ฉีเติ่งเสียนมีบางอย่างที่รู้สึกทั้งสงสัยในตัวจิ่วเฮิง แต่มีบางอย่างที่ดูแคลน ในขณะเดียวกันเหล่าพวกพี่ชายก็เพิ่งออกมาเจอโลกได้ไม่กี่วันเองนะ แต่กลับทำเป็นพูดว่ามีประสบการณ์จริงในสนามรบแล้ว!
ไม่เพียงแต่รู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจ แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลอง
ดังนั้นฉีเติ้งเสียนจึงได้นำมันไปปฏิบัติจริง แล้วพบว่าผลลัพธ์นั้นยอดเยี่ยมมาก พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นซูเปอร์ไซย่า ทั้งที่เขายังไม่ได้กินถั่วเซียนแม้แต่สักเม็ดด้วยซ้ำ
สรุปแล้วหลังจากนำเทคนิคการต่อสู้ฉบับของจิ่วเฮิงมาใช้ ฉีเติ่งเสียนก็พบว่าความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองแทบจะไม่ด้อยไปกว่าตอนดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์สักเท่าไหร่เลย ผลลัพธ์แค่ห่างกันนิดเดียวเท่านั้นเอง
รถพยาบาลที่ดูเหมือนจะธรรมดาคันหนึ่ง หลังจากใช้เทคนิคนี้ก็แทบกลายเป็นรถดับเพลิงไปในทันทีราวกับว่ามีพลังขนาดเหลือล้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกค้ามนุษย์ถึงนับถือจิ่วเฮิงราวกับเจ้าลัทธิ บางคนถึงกับอยากเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเขาเสียด้วยซ้ำ แท้ที่จริงแล้งเพราะมีของที่สุดยอด
แต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้พระอัครสังฆราชถึงกับส่ายหน้า รู้สึกว่าจิ่วเฮิงเอาเวลาที่ควรใช้ในการฝึกจิตฝึกใจไปหมกมุ่นกับการคิดเทคนิคต่อสู้ ถ้าเขามีความมุ่งมั่นในการฝึกวิชาแบบนี้สักครึ่ง ก็คงเข้าถึงตัวตนภายในหรือแม้แต่ควบคุมพลังแห่งเทพเจ้าได้ไปนานแล้วไหม?
แต่พูดก็พูดเถอะจิ่วเฮิงคนนี้ก็ช่างมีพรสวรรค์ในการสรุปบทเรียน เมื่อมองดูถึงทราบว่าทำไมมหาวิหารอวตารถึงยอมควักเงินส่งเขาไปแช่ออนเซ็นที่ดูท่าจะคุ้มค่าจริงๆ
ฉีเติ่งเสียนที่กำลังรออาหารมื้อดึกที่โรงแรม ระหว่างรอเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดหน้าจอและเชื่อมต่อกับระบบปลายทางเพื่อดูอะไรบางอย่างสักครู่นึง
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงจิ่วเฮิงยังคงอธิบายทฤษฎีชีวิตอย่างจริงจังว่า“ผู้ชายอาจจะเป็นพวกติดตามประจบได้ เป็นหมาเลียขาได้ แต่ห้ามเด็ดขาดที่จะเป็นแพะเดือด”
คำพูดนี้ทำเอาฉีเติ่งเสียนแค่นหัวเราะอยู่ภายในใจ แพะเดือดไม่ใช่แค่หมาเลียขาเหมือนกันไหม?!
“อาจาร์ยจิ่ว ท่านหมายความว่าอย่างไรครับ” ผู้ค้ามนุษย์อดไม่ได้ที่จะถามด้วยสีหน้าคาดหวัง
จิ่วเฮิงจึงพูดด้วยท่าท่างที่จริงจังอย่างเหลือเชื่อว่า “สรุปแล้ว ผู้ชายไม่สามารถเป็นคนเลียอารมณ์ได้ เป็นแค่คนเลียทางกายเท่านั้น”
“เวรเอ๊ย! พูดบ้าอะไรวะ หยาบคายยิ่งกว่าหมาป่ากับเสืออีก?!”
ฉีเติ่งเสียนถึงกับเอามือตบหน้าผากตัวเอง พลางคิดในใจอย่างหงุดหงิดว่า“วิดีโอเหล่านี้คงต้องตัดต่อซะก่อนถึงจะส่งเป็นหลักฐานได้ ไอ้จิ่วเฮิงนี่มันไม่แคร์ชื่อเสียงหรอก แต่ตัวเองไม่อยากถูกลากไปแปดเปื้อนให้เสียชื่อกันทั้งหมด!”
เมื่อรอวีดีโอให้ถึงในช่วงเวลากลางดึกและถูกส่งมาถึงฉีเติ่งเสียน ก็จะทำการปิดระบบปลายทางในแท็บเล็ตไปพร้อมกับคิดวิธีในใจว่าจะหาเวลาตัดต่อวิดีโอพวกนี้ภายหลัง
เนื้อหาที่จิ่วเฮิงพูดคุยโผงผางต่อหน้าพวกค้ามนุษย์นั้น แน่นอนว่าเอาไปเผยแพร่ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นไอ้หมอนี่ยังเอาแต่พูดชื่อ“ฉีเหล่าลิ่ว” ออกมาเรื่อย ๆ ยิ่งฟังยิ่งหัวร้อนเข้าไปใหญ่
ขณะที่ฉีเติ่งเสียนจัดจานอาหารว่างอย่างเรียบร้อย หยางกวนกวนก็เพิ่งจะลุกขึ้นมาจากเตียงในชุดนอนที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย สีหน้าเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนระโหย แก้มแดงเรื่ออย่างน่ามองแววตาเธอชุ่มชื้นระยิบระยับ เต็มไปด้วยความหลงใหล
“วันนี้ฉันจัดการธุระของกลุ่มไจ้เย่กรุ๊ปไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังขาดคนอยู่เล็กน้อย เลยกะว่าจะให้ประธานเซี่ยงช่วยส่งคนมาสนับสนุนหน่อย”หยางกวนกวนพูดพลางนั่งลงข้างๆ ฉีเติ่งเสียนอย่างแนบชิด
“แน่นอนอยู่แล้ว”ฉีเติ่งเสียนพูดตอบกลับโดยไม่ลังเล
หยางกวนกวนพูดว่า“ฉันรู้สึกคิดว่าก้าวต่อไปของไจ้เย่กรุ๊ปจะเน้นที่ด้านการท่องเที่ยว ตอนนี้ทางจังหวัดซีเทียนกำลังมีนโยบายจะสร้างแหล่งท่องเที่ยวแบบเน็ตไอดอลที่ตั้งก็มีการกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว”
“การลงทุนในโครงการนี้น่าจะทำเงินได้ไม่น้อย แต่ปัญหาคือตระกูลซุนดูเหมือนจะเล็งที่ดินผืนนี้ไว้เช่นกัน”
“เจ้าของที่ดินผืนนั้นเป็นเศรษฐีท้องถิ่นคนหนึ่ง พ่อของเขาอาการหนักแล้ว ช่วงนี้จึงมองหาสถานที่ที่ฮวงจุ้ยดี เพื่อใช้เป็นสุสาน”
“คนของฝั่งตระกูลซุนช่วงนี้ก็จ้างซินแสดังมาคำนวณฮวงจุ้ย กำลังเตรียมที่จะเลือกสุสานเช่นกัน พวกเราจะตามหลังไม่ได้เด็ดขาดอะ!”
เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ฟัง ก็นิ่งไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า“ซินแสท่านนั้นที่มาดูฮวงจุ้ยเป็นใครเหรอ?”
หยางกวนกวนตอบว่า“"เขามีชื่อว่าอู๋กั๋วฮั่วซึ่งมาจากเมืองหลวง ชื่อเสียงโด่งดังมาก ตอนนี้เขาไปดูที่ฮวงจุ้ยที่สุสานมาแล้วเรียบร้อย กำลังจะตัดสินใจเลือกอยู่พอดี”
เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ยินชื่อก็ขมวดคิ้วทันที เขาเองก็รู้จักอู๋กั๋วฮั่วดีเหมือนกัน คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ฝีมือด้านฮวงจุ้ยเรียกได้ว่า ของจริง มีวิชาติดตัวและประสบการณ์ไม่น้อย เรื่องฮวงจุ้ยสำหรับฉีเติ่งเสียนจะไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพื้นฐาน อย่างน้อยก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง
“เรียกอาจารย์จางเทียน”หยางกวนกวนพูดกับฉีเติ่งเสียนด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “สิบห้าล้าน”
น้ำเสียงของอาจารย์จางเทียนหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า“ถ้าผมไม่เป็นผู้ดำเนินพิธีเซ่นไหว้ด้วยตัวเอง ก็เหมือนกับลืมกำพืดนั่นแหละ ผมทุ่มเทใจและผ่านเรื่องราวมากมาย เพื่อรักษาประเพณีของเขาเสวียนหวู่ด้วยความรักอย่างล้นเหลือ การจะให้ผมละทิ้งพิธีใหญ่ที่ผมต้องดูแลเองไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้คนอื่น”
“ต้องเพิ่มเงิน!เสียเลิยริมฝีปากดังขึ้น”
ฉีเติ่งเสียนก็ได้ยินสามคำสามสำคัญที่รอคอย พร้อมกับเสียงเลียริมฝีปาก ทำให้เขาถึงกับทั้งขำทั้งเซ็ง
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า“ถ้าอย่างงั้นก็ยี่สิบล้านเลย คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะไปหาอาจารย์จื่อหยาง!”
อาจารย์จางเทียนรีบตอบทันที“ผมไปแน่นอน ผมไปแน่นอน! ผมพยายามเพื่อทองคำเปลวบนตัวเทพเต้าจุน ถึงแม้จะพลาดพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ แต่เทพเจ้าเซียนเทียนก็จะไม่ตำหนิผมหรอก”
“ซื้อบัตรเครื่องบินให้ผมเลย ผมจะรีบไปสนามบินเมืองไท่เย่ว์ หลังจากนั้นจะออกเดินทางโดยทันที!”
“เรื่องของบรรพจารย์ ลูกศิษย์อย่างผมจะไม่ทุ่มเทเต็มที่ได้ยังไงกันน่ะะ?!”
อาจารย์จางเทียนวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ราวเหมือนกลัวว่าฉีเติ่งเสียนจะให้เขาซื้อบัตรเครื่องบินเอง ทำให้ฉีเติ่งเสียนถึงกับพูดไม่ออกไปเลย
หยางกวนกวนยื่นมือมาจิ้มหัวฉีเติ่งเสียนเบาๆ แล้วพูดว่า“นายตั้งราคามาแบบนี้ ก็อยากกินส่วนต่างระหว่างกลางใช่ไหม? จะกินเงินของฉันด้วยหรือไง นายมีจิตสำนึกบ้างไหมเนี่ย!”
ฉีเติ่งเสียนใช้มือประคองข้อมือของหยางกวนกวน หลังจากนั้นจึงพูดว่า “เธอรู้อะไรไหม ไม่ได้ยินอาจารย์จางเทียนพูดสามคำสำคัญนั่นเหรอ?!”
“ต้องเพิ่มเงิน”
หยางกวนกวนพยักหน้าอย่างมีความคิด “อ๋อ นี่เอง ทำไมฉีเติ่งเสียนถึงตั้งราคาต่ำๆ แบบนั้น ก็เพราะเดาว่าอาจารย์จางเทียนต้องยกราคาเพิ่มนั่นเอง!”
ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...