“ฮ่า ๆ .....” หลัวซิวแหงนหน้าหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“เจ้าหัวเราะอะไร?” ฝานโหยว่หลี่ขมวดคิ้วกล่าว
“ข้าหัวเราะที่ราชวงศ์ตระกูลฝานของพวกเจ้าไม่มีกฎระเบียบ ต่ำช้าไร้ยางอาย! รับข้าเข้าไป แล้วลงวิชาสยบวิญญาณเพื่อควบคุมข้าเช่นนั้นรึ?”
หลัวซิวลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ผมยาวของเขาปลิวไสวไปตามสายลม พลางกล่าวอย่างเย็นชา: “ในเมื่อคนครบแล้ว พอดีจะได้ส่งพวกเจ้าออกเดินทางไปพร้อมกัน!”
ในขณะที่พูด มือทั้งสองข้างของหลัวซิวก็ได้ขับเคลื่อนเคล็ดวิชา ม่านแสงแวววับก็ได้เลื่อนขึ้นมา ราวกับชามใบใหญ่ที่ถูกคว่ำลง ปิดกั้นบริเวณภูเขาลูกเล็กเอาไว้
“หลัวซิว เจ้ามันบังอาจนัก กล้าลงมือกับองค์ชายสามงั้นรึ?”
ปรมาจารย์ฝึกจิตทั้งหกที่อยู่ข้างกายฝานโหยว่หลี่ต่างมีท่าทางโมโห คิดถึงว่าหลัวซิวจงใจหยุดอยู่ตรงนี้ แถมยังได้ตั้งค่ายกลเตรียมการเอาไว้ มันคือกับดักโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นม่านค่ายกลผุดขึ้นมา ปิดกั้นบริเวณนี้เอาไว้ นักยุทธ์ทั้งหกของตระกูลฝาน ต่างก็คว้าอาวุธยุทธ์ออกมา คุ้มครององค์ชายสามฝานโหยว่หลี่เอาไว้ตรงกลาง
“หลัวซิว เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?” ฝานโหยว่หลี่จ้องมองหลัวซิว กล่าวย่างเย็นชา: “เจ้ากำลังก่อกบฏอยู่ เจ้ารู้หรือเปล่า?”
หลัวซิวแสดงท่าทีเยาะเย้ยออกมาบนใบหน้า “เห็นตัวเองเป็นโอรสสวรรค์จริง ๆ หรืออย่างไร ราชวงศ์ประเทศเทียนหวูที่ว่านั้น ก็เป็นเพียงแค่ตระกูลที่มีภูมิหลังและความสามารถที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งเท่านั้นเอง”
ฝานโหยว่หลี่มีท่าทีโมโห แต่ก็รู้ว่าที่หลัวซิวพูดมานั้นเป็นความจริง ๆ ราชวงศ์ตระกูลไม่สามารถควบคุมประเทศเทียนหวูได้อย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ยอมให้สิบตระกูลใหญ่ และสำนักใหญ่ต่าง ๆ อยู่ แทนที่จะบอกว่าเป็นเจ้าของประเทศ ไม่สู้บอกว่าเป็นตระกูลที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งในดินแดนแห่งหนึ่งจะดีกว่า
แม้ว่าภูมิหลังของตระกูลฝานจะแข็งแกร่งกว่าตระกูลและสำนักอื่น ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถที่จะบดขยี้ได้ ไม่สามารถนำอำนาจและทรัพยากรทั้งหมดในประเทศเทียนหวูรอบรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวเอาไว้ภายใต้การควบคุมได้
แต่ในอาณาเขตประเทศเทียนหวู ความแข็งแกร่งของตระกูลฝานนั้นไม่ต้องสงสัย!
“ไปจับตัวหลัวซิวและปี้เซียนเสว่มาซะ!” ฝานโหยว่หลี่ออกคำสั่ง
สำหรับเรื่องที่หลัวซิวรู้เรื่องเกี่ยวกับวิชาสยบวิญญาณ ฝานโหยว่หลี่ไม่แปลกใจเลยสักนิด มีความเป็นไปได้มากว่าปี้เซียนเสว่ได้บอกกับเขา ในเมื่อทั้งสองฝ่ายได้แตกหักกันแล้ว กก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
นักยุทธ์ทั้งหกของตระกูลฝานนำโดยผู้ฝึกจิตขั้น 9 ทั้งสอง ผิวปากออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็บุกโจมตีเข้าใส่หลัวซิว
“เจ้ารออยู่ตรงนี้” หลัวซิวกล่าวกับปี้เซียนเสว่หนึ่งประโยค แม้ว่านางจะมีผลการฝึกตนในแดนฝึกจิตขั้นสี่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรทมากนัก
ปี่เซียนเสว่ตอบรับ นางรู้ว่าฝีมือของตนไม่แข็งแกร่งพอ ถึงได้ถอยห่างออกไป
“เปิดค่าย!”
มือทั้งสองข้างของหลัวซิวบีบพลังตราประทับออกมาอีกครั้ง รัศมีพลังมรณะอันแรงกล้าสองสายปรากฏขึ้น กลายเป็นหลุมอากาศสีดำ เหมือนดังมังกรทมิฬ พุ่งกระโจนออกไป
มังกรทมิฬสองตัวนี้เป็นร่างโจมตีที่หลัวซิวสร้างขึ้นจากค่ายสังหารระดับ 4 นั่นเอง ได้วาดลายเส้นและสัญลักษณ์ค่ายกลเอาไว้บนธงค่าย และเป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากผังกฎดั้งเดิมนั่นเอง ผสมผสานกับความลึกซึ้งของสองระดับความเป็นตาย
ในสองระดับความเป็นตาย หลัวซิวค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับการเรียนรู้พลังแห่งความตาย สำหรับความเข้าใจที่มีต่อพลังแห่งชีวิตนั้น ยังคงอยู่ที่ขั้นฟื้นฟูลายเส้นชีวิตรักษาอาการบาดเจ็บ
อานุภาพของค่ายกลขั้น 4 ไม่เพียงพอที่จะสังหารปรมาจารย์ฝึกจิตทั้งหกได้ แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความลำบากไม่น้อยให้กับพวกมัน
“กระบี่สังหาร!”
ในตอนที่คนอื่น ๆ ถูกมังกรทมิฬพัวพันเอาไว้นั้น หลัวซิวก็ได้ฟันกระบี่ออกไป พลังกระบี่อัคคีดำฟันขวางออกไปในฟ้าดิน ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารและห้วงยุทธ์มรณะปะทุออกมา ปราณกระบี่ฟันออกไปรวดเร็วเหมือนดั่งสายฟ้า
ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 9 ผู้หนึ่งลงมือขัดขวาง และถูกพลังกระบี่อัคคีดำกระแทกลอยออกไป กระอักเลือดออกมากลางอากาศ
ในตอนนี้เอง หลัวซิวได้ใช้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารควบแน่นตัวสำนึกแสดงเคล็ดวิชาแหลกวิญญาณออกมา ตัวสำนึกได้จู่โจมเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่าย ห้วงสังหารกลายเป็นวังวน ก่อกวนตัวหยั่งรู้ของปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 9 ผู้นี้แทบจะพลังทลายในทันทีทันใด
ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ปรมาจารย์ฝึกจิตทั้งหกคน ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้น เป็นองค์ชายสามฝานโหยว่หลี่ที่ได้ใช้ยันต์ขั้นห้าออกมา ทำให้ค่ายยากเย็นขั้น 4 ของหลัวซิวขาดเป็นช่องขึ้นมาหนึ่งช่อง ก้าวเท้าขยับร่าง คิดจะหลบหนีไป
คนผู้นี้เป็นองค์ชายของตระกูลฝาน ต้องไม่ขาดสมบัติติดตัวอย่างแน่นอน จากนั้นก็ได้บีบยันต์วาตะอีกหนึ่งชิ้น ความเร็วพุ่งทะยานขึ้นในทันที
“หลงหมิง จับตามองเขาเอาไว้!” หลัวซิวหล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตามออกไป
มังกรไร้ร่างควบคุมพลังแห่งปริภูมิมาตั้งแต่กำเนิด ด้านความเร็วนั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้ว่าจะอยู่แค่ในระดับพรสวรรค์ แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่เล็ก ๆ ความเร็วไม่ได้ช้าไปกว่าฝานโหยว่หลี่
ส่วนหลัวซิวนั้นได้อาศัยตราสำนึกและการรับรู้ระหว่างหลงหมิง ติดตามตลอดทาง ไม่ต้องกังวลว่าฝานโหยว่หลี่จะหนีรอดไปจากเงื้อมมือของตนได้
“หลังจากที่ออกไปจากแดนปริศนา จะต้องหาเคล็ดวิชาท่าร่างที่ดีกว่านี้ถึงจะได้”
เคล็ดวิชาท่าร่างระดับเจ็ดอย่างวิชาตามลมล่าจันทราได้ถูกเขาฝึกฝนมาจนถึงแดนบริบูรณ์ เกินพอสำหรับปรมาจารย์ฝึกจิตธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว การเคลื่อนไหวยังช้าไปนิดหน่อย
ฝานโหยว่หลี่บดขยี้ยันต์วาตะระดับ 5 ความเร็วเทียบได้กับการบินหนีของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ ถ้าหากไม่มีมังกรไร้ร่างคอยวิ่งตาม เกรงว่าคงจะปล่อยให้เขาหนีไปได้จริง ๆ
ไม่นานพลังที่แฝงอยู่ในยนต์ก็ถูกใช้จนหมด ฝานโหยว่หลี่หยุดลงที่ป่าหินซ้อนแห่งหนึ่ง พบว่าหลัวซิวไม่ได้ตามมา ก็พลันโล่งอก สีหน้าโหดเหี้ยม
“เจ้าหลัวซิวคนสารเลว กล้าฆ่าคนตระกูลฝานของข้า รอหลังจากที่ออกไป จะต้องทำให้เจ้าได้ตายทั้งเป็นแน่!”
หลงหมิงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปริภูมิที่อยู่โดยรอบ ซ่อนตัวอยู่ข้างกายของฝานโหยว่หลี่ ได้ยินประโยคนี้ที่เขาพูด ก็เบ้ปากอย่างอดไม่ได้ แอบกล่าวอยู่ในใจว่าอีกเดี๋ยวดาวร้ายผู้นั้นก็มาสังหารเจ้า เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสล้างแค้นแล้ว
กลอกลูกตาครั้งหนึ่ง สายตาของหลงหมิงจับจ้องไปที่แหวนเก็บของที่อยู่สวมอยู่บนมือของฝานโหยว่หลี่ และกล่าวอยู่ในใจ ในตัวของเจ้าคนนี้น่าจะมีสมบัติอยู่บ้าง ถ้าหากมียาวิเศษละก็ ตนเองได้ใช้คงต้องเพิ่มระดับผลการฝึกตนได้แน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...