ลูกเขยมังกร นิยาย บท 888

หลังจากที่เฟิ่งซีดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ได้ฟื้นสภาพในทันที แต่ริมฝีปากนั้นดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับมีหยดน้ำที่ติดอยู่ตรงมุมปาก ราวกับหยดน้ำที่กำลังหยดลงมาใบบัวเลยก็ว่าได้

“มองอะไร?”

เฉินเฟิงรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเฟิ่งซีก็เหมือนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาก่อนจะมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความตะลึง

เฉินเฟิงที่ยังเฉื่อยชา เลยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งยังเตรียมที่จะสอบถามด้วยความเป็นห่วง แต่กลับพบว่าสายตาของเฟิ่งซีกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความโกรธเคือง : “คุณเป็นคนทำงั้นหรอ?”

เฉินเฟิงไม่เข้าใจ จึงมองเฟิ่งซีด้วยความสงสัยพร้อมกล่าวถาม : “อะไร?”

“เสื้อผ้าของฉัน!” เฟิ่งซีอุทาน

เฉินเฟิงรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอต้องกำลังเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายทันที : “เสื้อผ้าของคุณเปียกหมดแล้ว ถ้าปล่อยให้คุณนอนไปทั้งอย่างนั้นจะต้องเป็นไข้แน่ๆ ดังนั้น ……。”

“คุณออกไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ!”

ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะอธิบายจบ เฟิ่งซีก็ถลึงตาโตใส่เฉินเฟิงพร้อมกับตะคอกด้วยความโมโหเสียแล้ว

เฉินเฟิงได้เพียงต้องยอมออกมาด้วยความขุ่นมัวเท่านั้น เพราะเดิมทีกลัวว่าเฟิ่งซีจะเข้าใจผิดจริงๆ เขาเลยอยากจะอธิบายให้กับเธอ แต่ดูจากสายตาของเฟิ่งซีแล้ว หากยังรั้งอยู่ต่อเธอคงจะต้องอาละวาดขับไล่เขาออกมาแน่ๆ

เมื่อเดินออกมาจากห้อง เขาก็เดินไปเยี่ยมดูอาการของหลงหลิน ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นมาก เพียงแต่ยังไม่สามารถลงจากเตียงเท่านั้น และเพราะว่าตัวเองเป็นหมออยู่แล้วดังนั้นพวกเธอจึงเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองอย่างดี

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงเดินเข้ามาคนเดียว เธอก็ถามด้วยความแปลกใจทันที: “เฟิ่งซีล่ะ?”

“เมื่อวานนี้เธอฝังเข็มให้กับนายท่านเชียนด้วยตัวเอง เลยเหนื่อยจนเป็นลมไป ” เฉินเฟิงกล่าวอธิบาย

เดิมทีเฉินเฟิงก็คิดว่าหลงหลินจะเป็นกังวลและอาจจะถามอะไรเพิ่มเติม แต่กลับไม่คิดว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเพียงแค่พยักหน้าเข้าใจเท่านั้น

แล้วเป็นฝ่ายเฉินเฟิงเองที่ต้องถามกลับด้วยความแปลกใจ: “ทำไมคุณถึงไม่เป็นห่วงถามเรื่องของเธอสักหน่อยล่ะ?”

หลงหลินเพียงแต่ตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง: “เฟิ่งซีรู้อยู่แล้วว่าตัวเองสามารถทำถึงขั้นนั้นได้ ดังนั้นเรื่องที่เป็นลมไปเธอเองก็คงจะคิดไว้แล้ว เพราะฉะนั้นสำหรับเธอแล้วเรื่องแบบนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง ”

เฉินเฟิงตอบกลับ: “คุณดูเชื่อมั่นในตัวเธอมากเลย”

หลงหลินพยักหน้า: “ฉันเป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ”

ทั้งสองมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก แม้ว่าจะมีนิสัยที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ในแง่ของความรู้สึกของทั้งสองที่มีต่ออีกฝ่ายนั้นกลับมีความเชื่อมั่นและความห่วงใยซึ่งกันและกันอย่างมาก และสิ่งนี้ทำให้เฉินเฟิงอดประทับใจไม่ได้เลย

“พี่ ร่างกายดีขึ้นหรือยัง?”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงของเฟิ่งซีก็ดังแทรกเข้ามา

ทั้งสองพากันหันไปมองยังประตู ตอนนี้เฟิ่งซีได้เปลี่ยนไปใส่เสื้อคลุมสีเหลืองแอปริคอทพร้อมกับกางเกงขาบาน ซึ่งดูแล้วมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าเลยทีเดียว

“คุณไม่เป็นอะไรแล้วหรอ?” เฉินเฟิงถามด้วยความเป็นห่วง

แต่กลับได้รับเพียงสายตาที่ดุร้ายจากเฟิ่งซีกลับมาแทน เฉินเฟิงจึงต้องรีบหุบปากเงียบทันที

หลงหลินพูด: “คิดยังไงถึงได้ใส่ชุดนี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ค่อยชอบหรอกหรอ ?”

เฟิ่งซีตอบกลับ: “เมื่อวานนี้เสื้อผ้าชุ่มเหงื่อหมดแล้ว และพอดีกับหลายวันมานี้เจอเรื่องมากมายด้วยเลยอยากจะเปลี่ยนอารมณ์บ้างก็เลยใส่ ถ้าหากพี่คิดว่ามันดูดี พี่ก็ลองใส่บ้างสิ ”

เฉินเฟิงที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็ลองจินตนาการว่าถ้าหากหลงหลินสวมชุดแบบเดียวกันนี้ขึ้นมาจริงๆ และไปยืนข้างเฟิ่งซี แล้วจะเป็นภาพแบบไหนกัน

แต่หลงหลินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ: “ชุดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับฉัน ฉันไม่เอาดีกว่า ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นบนใบหน้าของเฉินเฟิงก็ฉายแววผิดหวังที่ยากจะสังเกตเห็นขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าจะถูกเฟิ่งซีจับได้ซะงั้น เธอจึงมองเฉินเฟิงด้วยสายตาที่ต่อว่า

จากนั้นพวกเธอสองพี่น้องก็พูดคุยถึงเรื่องการฝังเข็มเมื่อวานนี้ขึ้นมา

“ถ้าเธอตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้เสียหน่อย ก็คงจะไม่ลำบากขนาดนี้ ”

เชียนสวนยี่ที่เห็นก็เดินเข้าไปทันที: “ต้องลำบากพวกคุณแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง ”

หลงหลินตอบกลับ: “ฟื้นแล้วค่ะ”

ใบหน้าของเชียนสวนยี่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที นี่ถือเป็นข่าวดีที่สุดที่เขาได้ยินในช่วงหลายวันมานี้เลย

“ขอบคุณสำหรับปาฏิหาริย์ของพวกคุณ พวกเราตระกูลเชียนจะตอบแทนพวกคุณอย่างดีที่สุด”

แต่หลงหลินกลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เสียดสี: “พวกคุณไม่ต้องยืนเฝ้าพวกเราอยู่ตรงนี้แล้ว รีบเข้าไปดูเขาเถอะ ”

เมื่อได้ยินคำสั่งของหลงหลิน เขาจึงหยุดกล่าวเยินยอ ก่อนจะรีบพาคนตระกูลเชียนเข้าไปในห้องผู้ป่วยทันที เพียงครู่เดียวภายในห้องก็แออัดไปด้วยคน

ส่วนพวกเขาจะพูดคุยอะไรกันนั้น เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เฉินเฟิงพวกเขาจะต้องไปสนใจแล้ว

และเหมือนว่าเพราะนายท่านเชียนฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงทำให้ตระกูลเชียนยิ่งยุ่งมากขึ้น หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ไม่เห็นมีคนตระกูลเชียนคนไหนมาหาเลยสักคน ยิ่งอย่าพูดถึงการตอบแทนเลย เพราะแม้แต่คำกล่าวขอบคุณยังไม่มีเลย

ตอนนี้เฟิ่งซีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนบริเวณลานบ้านด้วยสีหน้าที่หดหู่ไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เฉินเฟิงที่เห็นจึงคิดว่าเธอคงจะหงุดหงิดใจเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นเลยเดินเข้าไปหาเธอ

“คนตระกูลเชียนไม่ได้เรื่องเลยสักคน” เฉินเฟิงสบถคำหยาบออกมา

เฟิ่งซีที่เหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นเขาถึงกับสะดุ้ง

เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆ คือเฉินเฟิง เฟิ่งซีจึงถามออกมาอย่างไม่สบอามรณ์ : “คุณมาได้ยังไง คนโรคจิต ”

เฉินเฟิงที่ถูกด่าอย่างนั้นก็คิดว่าเธอไม่มีเหตุผลเสียเลย จึงได้กล่าวถามไปตามตรง: “ทำไมคุณถึงยังโกรธผมอยู่อีก ผมก็บอกแล้วไงว่าเรื่องวันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ”

แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเฉินเฟิงพูดแบบนี้ เฟิ่งซีก็ยิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิม

“คุณบอกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ใครจะไปเชื่อได้ล่ะ คนต่ำช้า น่ารังเกียจ ” เธอด่าเขาอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร