ในเขาสุ่ยวู่จะมีอสูรกายระดับ1ปรากฏตัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น โดยมากล้วนเป็นอสูรป่า ดังนั้นโดยทั่วไปจะมีแค่นักล่าอสูรที่ความแข็งแกร่งยังอ่อนหัดไป
ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของหลัวซิวเพิ่มขึ้นสูง เขาสุ่ยวู่ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของเขาได้แล้ว
องค์กรนักล่าอสูร เป็นที่ที่ครึกครื้นที่สุดของทุกเมือง
เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดสายตา หลัวซิวสวมหมวกสาน มาถึงที่นี่
นักยุทธ์ส่วนมากล้วนมีนิสัยแปลกๆ หรืออาจจะมีเจตนาบางอย่างที่ไม่ให้คนอื่นรู้ ดังนั้นจึงต้องปิดหน้า ในโถงใหญ่ขององค์กรนักล่าอสูร คนแบบนี้มีไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นหลัวซิว
นักล่าอสูรส่วนมากล้วนอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลานาน ผ่านมาหลายวันแล้ว หลัวซิวมาที่นี่อีกครั้ง เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาน้อยมาก
ตรงหน้าอกของเขาสวมตรานักล่าอสูรหนึ่งดาว เดินไปยังโต๊ะด้านหน้า
"สวัสดีค่ะนักล่าอสูร ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยคะ?" เจียงชานชานที่ถูกขนานนามให้เป็นหญิงงานอันดับหนึ่งขององค์กรนักล่าอสูรเมืองชิงหยุนถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"ผมอยากจะถามเรื่องสถานที่ใกล้ๆในเมืองชิงหยุนที่เหมาะสมให้การกลั่นร่างขั้น9ล่าอสูร" หลัวซิวถาม
เจียงชานชานลักคิ้วหลิ่วตา ไม่รู้ว่าอะไร คนที่สวมหมวกสานคนนี้ เสียงของเขาจึงคุ้นหูมาก คล้ายว่ายังมีเสียง......ของเด็กปนอยู่ด้วย?
แต่ว่าเจียงชานชานก็ไม่ได้คิดมาก ยิ้มแล้วพูด: “ถ้าคุณอยากจะซื้อแผนที่ล่าอสูร ต้องใช้เงินหนึ่งพันตำลึง"
"เอาให้ผมอันแผ่นครับ" หลัวซิวหยิบเงินออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ
ถ้าเป็นเมื่อ่กอน เงินหนึ่งพันตำลึงสำหรับเขาแล้วเป็นตัวเลขที่มหาศาล แต่ว่าตอนนี้เป็นแค่เงินเล็กน้อยเท่านั้น
ฆ่าอสูรกายระดับ1สักตัว ก็ได้เงินหมื่นตำลึงมาง่ายๆแล้ว
แน่นอนว่าเจียงชานชานคิดไม่ถึงว่าคนสวมหมวกสานตรงหน้า จะเป็นชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้เคยจีบตน
จ่ายเงินหนึ่งพันตำลึง หลัวซิวได้รับแผนที่หนึ่งแผ่น แผนที่ครอบคลุมอณาเขตต่างๆ โดยมีเมืองชิงหยุนเป็นจุดศูนย์ พื้นที่ที่เหมาะแก่การล่าอสูร ก็ได้กำกับเอาไว้
ในแผนที่ เขตเหลืองเหมาะสำหรับต่ำกว่าการกลั่นร่างขั้นการกลั่นร่างขั้น8 เขาสุ่ยวู่คือหนึ่งในเขตเหลือง
เขตแดงเป็นเขตอันตราย โดยทั่วไปมีจอมยุทธ์เป็นคนนำทีม จึงจะกล้าเข้าไป
ส่วนที่อันตรายที่สุด คือเขตที่ถูกประทับสีดำ ต่อให้เป็นพวกจอมยุทธพรสวรรค์ที่สูงส่งของเมืองชิงหยุน ก็ไม่กล้าเข้าไปลึก
"เขาปีฉี มีอสูรกายระดับ1จำนวนมาก ลึกเข้าไปมีอสูรกายระดับ2 เขตแดง"
อย่างรวดเร็ว หลัวซิวจับจ้องไปยังเขตที่เหมาะกับตน ขอเพียงไม่ลึกเท่าไหร่ มั่นใจว่าตนปลอดภัยแน่นอน
"ชานชาน ผมขอสุราเผาไฟหกแก้ว!”
ในเวลานี้เอง ชายร่างกำยำ สวมชุดเกราะสีดำ สูงแปดฟุตเดินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา ร้องตะโกนเสียงดัง
ด้านหลังชายร่างยักษ์ มีคนติดตามห้าคน ทุกคนล้วนฝุ่นตลบ เสื้อผ้าและชุดเกราะของพวกเขาขาดวิ้น ดูเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
อย่างรวดเร็ว สุราเผาไฟหกแก้วถูกยกมาเสิร์ฟ เหล้าชนิดนี้แรงมาก ตอนดื่มเข้าไปเหมือนถูกไฟเผา จึงได้ชื่อนี้ นักล่าอสูรมากมายที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่บนความเป็นความตาย ดาบได้ลิ้มรสเลือดต่างชื่นชอบเหล้าที่แรงแบบนี้
"โจวหลง ดูเหมือนจะล่าได้น้อยเลยนะคะ" เจียงชานชานยิ้มแล้วเอ่ยถาม
นักล่าอสูรกลุ่มนี้ คือโจวหลงและพวกที่หลัวซิวรู้จัก โกวอ๋างและสองฝาแฝดแซ่จี้ก็อยู่ในทีมด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกสองคนที่ไม่รู้จัก น่าจะเป็นคนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมทีมนักล่าอสูรทีมนี้
"ฮ่าๆ แน่นอน ครั้งนี้ได้ตัวใหญ่ๆมาหนึ่งตัว!” โจวหลงหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ ในมือของเขามีหินพลังจิตชั้นล่างหกก้อนปรากฏในทันที วางไว้บนโต๊ะ
ที่นี่คนเยอะมาก คนที่เดินไปมาล้วนเป็นคนฝึกยุทธ์ ทั้งยังมีพ่อค้าประจำอยู่ที่นี่มากมาย ซื้อวัตถุดิบ ของล้ำค่าต่างๆจากนักยุทธ์
ที่พักมีสถานที่ที่สามารถฝากม้าไว้ได้ ราคาสิบตำลึงต่อวัน
"หื้ม?"
หลัวซิวเพิ่งเอาม้าไปฝาก ทันใดนั้นเองก็เห็นร่างที่คุ้นตา ซึ่งก็คือหยวนต้าซานที่เจอตอนไปล่าอสูรเสือหางเหล็กบนเขาสุ่ยวู่
ทว่าคนที่อยู่ข้างกายหยวนต้าซานเปลี่ยนไปแล้ว น่าจะเป็นเพราะหลังจากหวางหยุนและจางหุนตาย ทีมล่าสัตว์ของเขาจึงแยกย้าย แล้วเข้าไปร่วมทีมอื่น
หยวนต้าซานไม่ทันสังเกตเห็นหลัวซิว ถึงแม้จะสังเกตเห็น แต่หลัวซิวสวมหมวกสานเอาไว้ เขาก็จำไม่ได้
ในเวลานี้เอง คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมของหยวนต้าซาน หันมามองหลัวซิวกะทันหัน มุมปากเผยยิ้มลุ่มลึก
นี่คือชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงโปร่ง ด้านหลังสะพายหอกเหล็กเอาไว้ สวมเสื้อเกราะ ระหว่างคิ้วชายออร่าเหีย้มโหด
ภายใต้เงาที่บดบังด้วยหมวกสาน หลัวซิวขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักคนคนนี้ ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
"ทุกคน เจ้าเด็กนั่นคือเป้าหมายของเราในครั้งนี้ ตระกูลจางจ่ายหินพลังจิตห้าร้อยก้อนเพื่อเอาชีวิตมัน" ชายสวมชุดเกราะพูดเสียงเบา
"ลูกพี่ เจ้าเด็กนั่นเป็นใครมาจากไหน ถึงทำให้ตระกูลจางยอมจ่ายหินพลังจิตมากขนาดนี้เพื่อให้เราลงมือ?" หยวนต้าซานถามเสียงเบา
ชายสวมชุดเกราะเบ้ปาก "แค่ชาวบ้านคนหนึ่งเท่านั้น ว่ากันว่าเจ้าเด็กนี่ทำให้ลูกชายหัวหน้าตระกูลจางพิการ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา แค่ฆ่าคนเอาเงินก็พอ!”
พูดถึงตรงนี้ ชายสวมชุดเกราะมองไปที่หยวนต้าซาน พูดเสียงทุ้มต่ำ: “เจ้าเด็กนี่คือนักเรียนในสำนักยุทธ์ ถ้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ พวกเราจะถูกสำนักยุทธ์ตามฆ่า นายเพิ่งเข้ากลุ่ม แต่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ของวงการนี้ ฉันคงไม่ต้องบอกระเบียบกับนายใช่ไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...