เป็นที่ประจักษ์ จางหลู่เหลียงพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา จะต้องรู้เรื่องที่ลู่เฟยเฉินจะฆ่าเขาที่เมืองชิงหยุนอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วในสายตาของจางหลู่เหลียง เจ้าสำนักลู่นั่นทำไปโดยไร้ประโยชน์ราวกับถอดกางเกงผายลม ในเมื่อต้องการสังหารหลัวซิว ทำไมตอนนั้นต้องปกป้องหลัวซิวเอาไว้ ให้เขาฆ่าหลัวซิวก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ?
สำหรับเรื่องแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักนั้นเป็นความลับภายในสำนัก จากฐานะและตำแหน่งของจางหลู่เหลียง แต่กลับไม่รู้เรื่องราวภายในเหล่านั้น
สาเหตุที่เขารู้ว่าลู่เฟยเฉินต้องการสังหารหลัวซิว ก็เพราะได้รู้มาจากตระกูลจางแห่งเมืองชิงหยุน
นอกจากนี้เขายังรู้อีกว่า หลัวซิวได้สังหารนายท่านตระกูลจางอีกครั้ง
“ตูม!”
จางหลู่เหลียงยังไม่ทันจะเข้ามา ก็ได้ซัดฝ่ามือเข้ามาจากไกล ๆ ปราณแท้อันแรงกล้าแผ่ซ่านออกมา กลายเป็นแรงลมร้องหวีดหวิว จู่โจมเข้ามาหาหลัวซิว
สัญชาตญาณของหลัวซิวสั่งให้เขาหลบเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังถูกแรงลมพัดกระแทกเข้า เหมือนดั่งโดนฟ้าผ่าขึ้นมาทันที เข้าอ้าปากกระอักเลือดสด ๆ ออกมา ร่างลอยกระเด็นออกไป
แต่หลัวซิวก็ได้อาศัยโอกาสนี้ออกมาจากนอกสำนักเซียวเหยา เขาฝืนทนอาการบาดเจ็บเอาไว้ หลบหนีข้ามถนน โซซัดโซเซเข้าสู่องค์กรนักล่ายุทธ์
“สมควรตาย!”
จางหลู่เหลียงก็ลอยตัวออกมาจากนอกสำนักเซียวเหยา เมื่อพบว่าหลัวซิวได้หลบหนีเข้าไปในองค์กรนักล่ายุทธ์แล้ว สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นมาทันที
ภายในองค์กรนักล่ายุทธ์ห้ามไม่ให้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ต่อให้เขากล้าบ้าบิ่นถึงเพียงใดก็ไม่กล้าบุกเข้าไปสังหารหลัวซิว
ความจริงเป็นก็เนื่องด้วยมีกฎแบบนี้อยู่ มีจอมยุทธ์ไม่น้อยที่ถูกตามล่าสังหารและหลบหนีเข้ามาในองค์กรนักล่ายุทธ์เพื่อร้องขอการคุ้มครอง
หลังจากที่หลบหนีเข้ามาในองค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวก็กระอักเลือดออกมา ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ไม่น้อยมองมาทางนี้ด้วยความสงสัย
แต่ทว่าเขาไม่ได้ใส่ใจสายตาของผู้คนเหล่านั้น และไม่ได้เดินเข้าไปที่โต๊ะต้อนรับในห้องโถง แต่ได้ตรงไปที่ประตูหินที่อยู่มุมมุมหนึ่งในห้องโถงแทน
ข้าง ๆ ประตูหิน มีร่องอยู่แห่งหนึ่ง หลัวซิวลวงเอาตรานักล่าอสูรออกมาและวางใส่ลงไป ประตูเปิดออกทันที
องค์กรนักล่ายุทธ์ทุกแห่งต่างก็มีสถานที่แบบนี้อยู่ มีเพียงสมาชิกในแก๊งถึงสามารถอาศัยตราสัญลักษณ์เข้าสู่ด้านในได้
สำหรับข้อมูลเรื่องที่หลัวซิวได้เข้าเป็นสมาชิกในแก๊งแล้วนั้น ก็ได้ถูกบันทึกลงในตราสัญลักษณ์เป็นที่เรียบร้อย
......
นอกลานสวนของลู่เมื่องเหยา ลู่เฟยเฉินมองดูบุตรสาวที่ขอบตาแดงก่ำ และยังสะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย
เขาไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้น เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องเป็นหลัวซิวได้เข้ามาแล้วแน่ ลู่เมิ่งเหยาได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว
ในเวลาเช่นนี้ ยิ่งเขาอธิบาย ยิ่งจะทำให้บุตรสาวแค้นเคืองตนเอง
สำหรับเรื่องนี้ ลู่เฟยเฉินไม่คิดว่าตัวเองได้ทำผิดอะไร และยังได้โยนความโกรธแค้นทั้งหมดให้กับหลัวซิว เขาคิดว่าถ้าหากหลัวซิวไม่ปรากฏตัวขึ้น ระหว่างเมิ่งเหยาและตนเองนั้น จะต้องไม่เกิดช่องว่างเช่นนี้แน่
เขาใช้กล่องส่งเสียงกระจายข่าวออกไป ออกคำสั่งให้สำนักยุทธ์ทั้งสิบแปดเมืองภายในเขตการปกครองหยุนหลงจับตาดูองค์กรนักล่ายุทธ์ โดยเฉพาะเมืองชิงหยุน ทันทีที่พบหลัวซิวปรากฏตัวขึ้น ให้รายงานมาทันที
แม้ว่าบิดามารดาของหลัวซิวจะมีองค์กรนักล่ายุทธ์คอยคุ้มครอง ทำให้เขาไม่อาจทำอะไรได้ แต่เขาคิดว่าต่อให้หลัวซิวใช้ค่ายวาร์ป ก็จะต้องไปที่เมืองชิงหยุนอย่างแน่นอน
แน่นอน ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่หลัวซิวจะทะลุมิติไปเมืองอื่น ดังนั้นเขาถึงได้ออกคำสั่งโดยรวม ทอดแหออกไปเป็นวงกว้าง
องค์กรนักล่ายุทธ์
หลัวซิวใบหน้าซีดเซียว เดินโซเซเข้าไปในพื้นที่ของสมาชิกภายใน
ประตูถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ หลัวซิวเงยหน้าไปมอง เห็นเหวินเซวียนหงท่านหัวหน้าแก๊งเดินเข้ามา
“อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือ?” เหวินเซวียนหงเดินเข้ามานั่งลงแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หลัวซิวพยักหน้า แล้วลุกขึ้นคารวะ “ต้องขอบคุณการช่วยเหลือจากท่านหัวหน้าแก๊งเหวินในครั้งนี้”
เขาเข้าใจดี ถ้าหากเหวินเซวียนหงไม่เอายาย้ายร่างเปลี่ยนกระดูกให้เขา เขาก็ไม่มีทางที่จะแฝงตัวเข้าไปในนอกสำนักเซียวเหยาได้ เกรงว่าเมื่อแฝงตัวเข้าไป ก็จะต้องถูกพบเข้าให้ในทันที และหนีออกมาไม่ได้อีก
ทว่าเมื่อนึกถึงการตัดสินใจของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวก้ต้องยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาเข้าใจดีว่านับจากนี้ไป ทั้งสองคนจะต้องเดินคนละเส้นทาง ไม่ใช่คนในโลกเดียวกันอีกต่อไป
เมื่อเห็นท่าทางของหลัวซิว อาศัยประสบการณ์ของเหวินเซวียนหง จะไม่เข้าใจเรื่องราวที่อยู่ภายในได้อย่างไรกัน?
“ทุกคนต่างก็มีทางเลือกของตัวเอง และมีเส้นทางของตนเองที่ต้องเดิน เลือกเส้นทางเดินที่ไม่เหมือนกัน ก็ต้องเดินร่วมทางกันไม่ได้เป็นธรรมดา” เหวินเซวียนหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลัวซิวเองก็รู้ว่าหัวหน้าแก๊งท่านนี้กำลังปลอบใจตัวเอง ดังนั้นจึงได้ยิ้มตอบ “บางทีนี่อาจจะเป็นดั่งคำพูดที่ว่าเมื่อเส้นทางไม่เหมือนกันก็ไม่อาจเดินร่วมกันได้”
“หึ ๆ จะเข้าในแบบนั้นก็ได้” เหวินเซวียนหงพยักหน้ายิ้มกล่าว
“ชั่วชีวิตหนึ่งของมนุษย์นั้น มีเรื่องไม่สมปรารถนาอยู่มากมาย เส้นทางที่เจ้าต้องเดินยังอีกยาวไกล ต้องการประสบความสำเร็จในการฝึกยุทธ์ สิ่งแรกที่เจ้าจะต้องทำในตอนนี้ ก็คือฝึกตนให้มีความสามารถในระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ให้ได้ภายในหนึ่งปี”
สมาชิกอัจฉริยะทั้งหมดของแก๊ง ทุกปีจะมีการทดสอบหนึ่งครั้ง ถ้าหากไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของการทดสอบได้ ก็จะไม่ได้รับการฝึกฝนเลี้ยงดูจากทางแก๊งอีกต่อไป
การฝึกฝนเลี้ยงดูสมาชิกอัจฉริยะจากทางแก๊งนั้น แทบจะไม่มีการจำกัดทางเสรีภาพใด ๆ เลย ขณะเดียวกันก็ไม่ให้การปกป้องใด ๆ จะสามารถเติบโตขึ้นมาได้หรือไม่นั้น ล้วนอาศัยโชคชะตาและความสามารถส่วนบุคคล
แน่นอน สมาชิกอัจฉริยะจะได้รับสิทธิ์ที่แตกต่างกันไป และสามารถได้รับข่าวสาร ข้อมูล เคล็ดวิชา ทรัพยากรจากทางองค์กรนักล่ายุทธ์ ตราบใดที่เจ้าสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ ทางแก๊งก็จะตอบสนองอย่างเต็มที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...