ลูกเขยมังกร นิยาย บท 903

เดิมทีเฟิ่งซีคิดอยากจะบุกเข้าไปด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงสักยกหนึ่ง แต่กลับถูกหลงหลินห้ามเอาไว้ “เขาจะเป็นยังไงนั้นเดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว พวกเราก็ได้ทำสิ่งที่พวกเราควรจะทำแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

เฟิ่งซียังคงมองอย่างโกรธแค้น แต่ก็เดินตามหลังหลงหลินออกไปด้วยกัน

เฉินเฟิงก็เดินตามหลังพวกเธอไป แต่ว่าร่างกายกลับรู้สึกอ่อนล้ามากยิ่งขึ้น เดินทีร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นอยู่แล้ว ประกอบกับการที่ไปบีบเค้นพลังภายในที่ซ่อนอยู่ออกมาจนหมด เขากลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วตัวเองก็จะต้องสลบล้มลงไป

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากที่นี่แล้ว หนำซ้ำยังไม่ทันถึงข้างนอกเลย เฉินเฟิงก็ล้มลงไปอย่างกะทันหัน

ทำให้หลงหลินสองคนพี่น้องตกใจไม่ทันได้ตั้งรับ พวกเธอจึงรีบพุ่งตรงเข้าไปตรวจดูอาการ แต่ว่าไม่ว่าพวกเธอจะตะโกนเรียกอย่างไร เฉินเฟิงก็ได้สลบแน่นิ่งไปแล้ว

ในขณะที่หลงหลินสองคนพี่น้องกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนเดินจากข้างนอกเข้ามา พวกเขาดูเหมือนจะลงมือกับเฉินเฟิง

หลงหลินรีบเข้าไปขวางตรงหน้าพวกเขา แล้วตะโกนพูดกับสองคนนั้นว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร?”

แต่ว่าไอ้สองคนนั้นกลับไม่สนใจหลงหลินแม้แต่นิดเดียว ได้แต่เดินเข้าไปแล้วแบกเฉินเฟิงขึ้นบนหลังไป จากนั้นก็เดินมุ่งตรงออกไปข้างนอก

หลงหลินก็คิดที่จะเข้าไปขวางอีก แต่หนึ่งในคนพวกนั้นก็บอกว่า “พวกเรามาช่วยเขา สภาพเขาตอนนี้ถ้าไม่รีบช่วยละก็ คงต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”

หลงหลินเมื่อครู่ได้ตรวจดูสภาพร่างกายของเฉินเฟิงครั้งหนึ่งแล้ว ก็เป็นอย่างที่เจ้าสองคนนี้พูดจริงๆ ร่างกายของเฉินเฟิงย่ำแย่มากทีเดียว มิหนำซ้ำขาข้างหนึ่งก็ได้ก้าวเข้าไปเหยียบอยู่ในสุดเขตแดนแห่งความตายแล้ว

แต่ว่าไอ้คนแปลกหน้าสองคนนี้ เธอคิดดูแล้ว จึงได้แต่เดินตามหลังพวกเขาไป

เมื่อมาถึงข้างนอก ไป๋ซิงก็ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นหลงหลินก็เดินตามมาด้วย จึงไปหยิบกระเป๋ายาใบหนึ่งลงมาจากรถ แล้วโยนไปให้หลงหลินตรงหน้า

“สภาพเขาตอนนี้ ถ้าคุณช่วยเขาไม่ได้ละก็ งั้นเขาก็คงมีแต่ตายอย่างเดียว”

หลงหลินก็ยังแสดงท่าทีไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่เธอรู้ว่าสถานการณ์ของเฉินเฟิงตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแล้ว จึงได้แต่ปล่อยวางความสงสัยทุกอย่างลง รีบช่วยเฉินเฟิงขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

หลงหลินตะโกนพูดกับเฟิ่งซีว่า “รีบฝังเข็มให้เขาเร็ว”

เฟิ่งซีเดินไปตรงหน้าพวกเขาด้วยความกังวลใจ มองเห็นสภาพของเฉินเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

หลงหลินตะโกนห้ามไว้ว่า “รีบลงมือเร็วเข้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะมาโศกเศร้าเสียใจแล้ว”

เฟิ่งซีจึงรีบเปิดกระเป๋ายานั้นออก แล้วหยิบชุดถุงสำหรับใช้ฝังเข็มออกมา ส่วนตอนนี้หลงหลินก็ได้ถอดเสื้อผ้าของเฉินเฟิงออก

รอยบาดแผลเป็นทางที่น่าสะพรึงกลัวบนร่างของเฉินเฟิงนั้นก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสยดสยองทันที เฟิ่งซีตกใจกลัวจนร้องตะโกนออกมา หลงหลินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆจึงควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไว้ได้

“อย่าเสียสมาธิ” เธอยังปลอบโยนเฟิ่งซีอีกด้วย

เฟิ่งซีควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ แล้วหยิบเข็มทองจากถุงออกมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปตรงจุดเทียนฉวนของเฉินเฟิง

ส่วนหลงหลินทางนี้ขณะเดียวกันก็ได้ดึงเข็มออกมา แล้วปักลงไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเฟิ่งซีเสียอีก

ทั้งสองคนจึงสลับกันฝังเข็มด้วยความว่องไวเช่นนี้ เข็มที่ใช้ฝังหนึ่งชุดก็ได้ปักกระจายลงไปทั่วร่างของเฉินเฟิงจนหมดแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยรักษานายท่านเชียนนั้น ยังยุ่งยากมากกว่าเสียอีก

ขณะที่ฝังเข็มไปได้ประมาณร้อยกว่าเล่มนั่นเอง ไป๋ซูก็พาลูกน้องเดินออกมาจากประตูทางออก

สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเฉินเฟิงที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น ต่อมาก็คือไป๋ซิงที่ยืนจ้องมองเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง

หลงหลินก็รู้ว่าถ้าใช้เทคนิควิธีการฝังเข็มชุดนี้ต่อเนื่องไปอีก อาศัยลำพังเธอเพียงคนเดียวคงทำไม่ไหวแน่ จึงพยักหน้า แล้วแลกเปลี่ยนงานในหน้าที่ของตัวเองกับเฟิ่งซี

แม้แต่คนพวกที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่ว่าลมหายใจที่แผ่วเบาของเฉินเฟิงนั้นก็ยังคงรักษาไว้ได้แล้ว ยังไม่ถึงขั้นที่ขาดหายไปจนหมดสิ้น

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ไป๋ซิงให้คนขับรถมาเปิดไฟหน้ารถช่วยส่องสว่างให้กับพวกเธอ จนกระทั่งไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว เฟิ่งซีก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ถึงกับนอนสลบลงไปกับพื้นตรงนั้น

หลงหลินจึงได้แต่ทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกันโดยลำพังจนสำเร็จลุล่วง สำหรับเธอแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่สุดทีเดียว

หลังจากลมหายใจที่แผ่วเบาของเฉินเฟิงนั้นก็ค่อยๆกลับสู่สภาวะการหมุนเวียนที่ปกติแล้ว หลงหลินก็ไม่อาจที่จะฝืนทนต่อไปได้อีกแล้ว ก็ล้มลงนอนสลบไปกับพื้นทั้งที่เข็มทองเล่มหนึ่งยังคาอยู่ในมือเธอ

มองดูคนทั้งสามที่นอนสลบอยู่บนพื้นนั้น ไป๋ซิงก็พูดกับคนที่อยู่ข้างๆว่า “ยกพวกเขาขึ้นไปในรถด้วย”

แล้วคราวนี้ตื่นมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปอยู่ในสถานที่ใดได้อีก

แต่คราวนี้เฉินเฟิงตื่นขึ้นมา เขาไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินที่มองไม่เห็นแสงตะวันอีกแล้ว แต่กลับนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่สะอาดสะอ้าน และยังมีหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงอีกด้วย

ใบหน้าที่เรียวยาวสะสวย ผมยาวสลวยดกดำเป็นเงา ริมฝีปากที่แดงหยาดเยิ้มสดใส และยังมีดวงตาทั้งคู่ที่สวยสดงดงามส่องประกายแวววาว

ผิวหนังที่อ่อนนุ่มบางใสวิ้ง รูปทรงองค์เอวสำหรับความเซ็กซี่ของผู้หญิงนั้นเห็นส่วนเว้าส่วนนูนได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนมีขนาดใหญ่เล็กที่พอเหมาะพอดี ขณะที่เฉินเฟิงมองดูเธออยู่นั้น ผลที่ได้รับกลับมาก็คือสีหน้าที่โกรธเคืองของเธอ

“หรือว่าเวลาที่คุณเจอหน้าคนครั้งแรก ก็จ้องมองคนแบบนี้เลยเหรอ?”

น้ำเสียงสดใสกังวาน ราวกับเสียงนกขมิ้นที่ร้องขับขาน ทำให้เฉินเฟิงถึงกับไม่ได้ยินเนื้อหาที่เธอพูดจึงไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร