มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 230

“หินพลังจิตเป็นของดี แต่ก็ต้องมีชีวิตไปเอามา” หลัวซิวแสยะยิ้มเย็นชา ยกไหเหล้าขึ้นมา เอาจุกดินเหนียวออก และกระดกเข้าปากอึกใหญ่

“ดื่มเหล้าฆ่าคน บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ สะใจ!” หลัวซิวหัวเราะเสียงดัง

“หึ!”

ชายร่างกายกำยำนิสัยก้าวร้าว เมื่อเห็นหลัวซิวไม่สนใจใคร ก็โมโหขึ้นมาทันที ซัดหมัดเข้าไปหาหลัวซิว

ลมจากหมัดเย็นยะเยือก ลมอันรุนแรงไม่สนใจสิ่งใด ทำให้โต๊ะเก้าอี้บริเวณรอบๆ กลายเป็นเศษซาก

การลงมือนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของพลังจิตแท้ถูกปลดปล่อยออกมา ผลการฝึกตนของชายร่างกายกำยำ ถูกเปิดเผยออกมา ฝึกจิตขั้น7!

ทุกคนต่างรู้ดี หลัวซิวสามารถฝ่าฟันหอคอยมังกรบิน จนถึงชั้นที่7 มีพละกำลังทัดเทียมกับฝึกจิตขั้น7 คนที่กล้ารับเงินรางวัล เพื่อมาฆ่าเขา แน่นอนว่าต้องมีพละกำลังระดับนี้ ถึงจะถูกต้อง

“รอไม่ไหวแล้วเหรอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะได้ส่งแกไปตาย!”

หลัวซิววางไหเหล้า กระบี่ยุทธ์ออกจากฝัก กระบี่เปลวไฟดำกลายเป็นรูปมังกร กระโจนออกไป

สีหน้าของชายร่างกายกำยำเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากร่างยุทธ์สูงสุดของเขา ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ต้านทานความแหลมคมของกระบี่ยุทธ์อีกฝ่าย ไม่ค่อยได้แล้ว

“กระบี่ยุทธ์ในมือเขา ไม่ธรรมดา!”

เมื่อชายร่างกายกำยำตั้งสติได้ เขารีบชักหมัดกลับมา

แต่ขณะนั้น ตัวสำนึกที่ดุดันเหมือนกระบี่ แทงเข้ามาในตัวหยั่งรู้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนคนใช้มีดเฉือนวิญญาณ ชะงักการกระทำไปชั่วคราว

พรวด!

เลือดสาดกระเซ็น ทันใดนั้น ข้อมือของชายร่างกายกำยำถูกหัก เลือดสดทะลักออกมา

ความเจ็บปวดของวิญญาณและบาดแผล ทำให้สีหน้าของชายร่างกายกำยำบูดเบี้ยว แต่ยังไม่ทันได้ร้องโอดครวญ ก็มีแสงกระบี่พาดผ่านมาอีกครั้ง หัวกระเด็นลอยขึ้นมา

การปะทะกันเพียงครั้งเดียว ปรมาจารย์ฝึกจิตยอดฝีมือขั้น7 ล้มลงกับพื้นโดยไร้หัว

“วิชาพลังมังกรแท้ จู่โจมวิญญาณ กระบี่ยุทธ์ดิน!”

แววตาของผู้อาวุโสเคราขาว ฉายแววตกใจและประหลาดใจ ปราณกระบี่รูปมังกรที่หลัวซิวใช้ เขาไม่ได้แปลกใจ เพราะเมื่อก่อนเคยมีคนมีความสามารถของราชวงศ์ประเทศเทียนหวู เคยฝ่าฟันไปถึงชั้นที่ 7 ของหอคอยมังกรบิน และได้รับวรยุทธ์ระดับ8 สิ่งนี้

แต่ทว่าวิชาพลังมังกรแท้ มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน พลังโจมตีแข็งแกร่ง ไร้เทียมทาน แต่หลัวซิวไม่น่าจะใช้ผลการฝึกตนระดับฝึกจิตขั้น5 มาฆ่าผู้ฝึกจิตขั้น7 ได้แค่การปะทะเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นชายร่างกายกำยำคนนั้น ไม่ใช่ผู้ฝึกจิตขั้น7 ทั่วไป แต่เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ที่เชี่ยวชาญด้านการกลั่นร่างโดยเฉพาะ

หลัวซิวมีกระบี่ยุทธ์ดิน เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ เพราะในการต่อสู้ช่วงชิงโควต้าจำนวนคน เคยให้เหยียนซีโรว่ยืมกระบี่ยุทธ์ดิน

แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้การจู่โจมวิญญาณ นี่น่าหวาดกลัวมาก

สำหรับนักยุทธ์ที่ไม่เคยฝึกตนวรยุทธ์กลั่นวิญญาณมาก่อน การจู่โจมวิญญาณเป็นวิธีที่ทำให้คนปวดหัวอย่างไม่สิ้นสุด

“ตาแก่ ไม่ต้องถึงมือแกหรอก ฉันคนเดียวก็ฆ่ามันได้!” ชายรูปร่างผอมซูบเอ่ยขึ้น

เมื่อพูดจบ พลังอันดุดันแผ่ออกมาจากตัวของชายรูปร่างผอมซูบ แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถาโถมเข้าไปกดดันหลัวซิว

ในนั้นแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอันเด็ดเดี่ยว จนไม่สามารถต้านทานได้

“ห้วงยุทธ์งั้นเหรอ” หลัวซิวหรี่ตาลง ชายรูปร่างผอมซูบตรงหน้า เป็นยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญห้วงยุทธ์

นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังห้วงยุทธ์ จากตัวปรมาจารย์ฝึกจิต

นอกจากห้วงยุทธ์แล้ว การเคลื่อนไหวพลังจิตแท้ของชายรูปร่างผอมซูบคนนี้ ยังไปถึงแดนฝึกจิตขั้น8 พละกำลังเหนือกว่าปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น9 ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญห้วงยุทธ์ ไปอีกขั้นหนึ่ง

นี่เป็นความมั่นใจของชายรูปร่างผอมซูบ แม้หลัวซิวฆ่าชายรูปร่างกำยำที่เป็นผู้ฝึกจิตขั้น7 ด้วยการปะทะเพียงครั้งเดียว เขาก็ยังมีความมั่นใจในการฆ่าหลัวซิว เพื่อเอารางวัล!

อีกทั้งหลัวซิวยังมองออก รวมกับชายรูปร่างกำยำที่โดนเขาฆ่า สามคนนี้ไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่กลับมีความสัมพันธ์แบบแก่งแย่งกัน ต่างอยากได้ชัยชนะ เพื่อเอาไปแลกรางวัลเป็นแสน

มีแสงสว่างวาบในมือของชายรูปร่างผอมซูบ หอกรบสีเงินทั้งเล่ม อยู่ในมือของเขา

“พรึ่บ!”

เมื่อหอกรบขยับ หอกที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่น มีรูปร่างตรงเหมือนมังกรทันที พุ่งแหวกอากาศไปหาหลัวซิว

แต่ยังไงชายรูปร่างผอมซูบ ก็เป็นยอดฝีมือห้วงยุทธ์ตระหนักรู้ มีพลังความมุ่งมั่นแกร่งกล้า เขาส่งเสียงหึออกมาอย่างหงุดหงิด ความเร็วในการถอยหลัง ไม่ได้ลดลงสักเท่าไร

หลัวซิวขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาก็ตระหนักได้ว่าผลการฝึกตนของตัวเองยังต่ำอยู่ จึงทำให้การจู่โจมวิญญาณ ไม่ค่อยได้ผลกับยอดฝีมือห้วงยุทธ์ตระหนักรู้

“ตาแก่ ยังไม่ลงมืออีกเหรอ” ชายรูปร่างผอมซูบไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเคราขาว

“หึ แกจัดการเองได้ไม่ใช่เหรอ” ผู้อาวุโสเคราขาวส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แต่การกระทำกลับไม่เชื่องช้า สะบัดแสงเย็นยะเยือกไปทางหลัวซิว

ชิ้ง!

มีดบินประมาณนิ้วกว่าหนึ่งเล่ม ถูกหลัวซิวโจมตีหล่นลงบนพื้น แต่กลับทำให้การโจมตีชายรูปร่างผอมซูบชะงักไปเล็กน้อย

ชายรูปร่างผอมซูบใช้โอกาสนี้ ล่าถอยไปยืนกับผู้อาวุโสเคราขาว

ผู้อาวุโสเคราขาวผายมือทั้งสองข้าง แสงสว่างวาบพุ่งออกมา กระจายไปทั่วร้านเหล้า เป็นธงค่ายอันน่าตกตะลึง เพียงพริบตากลายเป็นค่ายกลแห่งหนึ่ง ปิดกั้นที่นี่เอาไว้

ค่ายกลขั้นสี่!

หลัวซิวหรี่ตาลง ผู้อาวุโสเคราขาวคนนี้ เป็นยอดฝีมือที่ชำนาญด้านค่ายกล

สองคนนี้ คนหนึ่งคือห้วงยุทธ์ตระหนักรู้ เชี่ยวชาญด้านการสู้ระยะประชิด ส่วนอีกคนชำนาญด้านค่ายกล เมื่อร่วมมือกัน เพียงพอที่จะทำให้ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น9 ถึงแก่ชีวิตได้

เห็นผู้อาวุโสเคราขาว ใช้มือบีบพลังตราประทับ ค่ายกลดึงเอาพลังของโลก จนเห็นเป็นประกายแสงของค่าย กลายเป็นแสงตาข่ายสีเขียวขนาดใหญ่ พุ่งไปปกคลุมหลัวซิว

ขณะเดียวกัน ชายรูปร่างผอมซูบแสยะยิ้ม และพุ่งเข้ามาพร้อมหอก

“ไปตายซะเถอะ!” ชายรูปร่างผอมซูบแผดเสียงดัง พลังจิตแท้ธาตุทอง ที่อยู่บนหอกรบสว่างวาบจนแสบตา

“คนที่ตายคือแกต่างหาก”

หลัวซิวสีหน้าเย้ยหยัน ง้างมือขึ้นมาสะบัด ธงค่ายในแหวนเก็บของพุ่งออกมา

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ