มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3205

จุดที่แสงดาวได้รวมตัวกัน หลัวซิวไม่กล้าเข้าใกล้ ความรู้สึกหวาดหวั่นที่มาจากส่วนลึกของวิญญาณ ทำให้เขารู้ว่าสิ่งห้องห้ามเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแตะต้องได้

ทันใดนั้น แสงดาวไร้สิ้นสุดพลันหายไป ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่เข้าสู่ความมืดทันที

ในวินาทีนี้เหมือนว่าไม่มีสรรพวิชาใด ๆ ดำรงอยู่เลย แม้แต่ห้วงเวลายังได้หยุดลงตาม ติดอยู่ในนิรันดร์

ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกอึดอัดเกรงกลัวไร้ขอบเขตได้ลุกลามขึ้นมาในใจของหลัวซิว เขาเหมือนได้เห็นเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก แม้กระทั่งหายใจยังยากลำบาก

เขามองไม่เห็นทุกอย่างที่อยู่รอบกาย ไม่ว่าจะใช้สายตา หรือใช้ตัวสำนึกไปสืบเสาะก็ตาม มีเพียงความมืดสนิท ไม่มีอย่างอื่นเลย

“ตึง!”

โดยมองไม่เห็น เหมือนมีเสียงอุดอู้ดังลอยมา หลัวซิวรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวทันที เหมือนมีมือขนาดใหญ่จับหัวใจเอาไว้ เตรียมที่จะขยี้!

สัญชาตญาณของร่างกายสั่งให้เขาถอยหลังทันที รอยเลือดปรากฏขึ้นที่มุมปาก ร่างของเขาถึงกับแตกร้าว เหมือนดั่งเครื่องลายครามที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ภายในใจของหลัวซิวรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก นับตั้งแต่เขาได้ก้าวเข้าวิถียุทธ์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับเหตุการณ์เช่นนี้

เนื่องจากทั้งหมดนี้ อยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของเขา แม้ว่าการตระหนักรู้เกณฑ์ธรรมเวชของเขาจะบรรลุขอบเขตสามเกณฑ์สูงศักดิ์ใหญ่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังคงทำให้เขาเหมือนตกเข้าสู่หมอกแห่งความโกลาหล ในสมองมีเพียงความว่างเปล่า ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

มนุษย์มักรู้สึกหวาดกลัว ต่อการดำรงอยู่ที่ตนไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน หลัวซิวก็มีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ในตอนนี้

นิมิตเช่นนี้ไม่รู้เกิดขึ้นนานแค่ไหน ความมืดค่อย ๆ ถดถอยไป ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่ยังคงแผ่ซ่านไปด้วยชี่มรณะกับชี่ฉกรรจ์ แสงมืดสลัว

ส่วนบนยอดเขาที่ห่างออกไป ยังคงรวบรวมไว้ด้วยแสงดาวไร้สิ้นสุด เหมือนว่ากำลังบ่มเพาะอะไรบางอย่าง

ในแสงดาว มีดวงดารามากมายลอยขึ้นลง ทุกอย่างเหมือนไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อสักครู่เลย มีเพียงรอยเลือดที่มุมปากของเขา ทำให้หลัวซิวเข้าใจว่า เมื่อสักครู่ได้เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นจริง ๆ

“เกือบทำให้ข้าคิดว่าตัวเองเกิดภาพลวงตาขึ้นเสียแล้ว”

หลัวซิวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เผชิญหน้ากับพลังลึกลับในเมื่อสักครู่ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นดั่งเม็ดทราย

อย่างว่าแต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าเลย ต่อให้ในอนาคตเขากลายเป็นเซียนสูงสุด เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งต้องห้ามในที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาสามารถแตะต้องได้

“มันน่ากลัวยิ่งนัก......”

นี่คือความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในก้นบึ้งหัวใจของหลัวซิว

เข้าไปกล้าเดินหน้าต่อไป ยอดเขาที่มีแสงดาวผนึกรวมอยู่ เขาไม่คิดจะเดินเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว

เมื่อได้หนีห่างออกมาเรื่อย ๆ ความรู้สึกกระวนกระวายถึงขีดสุดในส่วนลึกของหัวใจก็ได้ค่อย ๆ หายไปตาม หลัวซิวหันกลับไปมองอีกครั้ง จุดที่แสงดาวรวมกันอยู่ เป็นเหมือนดั่งวังวนรูปกรวย ยอดเขาที่สูงทะลุเมฆ เป็นดั่งเช่นนิ้วมือนิ้วหนึ่ง

นิ้วมือนิ้วหนึ่ง แสงดาวไร้สิ้นสุดผนึกรวมที่ปลายนิ้ว ผสานดาราทวยเทพ......

หลัวซิวไม่นึกเลยว่าเพียงเพราะตัวเองอยากมาสืบเสาะความลับของแดนบรรพกาลเพราะความอยากรู้อยากเห็น กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ไปสัมผัสเจ้ากับสิ่งต้องห้ามโดยบังเอิญ

อะไรคือสิ่งต้องห้าม? สิ่งต้องห้ามก็คือการดำรงอยู่ที่ไม่สามารถพูดถึงได้ และในโลกเซียน สิ่งต้องห้ามจากยุคบรรพกาลมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือจักรพรรดิเซียน!

เรื่องราวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเซียน ล้วนถูกมองเป็นสิ่งต้องห้าม!

ในเมื่อภายในใจของหลัวซิวเรียกที่นี่ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาสงสัยว่าความลับของที่นี่ จะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเซียน!

ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลฟ้าดินใด การดำรงอยู่ระดับจักรพรรดิเซียนล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะไปแตะต้องได้

ยกเว้นมกุฎเซียนคลุมโลกาที่สามารถต่อต้านจักรพรรดิเซียนได้ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ในโลกยุทธ์หากใครกล้าไปแตะต้องสิ่งต้องห้ามของจักรพรรดิเซียน โดยทั่วไปความตายเท่านั้นคือจุดจบ

ห่างไกลออกมาอีกระยะหนึ่ง หลัวซิวหันกลับไปมองอีกครั้ง ภายในใจยิ่งหวาดผวาเข้าไปใหญ่ เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าเหนือยอดเขาที่เป็นเหมือนดั่งนิ้วมือนั่น แสงดาวไร้สิ้นสุดที่ผนึกรวมกัน เขาเหมือนได้มองเห็นเงาร่างของคน!

หลัวซิวเรียบเก็บสายตากลับคืนมาทันที การดำรงอยู่ของสิ่งต้องห้ามไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแตะต้องได้ เขาเพิ่มความเร็วขึ้นทันที ต้องการออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว

ถึงขนาดที่ว่าเขาวางแผนว่าหลังจากที่ออกไปแล้ว จะใช้ผลการฝึกตนสูงสุดที่ตนสามารถแสดงออกมาได้ปิดผนึกทางเข้าแดนบรรพกาลเอาไว้

ซีโร่วกับต้วนคงและคนอื่น ๆ ต่างกลายเซียนสำเร็จแล้ว ถ้าเกิดพวกเขาบุกเข้ามาที่นี่เพราะความสงสัยเหมือนกัน มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตเอาได้

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีการดำรงอยู่ดั่งสิ่งต้องห้ามในแดนบรรพกาล แต่ก็ได้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว สิ่งต้องห้ามนั้นก็ไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยแม้แต่ครึ่งก้าว

ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงเดาว่า จักต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่ในนั้นแน่นอน บางทีอาจเป็นเวลานานในอนาคต สิ่งต้องห้ามนั้นก็จะไม่ไปจากแดนบรรพกาล

สิ่งที่ขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นเช่นนี้ หลัวซิวเองก็ไม่มีความมั่นใจอะไรนัก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เขาได้แต่ฝากความหวังไว้กลับเวลาในอนาคต เขาสามารถยกระดับฝีมือผลการฝึกตนได้โดยเร็วที่สุด เพียงพอที่จะปกป้องญาติสนิทมิตรสหายข้างกายตนเองได้

ทันใดนั้น หลัวซิวพบว่าทิศทางที่ตนเองเดินไป บิดเบนไปจากตอนมา เขาได้เข้าสู่พื้นที่ที่พื้นดินเต็มไปด้วยสีแดงโลหิต

สถานที่ที่เขาเดินผ่านในตอนเข้ามานั้น ไม่ได้ผ่านที่นี่

ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่แม้แต่หญ้าก็ยังไม่มีเลย พื้นดินกับท้องฟ้ามีสีเทาอมน้ำตาล เต็มไปด้วยกลิ่นความตาย

ทว่านี่เป็นสถานที่ที่มีดินเป็นสีแดงเลือด มีต้นไม้เขียวขจี แถมยังมีลำธารซึ่งมีน้ำไหล

ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่ง เห็นได้ว่าตอนที่เจ้าของโครงกระดูกนี้มีชีวิตอยู่จักต้องเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน แม้จะตายไปแล้ว ก็ยังหลงเหลือพลังรายล้อม สยบปัจจุบัน

ดูจากลักษณะของโครงกระดูกแล้ว เจ้าของโครงกระดูกนี้ไม่ได้มาจากจักรวาลเผ่าปีศาจ ในพลังกดดันที่กระจายออกมา ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดเดียวกัน

ต้นกำเนิดที่เหมือนกันนี้ คือมีแหล่งกำเนิดเดียวกัน ส่วนแหล่งกำเนิดที่ว่า หมายถึงจักรวาลดั้งเดิม

หลัวซิวเรียกจักรวาลที่ตนเองอยู่ว่าจักรวาลเผ่าเซียน ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจักรวาลเผ่าปีศาจ

“ตายไปนานขนาดนี้แล้วยังมีพลังกดดันที่ร้ายกาจเช่นนี้หลงเหลืออยู่ อย่างน้อยก็ต้องเป็นมกุฎเซียน”

หลัวซิวก้าวเท้าเดินเข้าไป ทันใดนั้นที่ข้างกายของโครงกระดูก เขาได้มองเห็นป้ายบัญชาการชิ้นหนึ่ง

ป้ายบัญชาการได้ทำขึ้นจากหยกเซียนอันล้ำค่า หยกเซียนมีคุณภาพสูงมาก กระทั่งที่ว่าอาจเป็นวัตถุดิบเซียนระดับแปดที่สามารถกลั่นมณีมกุฎเซียนได้!

หลัวซิวยื่นมือออกไปเก็บป้ายบัญชาการชิ้นนั้นขึ้นมา ป้ายบัญชาการที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ กลับหนักดั่งดวงดารา เปล่งประกายด้วยแสงอันแวววาว เหมือนมีท่วงเซียนไหลเวียนอยู่ด้านใน

เขาพิจารณาโครงกระดูกร่างนี้อย่างละเอียด และพบว่ามีร่องรอยถูกแทงทะลุที่หน้าอก

หรี่ตาลงเล็กน้อย ภาพเหตุการณ์หนึ่งถูกอนุมานขึ้นมาในสมองของหลัวซิว ในยุคฮวงกู่ เคยมีสงครามครั้งใหญ่ปะทุขึ้น

ในสนามรบที่ไร้แสงเดือนแสงตะวัน มกุฎเซียนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งถูกแทงทะลุร่าง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ในที่สุดก็ตายลงหลังจากเลือดหยดสุดท้ายไหลหมดไป

สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเซียน ตามหลักแล้วเลือดไหลหมดร่างไม่ถึงขั้นต้องตาย การวายชีพของมกุฎเซียนต้องมีสาเหตุอื่นอย่างแน่นอน

แต่หลัวซิวก็พอที่จะเดาออกไป พื้นที่ที่มีดินสีเลือดแห่งนี้ เป็นไปได้มากว่าถูกย้อมไปด้วยเลือดของมกุฎเซียน

ตัวสำนึกประทับลงไปบนป้ายบัญชาการเซียนหยก ทันใดนั้น หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่าตัวสำนึกก้อนหนึ่งของตัวเอง ถูกดึงเข้าไปในเหตุการณ์บางอย่าง

“ครืนนน......”

เขาพบว่าตนเองอยู่ในสนามรบแห่งหนึ่ง บนฟ้าบนดิน เต็มไปด้วยชาวเซียน เขามองเห็นยักษ์สูงหมื่นจั้ง มองเห็นอสุรกายที่มีร่างใหญ่เท่าดวงดารา แถมยังมองเห็นเรือรบ ป้อมปราการมากมาย

นี่เป็นสนามรบที่แท้จริง ชาวเซียนจำนวนมากมารวมตัวอยู่ด้วยกัน แสงเซียนกระจายเต็มไปหมด

และที่กำลังต่อสู้อยู่กับบรรดาชาวเซียนนั้น เป็นเผ่าปีศาจที่มีปีก!

“ภูตปีศาจเข้ารุกราน!”

ระหว่างที่เหม่อลอย หลัวซิวเหมือนได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ