ลูกเขยมังกร นิยาย บท 837

หลังจากที่เขาพูดจบ ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะได้ตอบตกลง เขาก็เดินผ่านตัวเฉินเฟิงเข้าไปข้างในห้องก่อนแล้ว

ซึ่งในตอนที่เฉินเฟิงกำลังคิดจะไปจับตัวเขา บริเวณโถงทางเดินก็ปรากฏชายถือมีดคนหนึ่งกำลังเดินมาจริงๆ ตัวเขาที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้มีคนถือมีดหวังจะไล่ฟันคนอื่นแบบนี้

ตัวเฉินเฟิงจึงคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรใช้ความเห็นแก่ตัวในการตัดสินปัญหา ฉะนั้นเขาเลยปิดประตูลง รอให้ชายคนนั้นจากไปแล้วค่อยไปถามเอาความจากไอ้ผมแดงจะดีกว่า

เมื่อเขาเดินกลับเข้าไปในห้อง กลับพบว่าไม่มีเงาของไอ้ผมแดงอยู่ในห้องนอน เฉินเฟิงจึงลองเดินเข้าไปหาในห้องน้ำ ก็พบว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่หลังม่านอาบน้ำด้วยความหวาดกลัว

เฉินเฟิงพูดพลางจ้องมองเขา “ออกมาจากในนั้นได้แล้ว”

ไอ้ผมแดงร้องไห้ด้วยความทุกข์

“พี่ชายคงไม่คิดจะฆ่าผมด้วยใช่ไหม นี่ไม่ใช่ความผิดของผมจริงๆ เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเลย”

เฉินเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับบอกอีกครั้ง

“เขาหานายไม่เจอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ออกมาจากในนั้นได้แล้ว แต่ว่านายจะต้องบอกความจริงกับฉันให้ชัดเจน ถ้าหากนายกล้าปิดบังฉันแม้แต่นิดเดียวฉันจะโยนนายออกไปทันที”

ไอ้ผมแดงที่เห็นว่าเฉินเฟิงไม่ได้พูดล้อเล่น ดังนั้นจึงได้ยอมเดินออกมาจากม่านอาบน้ำอย่างช้าๆ เขามองเฉินเฟิงพลางถามอย่างระมัดระวัง

“พี่ชายไม่ได้จะเอาผมไปขายจริงๆ ใช่ไหม?”

แต่ทางด้านเฉินเฟิงกลับมองเขาเพียงพริบตาเดียวก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังห้องนอน

ไอ้ผมแดงที่เห็นอย่างนั้นจึงทำได้เพียงเดินตามเขาไปเท่านั้น

เฉินเฟิงกล่าว ในขณะที่พวกเขาคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียง อีกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้

“เล่ามา”

“พี่ชาย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผมจริงๆ นะ เมียของเขาอยากมาขายตัวเอง ผมเองก็แค่ต้องการที่จะหาเงินเท่านั้น แต่พอหันหลังไปเขาก็จะเอามีดมาฟันผมซะแล้ว แล้วผมจะทำอะไรได้อีกล่ะ พวกลูกน้องก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงจะได้ทำให้เขาเข้าใจว่าอะไรคือความตกต่ำไปแล้ว” เขาพูดไปพลางนึกแค้นในใจ

“แค่นี้?เขามาไล่ฟันนายเพราะเรื่องแค่นี้งั้นหรอ?”

“พี่ชาย ที่ผมพูดคือความจริงนะ ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เป็นเพราะว่าเจ้าหมอนั่นสมองเพี้ยนแน่นอน ตอนนี้เพราะผมไม่มีทางเลือก แต่ครั้งหน้าอย่าให้ผมได้เจอเขาอีก ไม่งั้นผมคงต้องได้สอนเขาให้รู้จักเป็นคนสักหน่อย”

ด้วยความรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนขี้ขลาด แต่ดันชอบทำตัวกร่าง เฉินเฟิงจึงไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นใดๆ

เดิมทีเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว และเขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าไอ้ผมแดงไม่มีความผิดอีกด้วย แต่ไม่อย่างไรเฉินเฟิงก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้

“ถ้างั้นนายอยู่ที่นี่รอสักพัก พอหมอนั่นไปแล้ว นายก็ออกไปซะ”

แต่ไอ้ผมแดงกลับกล่าวอ้อนวอน

“พี่ชาย รอให้พวกลูกน้องผมมากันก่อนได้ไหม ถ้าหากผมออกไปแบบนี้แล้วเผอิญเจอเข้ากับเขา คงจะซวยแน่ๆ ”

ถึงเขาจะพูดแบบนั้น แต่เฉินเฟิงกลับไม่เหลือความอดทนอีกแล้ว เพราะว่าเขาได้เข้ามารบกวนเฉินเฟิงถึงสองครั้งแล้ว

ซึ่งในตอนที่เขากำลังจะพูดปฏิเสธ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

ไอ้ผมแดงหันไปมองประตูด้วยความหวาดกลัว เพราะเขาคิดว่าอาจจะเป็นชายถือมีดคนนั้น

แต่เฉินเฟิงกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ เพราะหากเป็นเขาคนนั้นจริงๆ คงจะมีใช้แรงที่บ้าคลั่งเคาะประตูมากกว่านี้

แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เฉินเฟิงจึงให้ไอ้ผมแดงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำก่อน

“ถ้าฉันไม่ได้เรียก นายห้ามออกมาเด็ดขาด” เขาพูดจบจึงค่อยเดินไปเปิดประตู

แต่เขากลับต้องประหลาดใจเพราะคนที่มาเคาะประตูคือหยางสิงอี้

“คุณมาได้ไง อืม คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเราพักอยู่ที่นี่ ?”

เฉินเฟิงฉุกคิดขึ้นมาว่าเขาอาจจะไม่รู้

และเมื่อดูจากสีหน้าของหยางสิงอี้แล้ว เฉินเฟิงก็ยิ่งมั่นใจได้เลยว่าเขาไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่จริงๆ และราวกับว่านี่เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น

“ทำไมถึงเป็นคุณ?” หยางสิงอี้พูดโพล่งออกมา

“คุณไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่งั้นหรอ?”

“ผมมาตามหาคน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณอยู่ที่นี่”

ในเมื่อชี้แจงกันอย่างชัดเจนแล้ว เฉินเฟิงจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่ได้เจอกับหยางสิงอี้ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงถามอีกครั้ง

“คุณมาหาใคร ทำไมถึงได้มาเคาะประตูโรงแรมแบบนี้?”

หยางสิงอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

และด้วยความที่พวกเขาพักอยู่บริเวณใกล้เคียง ดังนั้นการเดินทางไปยังบ้านของชายชราหยางจึงใช้เวลาเพียงไม่นาน

จนกระทั่งพวกเขาเดินทางมาถึงหน้าบ้านของชายชราหยาง หยางสิงอี้ก็กำลังอยู่ตรงนั้นคัดเมล็ดพืชอยู่พอดี

“พ่อรอพวกคุณได้สักพักแล้ว” หยางสิงอี้บอก

เฉินเฟิงไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาได้เจอมา เพียงแต่ตอบกลับด้วยความสุภาพไม่กี่คำ ก่อนจะเดินตามชิงจือเข้าไปด้านใน

ส่วนหยางสิงอี้เองก็เดินตามเข้าไปเหมือนกัน

“มากันแล้วหรอ”

ชายชราหยางนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น แม้ในตอนที่พวกเขาเข้ามา เขาก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเลยสักนิด

ทางด้านชิงจือจึงถามไปอย่างไม่อ้อมค้อม

“คุณอย่าบอกนะว่าคุณใช้เวลาคิดหนึ่งวันแล้วคำตอบคือยอมแพ้?”

เฉินเฟิงกำลังอยากจะพูดออกมาว่าทำไมชิงจือถึงได้ถามแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าชายชราหยางจะพยักหน้าจริงๆ

เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ทำไมชิงจือถึงดูออกได้ เฉินเฟิงได้เพียงพยายามเข้าใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเข้าใจของชิงจือที่มีต่อชายชราหยาง

“ที่แท้คุณก็เป็นแค่ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่งเท่านั้น แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะเอาของในสัญญาของคุณไป”

เมื่อเธอพูดจบ ชายชราหยางก็พูดต่อทันที “เธอจะเอาไปไม่ได้”

“ทำไม นี่คือคำตกลงที่ได้มีไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้าหากคุณยอมแพ้ คุณก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะได้ครอบครองมัน”

เฉินเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นก็เกิดความไม่เข้าใจ ของที่พวกเขากำลังพูดอยู่นั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่รู้สึกว่ามันคงจะมีค่ามากแน่ๆ

“เพราะว่ามันไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว ฉันไม่มีปัญญาที่จะเอามันให้เธอได้”

“อะไรนะ คุณกล้าทำหายงั้นหรอ เป็นไปได้ยังไง หรือมีคนอื่นมาขโมยมันไปจากคุณงั้นหรอ ?”

ชายชราหยางส่ายหน้า

“ฉันบอกเธอไม่ได้ แต่ที่ฉันเลือกที่จะยอมแพ้ ก็เป็นเพราะว่ามัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร