยไปตามมีตามเกิดเท่านั้น

ทางด้านชิงจือเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนี้ เพราะแม้แต่ในหุบเขาลึกเธอยังสามารถใช้ชีวิตมาแล้ว สถานที่แค่นี้จึงไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร

พวกเขาสองคนพักแยกกันคนละห้อง โดยไม่ได้มีเหตุการณ์เหมือนพวกนิยายโบราณที่ว่าโรงแรมเผอิญเหลือห้องว่างแค่ห้องเดียวอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา

ทั้งสองแยกย้ายกันไปพักผ่อน เฝ้ารอวันพรุ่งนี้ที่จะเดินทางกลับไปหาชายชราอีกครั้ง

แต่หลังจากที่เฉินเฟิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็มีคนเข้ามาเคาะประตูห้องของเขา

ไอ้ผมแดงจึงรีบกล่าวขอโทษทันที “พี่ชาย มันเป็นนิสัย นิสัยเฉยๆ ผมผิดไปแล้ว”

เฉินเฟิงที่ไม่คิดจะไปสนใจเขาและหวังจะปิดประตูลง พร้อมกับขอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆ

แต่ไอ้ผมแดงกลับพูดออกมาด้วยความแปลกใจ “พี่ชาย พี่สะใภ้ไม่ได้อยู่ข้างในนี่หน่า!”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหรือไง?” เฉินเฟิงพูดด้วยความรำคาญ

ไอ้ผมแดงพูดออกมาราวกับว่าจะเป็นกังวลในตัวพี่ชายคนนี้ของเขาจริงๆ

“ผมรู้ๆ แต่พี่ชาย พวกผู้หญิงก็เหมือนกับเสื้อผ้า อย่าได้ให้ความสำคัญมากเกินไปเด็ดขาด

ถ้าหากพี่ให้ความสำคัญกับพวกเธอเกินไป จะกลายเป็นว่าพวกเธอจะมองไม่ความสำคัญของพี่ชายแทนนะ ถ้าเกิดว่าคืนนี้พี่ชายรู้สึกเบื่อ ที่นี่เพิ่งมีลูกไก่ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ถ้าหากพี่ชายชอบใจผมจะให้พวกเธอเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน”

เขาพูดอย่างหวังดี แต่เฉินเฟิงรู้ดีว่าเขาแค่ต้องการมาเรียกเงินจากตัวเขาเท่านั้น

“ฉันไม่สนใจ นายมาจากไหนก็ไสหัวกลับไปที่นั่นได้แล้ว อย่ามาอยู่ตรงนี้รบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน”

เขาพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าไอ้ผมแดงทันทีโดยที่ไม่สนใจว่าเขาต้องการจะพูดอะไรอีก

เขากลับเข้าไปในห้อง ส่วนทางด้านไอ้ผมแดงคงจะคิดว่าไม่มีความหมายอะไรที่เขาจะอยู่ที่นี่ต่อ ฉะนั้นด้านนอกประตูจึงไม่มีเสียงรบกวนอะไรดังขึ้นอีก

เฉินเฟิงทิ้งตัวลงไปบนเตียง พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถ้าหากว่าชายชราตอบรับคำของชิงจือ อย่างนั้นแล้วแผนการนี้จะเป็นยังไงกันแน่ ถึงต้องมีความร่วมมือของมหาปรมาจารย์ถึงสองคนแบบนี้

แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้านนอกประตูของเขาก็ถูกเคาะอีกครั้ง

ซึ่งนี่คงจะเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งในสถานที่แบบนี้ เมื่อเห็นว่าประตูเคาะอย่างไม่หยุด เฉินเฟิงจึงทำได้เพียงเดินกลับไปเปิดประตูอีกครั้งเท่านั้น

“พี่ชาย ช่วยผมด้วย”

เฉินเฟิงไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูคนที่มาร้องขอความช่วยเหลือจะกลายเป็นไอ้ผมแดงเสียอย่างนั้น

“เกิดอะไรขึ้น” เฉินเฟิงถาม

“พี่ชายมีคนจะฆ่าผม เขาถือมีดด้วย พี่ให้ผมซ่อนตัวหน่อยนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร