ฟื้นแล้ว ก็หมายความว่าอาการของเขาดีแล้วส่วนหนึ่ง
วินาทีที่ลืมตา ความเจ็บปวดของร่างกายทำให้เขาหายใจเข้าลึกๆและกัดฟันแน่น
“หลัวซิว นายฟื้นแล้วหรอ?”
ในตอนที่หลัวซิวฟื้น บนใบหน้าลู่เมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความสุข ถามอย่างเป็นห่วง
สามวันที่ผ่านมา หล่อนดูแลอยู่เคียงข้างหลัวซิวตลอดเวลา สีหน้าดูโทรมโทรม
หลัวซิว เห็นว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่นั้นสะอาดเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่คราบเลือด
ไม่ต้องสงสัยเลยลู่เมิ่งเหยา ต้องเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้เขาแน่นอน คราบเลือดหล่อนก็เป็นคนเช็ดให้ นอกจากหล่อนคงไม่มีผู้คนที่สองจะทำแบบนี้ให้ แถมยังค่อยเฝ้าอยู่ห้องข้างไม่หลับไม่นอน
ทำให้หลัวซิวรู้สึกซึ้ง เอ็งด้านเพราะหล่อนดูแลตนเอง อีกอย่างเพราะความรู้สึกที่หล่อนให้กับตนเอง
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วเธงก็ไปพักผ่อนเถอะ หน้าของเธอดูโทรมไปหมดเลย” หลัวซิว ยื่นมือไปจับที่หน้าห้องเธอ พูดอย่างอ่อนโยน
การกระทำที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้ลู่เมิ่งเหยาหน้าแดง ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ ในใจยังรู้สึกมีความสุข
เหมือนความห่างเหินของทั้งสองที่ผ่านมาเพราะเรื่องต่างๆ จะลดน้อยลง
และเธอเองก็เหนื่อยแล้วจริง ไม่ได้เหนือที่ร่างกาย แต่เหนื่อยที่ใจ
เห็นหลัวซิวไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งอกและรู้สึกง่วงทันที
หลัวซิวกอดหล่อนเข้ามาในอ้อมกอด อย่างอ่อนโยน “นอนสักแป๊บเถอะ”
และในตอนนี้ นอกห้องมีกับดับที่วางไว้ มีการเคลื่อนไหว มีคนไป สัมผัสโดนกับดับ
หลัวซิววางตัวลู่เมิ่งเหยา เดินไปที่ประตูและเปิดประตูห้องลับ
ในองค์กรนักล่ายุทธ์จะไม่มีใครมารบกวนโดยไม่มีเหตุผล เขาคิดว่าน่าจพเป็นคนของภายในของแก๊ง
นอกประตู มีสาวสวยยืนอยู่ ใส่เสื้อสีฟ้ากระชับตัว สะพายดาบไว้ด้านหลัง ดูแล้วแท่ๆ
ผู้หญิงคนนี้ คือลูกศิษย์ของเสิ่นหยวนหนาน หลินเจียเอ๋อร์
“คุณ林 มีธุระอะไรครับ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า หล่อนมีหุ่นที่ดีมาก เสื้อที่กระชับทำให้เห็นรูปร่างได้อย่างชัดเจน พร้อมกับใบหน้าที่สวยงาม ผิวพรรณที่ผ่องขาว ไม่แพ้ลู่เมิ่งเหยาสักเท่าไหร่เลย
แต่หลัวซิวกลับสังเกตเห็นว่า สายตาที่หลินเจียเอ๋อร์มองตัวเอง เหมือนจะ ดูถูก?
“นายฟื้นแล้วหรอ?” หลินเจียเอ๋อร์ ไม่มีความหมายใดใดที่จะเป็นห่วงเขา น้ำเสียงเย็นชาอย่างชัดเจน
“นี่คือยาที่อาจารย์ให้มา” ระหว่างที่พูดหลินเจียเอ๋อร์ก็เอาขวดยกให้กับหลัวซิว
ยาที่เสิ่นหยวนหนานหัวกน้าแก๊งเอาให้จะธรรมดาได้ไง หลินเจียเอ๋อร์ ไม่เข้าใจว่าไอ้หนุ่มที่กล้าท้าทายอาจารย์ของตนเองจนได้แผล ทำไมอาจารย์ต้องให้ยารักษากับเขาด้วย
หลินเจียเอ๋อร์เผลอมองไปเห็นลู่เมิ่งเหยาที่นอนอยู่บนเตียง นัยน์ตาเต็มไปด้วยดูถูก คิดอยู่ว่าหลัวซิวพึ่งฟื้นก็อยากจะเล่นผู้หญิงแล้วเหรอ?
หลัวซิวไม่รู้ที่หลินเจียเอ๋อร์คิดกับเขา ถึงแม้จะรู้ เขาก็ไม่เข้าใจความคิดแปลกของหล่อน
ยื่นมือรับยามา ยาที่เสิ่นหยวนหนานให้เป็นยาระดับห้าแน่นอน ของดีแบบนี้ถึงแม้ไม่ต้องใช้ หายก็ต้องเอาไว้
หลังจากทั้งสองนั่งลงโสว่หยวนโหย่วถาม
“คือแบบนี้ครับ ในมือของผมมีของอยากจะแรกเป็นหินพลังจิต”
หลัวซิวเอาแหวนเก็บของออกมาหลายวง นายนี้ต่างก็เป็นของของนักยุทธ์ที่เขาฆ่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ในตอนที่เข้าสู้พรสวรรค์ขั้น9 แทบจะใช้เห็นพลังจนหมด ของพวกนี้เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์แถมยังกินที่ จะต้องขายทิ้งอยู่แล้ว
โสว่หยวนโหย่วยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นดูของที่อยู่ในแหวนเก็บของ ไม่นานก็รู้แล้ว
“คุณหลัว ของพวกนี้ราคาไม่ถือว่าสูง แต่จำนวนเยอะ จะขายได้ ห้าหมื่นหินพลังจิต” โสว่หยวนโหย่วพูด
ห้าหมื่นหินพลังจิตดูเหมือนจะไม่น้อย แต่ถ้าเปลี่ยนไปเป็นพลังจิตชั้นกลาง ก็แค่ห้าร้อยก้อน
นี่ก็เป็นเพราะว่าเขาฆ่าหังเซี่ยงเฉิน ปรมาจารย์ฝึกจิตคนนั้น ถ้านับพวกนักยุทธ์พรสวรรค์ที่เขาฆ่า ทั้งหมดรวมกันก็แค่สามหมื่นกว่า
ปกติแล้ว จะมีเป็นพัน ปรมาจารย์ฝึกจิตเป็นหมื่น ผู้แข็งแกร่งชายุทธ์อย่างน้อยก็หลายหมื่น
บอกได้เลยว่า ผลการฝึกตนของหลัวซิวไม่สูง แต่ของที่เขาใช้ไปนั้น เทียบเท่ากับสมบัติของผู้แข็งแกร่งชายุทธ์หลายคนแล้ว
เฮ้ยตาพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้แข็งแกร่งชายุทธ์จน จะเป็นเพราะว่าผู้แข็งแกร่งชายุทธ์เองก็ต้องใช้มากมาย ทรัพย์สินที่ได้มาก็แลกกับการพัฒนาผลการฝึกตน
ถ้ามีคนคนหนึ่งสะสมแต่ไม่ใช้พัฒนาผลการฝึกตน งั้นสักวันหนึ่งก็จะทุกคนฆ่าตาย สมบัติจะมากขนาดไหนก็อยู่ในกำมือของผู้อื่น
ดังนั้นก็เลยมีจอมยุทธ์ มากมายเดินไปทั่ว น้อยมากที่จะมีสมบัติ มีแต่ผลการฝึกตน ที่การฝึกตนถึงขีดจำกัด ไม่สามารถที่จะก้าวต่อไปได้ ในมือก็จะมีทรัพย์สินเก็บไว้ให้กับรุ่นต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...