มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3207

ตราเข้าล็อกเดิมคือพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดของหลัวซิว

โดยเฉพาะหลังจากเขาบุกเบิกฟ้าดินตรีภพได้แล้ว การตระหนักรู้บนเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามของเขาก็พัฒนาขึ้นอีกก้าว เวทย์ต้องห้ามเข้าล็อกเดิมก็ได้รับการยกระดับเช่นกัน ทำให้ทรงพลังมากกว่าเก่า

ณ เสี้ยววินาทีที่พลังอมตะที่สองของตราเข้าล็อกเดิมถูกปลดปล่อยออกไป ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจนั่นก็ถูกแสงเซียนที่ไร้ขอบเขตทะลวง เลือดปีศาจสีดำขลับพุ่งกระฉูด สภาพอนาถมากจนไม่อาจทนดูได้

ถัดจากนั้น พลังโจมตีครั้งที่สามของเวทย์ต้องห้ามเข้าล็อกเดิมก็กดอัดลงไป สิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจจึงดับสลายเป็นฝุ่นผงภายในชั่วพริบตาเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซาก

ปัจจุบันการปลดปล่อยพลังโจมตีสามครั้งถือเป็นขีดจำกัดของหลัวซิวแล้ว ตอนแรกเริ่มครั้นอยู่บนเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิ หลังจากเขาปลดปล่อยพลังโจมตีออกไปติดต่อกันสามครั้ง ตัวเขาเองก็จะถูกพลังแว้งกัดอย่างรุนแรงเช่นกัน

จากการที่แดนของเขาค่อย ๆ ยกระดับขึ้น ปัจจุบันเมื่อปลดปล่อยพลังโจมตีออกไปติดต่อกันสามครั้ง อย่างมากสุดเขาก็แค่ต้องสูญเสียผลการฝึกตนจำนวนมาก แต่ผลของการถูกพลังแว้งกัดกลับหายไปแล้ว

แน่นอนอยู่แล้วว่าหากต้องการปลดปล่อยพลังโจมตีครั้งที่สี่ออกไปต่อ จากสภาวะ ณ ปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอ นอกเสียจากใช้เวทย์ต้องห้ามแสงย้อนหรือรอให้ผลการฝึกตนก้าวเข้าสู่แดนราชาเซียนก่อน

“โฮกก!”

ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็สะท้อนมาจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป แค่เสียงคำรามเสียงเดียว ก็ทำให้หลัวซิวรู้สึกเหมือนถูกอสูรโหดที่น่ากลัวตัวหนึ่งหมายตาไว้ยังไงอย่างนั้น

เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจคือป้ายบัญชาการหยกเซียนที่อยู่บนมือเขา หลัวซิวจึงตัดสินใจวิ่งตรงไปยังโครงกระดูกที่เหมือนจะเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเซียนนั่นอย่างไม่ลังเลใจ

ป้ายบัญชาการชิ้นนี้ถูกวางอยู่ข้างโครงกระดูกเซียนมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไม่หายไหน หลัวซิวจึงรู้สึกว่าทั้งสองสิ่งนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน

ไม่นานนัก พลังออร่าดวงหนึ่งที่น่าทึ่งก็ประชิดใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือสีดำที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตปรากฏกลางอากาศ ฝ่ามือกางออก บดบังเดือนตะวัน แล้วทำการปกคลุมทั้งป่าไม้เอาไว้ใต้ฝ่ามือ

หลัวซิวยืนอยู่ข้างโครงกระดูกเซียนร่างนั้น กำป้ายบัญชาการหยกเซียนเอาไว้ในมือแน่น ๆ เขาหวังว่าตัวเองจะเดิมพันถูกแล้ว มิเช่นนั้นละก็ คงทำได้เพียงเอาตัวรอดอย่างทุ่มสุดกำลังสามารถแล้วล่ะ

มือใหญ่สีดำยิ่งอยู่ยิ่งประชิดใกล้เข้ามา ประหนึ่งกดอัดลงมาจากท้องฟ้า จักทำการบดขยี้ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่า

ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าสิ่งมีชีวิตที่ลงมือในวินาทีนี้ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจต้านทานได้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับที่เทียบเท่าประมุขเซียน

เมื่ออาศัยกลอุบายของเขา เขาเชื่ออยู่ว่าต่อให้สู้ไม่ไหว อย่างน้อยการหนีเอาชีวิตรอดก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“โครมคราม……”

จู่ ๆ หลัวซิวก็ได้ยินเสียงสึนามิภูเขาถล่มสะท้อนออกมาจากโครงกระดูกเซียนที่อยู่ข้างกาย ห้วงปณิธานหนึ่งที่เหมือนไม่มีวันดับสูญพรั่งพรู ม้วนซัดออกมาจากโครงกระดูกเซียน

“สังหารปีศาจ!”

“สังหารปีศาจ!”

“สังหารปีศาจ!”

“......”

ห้วงปณิธานที่ไม่ดับสูญดังก้องอยู่ในอนัตตา คำว่าสังหารปีศาจดังก้องอยู่ข้างหูหลัวซิวปานเสียงคำราม ดังต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน

มือใหญ่สีดำที่อยู่กลางท้องฟ้าจึงถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นความว่างเปล่าภายในเสี้ยววินาที

หลัวซิวแหงนหน้ามองขึ้นไป ก็เหมือนมองเห็นจักรพรรดิเซียนตนหนึ่งที่เป็นผู้มีอิทธิพลแห่งเก้าสวรรค์สิบปฐพีตั้งตระหง่านอยู่กลางนภาสูง เดชจักรพรรดิที่มากมายมหาศาลแผ่ขยายออกไป สะกดทุกสรรพสิ่ง

จักรพรรดิเซียน!

จิตใจหลัวซิวฮึกเหิม ณ เสี้ยววินาทีที่ปณิธานที่ไม่ดับสูญนั่นพรั่งพรูออกมา เขาก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าโครงกระดูกที่อยู่ข้างกายเขา ไม่ใช่โครงกระดูกทั่วไป ไม่ใช่โครงกระดูกของผู้ทรงมาหาอิทธิฤทธิ์มกุฎเซียน แต่เป็นโครงกระดูกแห่งจักรพรรดิเซียน!

ซากกระดูกของจักรพรรดิเซียน……

มันคือซากกระดูกของผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจ

หลัวซิวสามารถชี้ขาดได้เลย ฉะนั้นจึงเริ่มนึกโยงถึงเรื่องต่าง ๆ ทุกอย่างต้องเกิดจากจักรพรรดิเซียนที่เขาเจอได้ทำการเข่นฆ่าอยู่ในนี้อย่างยิ่งใหญ่แน่นอน ทำการสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ จนส่งผลให้มีซากกระดูกของผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจกองกันเท่าภูเขาอยู่ที่นี่

อีกทั้งเผ่าปีศาจที่บังอาจรุมโจมตีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากอย่างแน่นอน กระดูกปีศาจทุกชิ้นที่อยู่ที่นี่ล้วนสามารถฝึกเซ่นเป็นอาวุธที่ทรงพลังได้ ต่อให้ไม่สามารถเทียบเคียงกับภาชนะติ่งปีศาจมังกร แต่ก็คงแตกต่างกันไม่มากเช่นกัน

ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้เข้าไปแตะต้องกระดูกของผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจเหล่านั้น เพราะภาชนะติ่งปีศาจมังกรก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้ว แม้ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจจะตายไปแล้ว แต่ในกระดูกของพวกเขาก็ยังคงมีจิตอสูรแฝงซ่อนอยู่ ซึ่งจิตอสูรประเภทนี้จะส่งผลกระทบต่ออสูรจิตอื่น ๆ ทำให้อสูรจิตดวงนั้นนั้นกลายเป็นปีศาจ แล้วเที่ยวทำร้ายผู้คนในโลกอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังของจิตอสูรดวงหนึ่งแผ่ขยายออกมา ราวกับจะโจมตีจิตใจของหลัวซิว

ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้สั่นเทิ้มพร้อมกัน ระเบิดพลานุภาพที่น่าทึ่งออกมา สยบกดอัดจิตอสูรเหล่านี้เอาไว้

หลัวซิวก้าวถอยหลังกลับไป ซึ่งนี่คือการเตือนภัยล่วงหน้าจากภัณฑ์เซียนทั้งสอง

หลังจากกดอัดภาชนะติ่งปีศาจมังกรแล้ว บัดนี้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในมือหลัวซิวก็คือดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าแล้ว

ดาบหักเซียนคือดาบฉกรรจ์สุดหล้าที่มกุฎเซียนท่านใดท่านหนึ่งแห่งเผ่าไท่ซ่างฝึกเซ่นออกมา หากใช้มันควบคู่กับเวทย์ต้องห้ามหักเซียนไท่ซ่าง จะสามารถกระตุ้นพลานุภาพที่ทรงพลังที่สุดออกมาได้

อานุภาพของดาบฉกรรจ์เล่มนี้สามารถเทียบเคียงกับภัณฑ์จักรพรรดิ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าไท่ซ่างที่ฝึกเซ่นดาบเล่มนี้ ก็น่าจะอยู่ในระดับมกุฎเซียนเลิศล้ำเช่นกัน

มีเพียงเหล็กเซียนชั้นกล้าเท่านั้นที่ไม่ทราบความเป็นมา แต่ทว่ามันมีชื่อเสียงเลื่องลือในโลกเซียน ทั้งยังมีพละสยบเซียน ว่ากันว่าหากผู้ใช้เหล็กเซียนชั้นกล้ามีผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งมากพอ เมื่อใช้อานุภาพแห่งเหล็กเซียนชั้นกล้า ก็สามารถสยบสังหารจักรพรรดิเซียนได้เลย!

แน่นอนอยู่แล้วว่าคำเล่าขานนี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์มาก่อน เนื่องจากเหล็กเซียนชั้นกล้าหายไปนานมาก ๆ เล่ากันว่ามันเคยอุบัติขึ้นมาในช่วงหนึ่งของยุคบรรพกาล ทว่าต่อมามันก็ไม่เคยอุบัติขึ้นมาอีกเลย

ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่า มีราชาเซียนตนหนึ่งได้ครอบครองเหล็กเซียนชั้นกล้าด้วยความบังเอิญ แล้วนำมันไปยังห้วงดาราโลกามนุษย์ที่เคยถูกเหล่าเซียนทอดทิ้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ