มหาเทพ แห่ง สงคราม นิยาย บท 1899

นายท่านเซลเลอร์จ้องมองภาพการถูกทำลายล้างเบื้องหน้า ตำหนักคลื่นเมฆาที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและทรงพลังพังทลายเสียจนไม่มีชิ้นดี “คุณคิดว่าเราควรไปที่กองทัพทั้งเก้าและดูสถานการณ์ของพวกเขาด้วยหรือเปล่า? ผมอยากไป เผื่อจะมีใครรอดชีวิตบ้าง” เขาถอนหายใจออกมาดัง ๆ

ณ จุดนี้ นายท่านเซลเลอร์อับจนหนทาง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรอีกต่อไป เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของกองกำลังปฏิภาคีแต่คราวนี้เขากลับทำอะไรไม่ถูก

คิ้วของปรมาจารย์ยาร์โบรห์ขมวดเข้าหากัน จากนั้นเขาก็ตบต้นขาและประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ไปกันเถอะ! เราต้องไปดูเห็นกับตา! หากมีผู้รอดชีวิต เราต้องช่วยพวกเขา! บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ถูกฆ่าไปจนหมดก็ได้ ใครจะไปรู้”

นายท่านเซลเลอร์พยักหน้าเห็นด้วย ความคิดของนายท่านยาร์โบรห์ฟังดูมีเหตุผลและเข้าท่า แม้ว่าตำหนักคลื่นเมฆาจะจะเหลือเพียงความว่างเปล่า แต่จิตวิญญาณแห่งความสามัคคีและการช่วยเหลือผู้อื่นจะไม่ละลายหายไปด้วย ดังนั้นอย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไปดูสถานการณ์

หลังจากที่ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็เดินทางร่วมกันไปยังกองทัพทั้งเก้า พวกเขาเตรียมใจสำหรับสิ่งที่พวกเขาจะได้เห็นจากที่นั่นแล้ว

พวกเขายังได้นึกภาพของกองทัพทั้งเก้าในปัจจุบันขึ้นในหัว ภาพศพที่จมอยู่ในกองเลือด เศษซากศพที่กระจัดกระจาย และอะไรทำนองนั้น บางทีพวกเขาอาจพบร่างของเฟนด์อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

ภาพในจินตนาการของพวกเขาล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้น หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในประตูของกองทัพทั้งเก้าแล้ว ทั้งคู่ก็แทบจะอ้าปากค้าง แม้ว่าจะมีร่องรอยของการต่อสู้หลงเหลืออยู่ แต่พวกเขาก็ยังเห็นฝูงชนเคลื่อนไหวไปมาภายในกำแพงของกองทัพทั้งเก้า

พวกเขาดูมีความสุขและสบายดี ราวกับว่าทั้งกองทัพถูกเติมเต็มไปด้วยความหวังและความมั่นใจ นายท่านยาร์โบรห์ขมวดคิ้วและรีบหยุดสมาชิกของกองทัพทั้งเก้าเพื่อซักถาม

หลังจากถามคำถามต่าง ๆ พวกเขาก็ได้รู้ว่าสถานที่นั้นถูกเปลี่ยนชื่อไปแล้ว พวกเขาไม่ใช่กองทัพทั้งเก้าอีกต่อไปแต่คือเผ่าเก้าเทพ และผู้นำกองกำลังของพวกเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟนด์ ซึ่งพวกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด

นายท่านยาร์โบรห์ดึงสมาชิกที่มีเคราสั้นเอาไว้และถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “กองกำลังภาคีไม่ได้ส่งใครมาโจมตีที่นี่หรือ? หรือพวกเขาไม่พบที่ที่จะทำการต่อสู้ได้?”

สถานการณ์อันน่าสลดใจที่ไม่มีผู้รอดชีวิตในตำหนักคลื่นเมฆาได้สร้างตราบาปในใจให้กับนายท่านเซลเลอร์ และนายท่านยาร์โบรห์ แต่เผ่าเก้าเทพกลับปลอดภัยและสงบสุขจนถึงจุดที่พวกเขาเริ่มสงสัยว่าพวกเขาได้เห็นอะไรในตำหนักคลื่นเมฆา

"ผมพูดเรื่องจริง! ไม่อย่างนั้นเราจะเดินไปเดินมาเป็นอย่างนี้อยู่ได้ยังไง?”

นายท่านยาร์โบรห์ขมวดคิ้ว “เท่าที่ฉันรู้ คนที่มาโจมตีเผ่าเก้าเทพของพวกนายมียอดฝีมือท่านที่สามทะลวงวิญญาณถึงสองคน! นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในขั้นที่หนึ่งระดับทะลวงวิญญาณอีกสามคนอีกด้วย! พวกเขาส่งนักสู้ที่แข็งแกร่งมากมาย! พวกนายเอาตัวรอดและชนะการต่อสู้นี้ได้อย่างไร?!”

สถานการณ์อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขา เผ่าเก้าเทพคือกองทัพทั้งเก้า และปรมาจารย์ทั้งสองก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพทั้งเก้าเป็นอย่างดี ไม่มีทางที่จะมีนักสู้ที่แข็งแกร่งในหมู่พวกเขาที่จะต่อสู้กับกองกำลังภาคีมากเท่าไหร่นะ

แม้แต่เฟนด์ที่มีพรสวรรค์อย่างยอดเยี่ยมก็ยังอยู่ในระดับเทพสูงสุดเท่านั้น ระดับเทพสูงสุดไม่มีค่าอะไรในสายตาของปรมาจารย์ที่อยู่ในระดับทะลวงวิญญาณเหล่านั้น!

หลังจากสังเกตเห็นว่าสีหน้าของปรมาจารย์ยาร์โบรห์เปลี่ยนไปอย่างสับสน ชายผู้นั้นก็ยืดอกให้ตรงและตอบพวกเขาด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ “ไอ้พวกสารเ*วจากกองกำลังภาคีนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ะนายท่านของเราก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหาเทพ แห่ง สงคราม