มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 287

ในเมืองร้างไม่มีค่ายวาร์ป เหตุผลหลักเพราะอยู่ห่างไกลเกินไป ค่ายวาร์ปธรรมดาไม่สามารถบรรลุผลตามที่ต้องการได้ ประกอบกับมีข้อจำกัดมากมายในการจัดตั้งค่ายวาร์ป ดังนั้นหากจะเดินทางจากเมืองร้างกลับไปยังประเทศเทียนหวู จะต้องออกจากเมืองร้างผ่านทางดินแดนรกร้างทางตอนเหนือแห่งนี้

ห่างจากเมืองร้างออกไปหลายร้อยลี้ มีกลุ่มคนชุดดำปิดบังใบหน้าปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงด้านหน้า และเข้ามาขวางทางขบวนของฝานหลิงหยุนเอาไว้

ในที่ลับตาไกลออกไป หลัวซิวหลบซ่อนตัวอยู่อย่างระมัดระวัง และหรี่ตาลง

“ดูเหมือนว่าราชวงศ์ตระกูลฝาน ถึงแม้จะมีอิทธิพลอย่างมากในประเทศเทียนหวู แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครกล้าล่วงเกิน”

การปรากฏตัวของกลุ่มคนชุดดำปิดบังใบหน้า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการลอบฆ่าระหว่างทาง และแย่งชิงวิชาภูตผีเซินหลัว

“พวกเจ้าเป็นใคร ? กล้ามาขวางทางข้าอย่างนั้นหรือ ?” ฝานหลิงหยุนตะคอกอย่างดุดัน ร่างกายของเขาแผ่รัศมีของผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ออกมา

“เหอะ ๆ จักรพรรดิหลิงหยุนจะรีบเดินทางออกจากดินแดนรกร้างแห่งนี้ทำไมกัน ? ไม่สู้ทิ้งของบางอย่างเอาไว้แล้วค่อยออกไปจะดีกว่าไหม ?”

ชายชุดดำปิดบังใบหน้าที่เป็นหัวหน้าหัวเราะขึ้นเสียงดัง ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับเปลวไฟ

“สามหาว ! สิ่งของของราชวงศ์ตระกูลฝานเรา เจ้ากล้าแย่งชิงอย่างนั้นหรือ ช่างไม่รู้จักรักตัวกลัวตายเอาเสียเลย !” ฝานหลิงหยุนโกรธจัด เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเป้าหมายในการมาของอีกฝ่ายก็คือ ทักษะยุทธ์ชั้น 9

“หึ จักรพรรดิหลิงหยุน ข้าขอเตือนให้ท่านยอมมอบของออกมาแต่โดยดีจะดีกว่า ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ท่านคนเดียว

ด้านข้างของหัวหน้ากลุ่มชายชุดดำปิดปังใบหน้า มีคนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นมา แต่ละคนล้วนแล้วแต่แผ่รัศมีอันทรงพลังของผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ออกมา

ราชายุทธ์สามคน !

ในสถานการณ์สามต่อหนึ่งเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของฝานหลิงหยุนเปลี่ยนไปอย่างมากในทันที

“ย่า !”

ฝานหลิงหยุนตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงในทันที และรีบหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าในระยะไกลอย่างรวดเร็ว

นักยุทธ์ตระกูลฝานจำนวนมากที่ร่วมเดินทางมากับเขาก็ชักดาบออกมา มือถืออาวุธ ส่วนร่างกายก็แผ่รังสีของพลังจิตแท้ออกมา ดูเหมือนจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิต

“ถ้าดื้อนักก็ไปตายซะ ฆ่าพวกมันให้หมด !”

หัวหน้าของกลุ่มคนชุดดำปิดบังใบหน้าออกคำสั่ง คนชุดดำจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังก็แผ่รัศมีออกมา ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าต่อสู้กัน

และในตอนนี้เอง ราชายุทธ์ที่สวมชุดดำทั้งสามคนก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า และตามเส้นทางการหลบหนีของฝานหลิงหยุนไปอย่างรวดเร็ว

ในบรรดาราชายุทธ์ชุดดำทั้งสามคน มีหนึ่งคนที่ฝึกตนด้วยวรยุทธ์ธาตุลม จึงมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่นานนัก เขาก็ไล่ตามฝานหลิงหยุนได้ทัน จากนั้นจึงลงมือเข้าขัดขวาง และให้สหายทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังตามมาได้ทัน

กลางอากาศ ฝานหลิงหยุนชักกระบี่ยุทธ์ออกมา ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดอย่างสุดขีด

ส่วนราชายุทธ์ชุดดำทั้งสามกลับมีสายตาที่เย็นชา และมีเจตนาฆ่าที่รุนแรง

ในเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความอีก ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน เสียงระเบิดของพลังจิตแท้ที่ผันผวนดังสนั่นอยู่กลางอากาศ และดังก้องเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่อง

การต่อสู้กันระหว่างปรมาจารย์ฝึกจิตเหล่านั้น หลัวซิวขี้เกียจจะดู สายตาของเขาจับจ้องไปยังการต่อสู้กลางอากาศของนักยุทธ์ทั้งสี่คนที่อยู่ห่างออกไป

รัศมีของพลังจิตแท้ที่เปล่งประกายออกมาดูราวกับเปลวไฟ เข้ามาปกคลุมร่างกายของผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ทั้งสี่เอาไว้ รัศมีที่ปล่อยออกมาเริ่มดำเนินไปถึงจุดที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

ในขณะที่เคลื่อนไหวร่างกาย พลังของฟ้าดินก็ถูกระดมเข้ามา หนึ่งหมัดหนึ่งกระบี่ หนึ่งนิ้วหนึ่งดาบ ทักษะยุทธ์ทุกชนิดที่อยู่เหนือชั้น 7 ถูกนำออกมาใช้ พลังยิ่งใหญ่จนหาตัวจับยาก ต่อสู้กันจนความว่างเปล่าสั่นไหว และอากาศบิดเบี้ยว

ราชายุทธ์ทั้งสามที่เข้ามาปิดล้อมฝานหลิงหยุนเอาไว้ หากแยกออกมาทีละคน ยังถือว่ามีความแข็งแกร่งที่ด้อยกว่าฝานหลิงหยุนเล็กน้อย แต่เมื่อทั้งสามคนร่วมมือกัน และเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องจากทุกทิศทาง ทำให้เขายากที่จะรับมือได้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเพียงแค่สิบกว่ากระบวนท่า ก็เริ่มที่จะล่าถอย และมีใบหน้าที่ซีดเผือดขึ้นเรื่อย ๆ

“ย่า !”

หลัวซิวตบสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามที่หมอบอยู่ใต้เขาเบา ๆ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเห็นฝานหลิงหยุนฝ่าออกมาจากวงล้อมของราชายุทธ์ชุดดำทั้งสาม กลายเป็นลำแสง และพุ่งตรงไปทางทิศใต้อย่างรวดเร็ว

“ตามไป !”

แน่นอนว่าราชายุทธ์ชุดดำทั้งสามนั้นไม่ยอมแพ้ พวกเขาค่อย ๆ เพิ่มความเร็วจนถึงระดับสูงสุด และไล่ตามไปอย่างสุดกำลัง

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามที่อยู่ใต้เท้าของหลัวซิวก็ได้รับคำสั่งจากเขาเช่นกัน เท้าทั้งสี่เหยียบลงบนผืนดิน จากนั้นจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และกลายเป็นแสงแห่งเปลวไฟ ดูราวกับฝนดาวตกที่พุ่งทะลุท้องฟ้า

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดโบราณ และมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับฝึกจิตขั้น 9 แน่นอนว่าความเร็วไม่อาจเทียบกับราชายุทธ์ได้ ไม่ช้า ราชายุทธ์ทั้งสี่ก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ

ทว่าท่าทางของหลัวซิวยังคงสงบนิ่ง ไม่รู้สึกร้อนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาส่งหลงหมิงออกไปนานแล้ว เพื่อคอยจับตาดูฝานหลิงหยุนอยู่ตลอด และชี้นำให้เขาไปในทิศทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ

ฉากนี้คล้ายกับตอนที่เขาไล่ล่าและสังหารองค์ชายสามฝานโหยว่หลี่ในแดนปริศนา

ด้านความเร็ว มังกรไร้ร่างมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร แม้แต่ราชายุทธ์เอง ก็ไม่อาจเทียบความเร็วกับมังกรไร้ร่างขั้นฝึกจิตตัวหนึ่งได้

“มีราชายุทธ์ปรากฏตัวขึ้นอีกหนึ่งคน !”

ผ่านการเชื่อมต่อธาตุของวิชาสยบวิญญาณ มีเสียงของหลงหมิงดังขึ้นในจิตสำนึกของหลัวซิว

“ในระหว่างที่คนแซ่ฝานกำลังหลบหนีอยู่นั้น มีราชายุทธ์ปรากฏตัวขึ้นอีกหนึ่งคน ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของราชวงศ์ตระกูลฝานอะไรนั่นด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนร่วมมือกันต่อสู้กับราชายุทธ์ชุดดำทั้งสาม” หลงหมิงพูดขึ้น

เมื่อได้ยินข่าวสารเช่นนี้ หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ทักษะยุทธ์ชั้น 9 เพียงวิชาเดียว สามารถดึงดูดผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์มาได้ถึงห้าคน หากที่นี่เป็นดินแดนรกร้างทางเหนืออันห่างไกล เกรงว่าตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์ของสิบตระกูลใหญ่เหล่านั้น คงจะออกมามีส่วนร่วมกันหมด

แม้แต่หลัวซิวยังสงสัยว่า ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ของราชวงศ์ตระกูลฝาน ไม่แน่ว่าอาจกำลังเดินทางมา ราชายุทธ์คนที่ห้าที่ปรากฏตัวขึ้นนี้ ไม่แน่ว่าอาจรีบตามมาจากประเทศเทียนหวู เพื่อรับผิดชอบต่อสู้ร่วมกับฝานหลิงหยุน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ