มุมปากหลัวซิวก็เผยแสยะยิ้มออกมา ในเขาปาฉี เขาเคยเจอกับแมวเงาลายดอก เป็นอสูรระดับ2 รวดเร็วจนตาเปล่ามองไม่ทัน ความเร็วของเฟิงเซวียนจวี๋ที่แสดงออกมา พอเทียบกับมันแล้ว สู้ไม่ได้เลย
จากนั้นก็เข่นฆ่ากันกับแมวเงาลายดอกตัวนั้น ภายใต้ความเป็นความตาย ทำให้หลัวซิวบรรลุทักษะที่หลบหลีกได้ในระยะมิลลิเมตร และวิชาท่าร่างก้าวสั้นก็สำเร็จเกินขั้นบรรลุผล ไปจนถึงระดับแดนบริบูรณ์
เขายังเอาวิชาท่าร่างและวิชากระบี่ผนวกเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ก็เลยฆ่าเอาชนะแมวเงาลายดอกตัวนั้นได้
เฟิงเซวียนจวี๋ถือตัวมาก กระบี่ยังไม่ออกจากฝัก แต่ใช้ฝักกระบี่ฟันมาที่หัวของหลัวซิว
แต่หลัวซิวก็ยังทำเหมือนกับที่สู้กับคนอื่นๆ ก้าวขาเคลื่อนไปด้านข้างช้าๆ หลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
“ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!……”
เฟิงเซวียนจวี๋ออกกระบวนท่าเต็มที่ ลงมือติดต่อกัน แต่ก็ไม่โจมตีโนตัวของหลัวซิวได้แม้แต่ชายเสื้อ
“ให้ตายสิ!นี่มันเป็นวิชาก้าวสั้นระดับ2จริงหรือนี่? ทำไมรู้สึกว่าร้ายกาจกว่าวิชาท่าร่างระดับ3เสียอีก?”
ด้านล่างเวทีตื่นเต้นตกใจ ทุกคนจ้องมองไปยังชายหนุ่มสวมชุดดำหลัวซิว อึ้งตาค้าง อ้าปากจนแทบจะยาวถึงพื้นอยู่แล้ว
จริงๆแล้ว วิชาท่าร่างของหลัวซิวมันได้เกินไปจากวิชาก้าวสั้นระดับ2แล้ว จากที่ได้ปรับปรุงตามผังลายเส้นชีวิต ก็สามารถเทียบกับวิชายุทธ์ระดับ3ได้แล้ว
แบบนี้ก็แสดงว่า จริงๆ แล้ววิชาหมัดและทักษะยุทธ์ของหลัวซิว ถือว่าเป็นวิชายุทธ์ระดับ3แดนบริบูรณ์แล้ว!
ฉากนี้ ทำให้เจ้าสำนักยุทธ์ที่อยู่บนห้องใต้หลังคาออกอาการขึ้นมา รอยยิ้มบนใบ้หน้าหายไป ดวงตาหรี่ลง แล้วจ้องมองไปยังหลัวซิวในสนามแข่งขัน
เขาคือคนที่ก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปเป็นคนเก่งระดับแดนปรมาจารย์ในโลกยุทธ์แล้ว สายตาและความรู้ก็ไม่ใช่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะเทียบได้
ตอนแรกเขายังมองไม่ออก เพราะว่าคู่ต่อสู้ของหลัวซิวนั้นอ่อนแอมาก แต่ว่าเฟิงเซวียนจวี๋เป็นถึงคนที่มีวิชาท่าร่างระดับ3 ฝึกยุทธ์ระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบฝีมือกัน ในที่สุดเขาก็ได้เห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ด้านใน
“ดีนักนะหลัวซิว แค่วิชายุทธ์ระดับ2 ก็ถูกเอ็งฝึกจนเทียบกับวิชายุทธ์ระดับ3ได้เลย นี่มันไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดา นี่มันฟ้าส่งมาเกิด!”
เขาอดหัวใจพองโตขึ้นมาไม่ได้ ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักยุทธ์ ในเมืองชิงหยุนดูเหมือนจะตำแหน่งสูง แต่ถ้าอยู่ในทั้งเขตการปกครองหยุนหลง ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร
ถ้าในเมืองชิงหยุนมีคนที่เป็นยอดอัจฉริยะได้เข้าไปในสำนักเซียวเหยา เขาก็จะมีผลงานที่เสนอชื่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะได้รางวัลจากสำนัก เพื่อให้ได้เขาได้มีโอกาสที่จะฝึกยุทธ์ทะลุแดนได้เป็นแดนเทพยุทธ์!
จริงๆ แล้วเจ้าสำนักยุทธ์ของแต่ละเมืองก็ไม่ต่างจากเขามากนัก ผลการฝึกตนถึงระดับฝึกจิตครึ่ง ใช้พลังในตัวหมดแล้ว ยากที่จะบรรลุระดับต่อไป
ดังนั้นสำนักเซียวเหยาก็เลยให้โอกาสพวกเขา ส่งตัวมาดูแล้วสำนักยุทธ์ต่างๆ ในเมืองใหญ่ ถ้าหากว่าสามารถแนะนำยอดอัจฉริยะเข้ามาสำนักได้ ก็จะได้ยาฝึกจิตเป็นรางวัล แล้วก็ได้พัฒนาตัวเองจนถึงระดับแดนเทพยุทธ์
ตั้งแต่แดนพรสวรรค์ถึงแดนเทพยุทธ์ เป็นอุปสรรคที่ใหญ่มาก ถ้าบรรลุได้ ก็จะมีอายุยืนถึง800ปี มีเวลมากพอที่จะไปพัฒนาตัวเองให้มีระดับที่สูงขึ้นไป
แต่ถ้าไม่สามารถบรรลุแดนเทพยุทธ์ได้ อย่างมากก็มีอายุแค่100กว่าปี พอร่างกายเริ่มแก่ตัวไปเรื่อยๆ เลือดลมอ่อนแรง พละกำลังก็จะอ่อนแรงไปด้วย ถ้าอยากจะบรรลุก็คงจะยาก
“แพล๊ง!แพล๊ง!”
มีเสียงดังขึ้น2ครั้ง ในสนาม หลัวซิวและเฟิงเซวียนจวี๋เหมือนจะชักกระบี่ออกมาพร้อมกัน
“วิชากระบี่บรรลุผลงั้นหรือ?”
เจ้าสำนักยุทธ์ตกใจอีกครั้ง แต่ไม่นานก็เก็บอารมณ์ได้ สุดยอดอัจฉริยะที่สามารถฝึกวิชายุทธ์ระดับ2ให้มีพลังเหมือนกับวิชายุทธ์ระดับ3ได้ ภายในสองเดือนก็ฝึกวิชากระบี่จะถึงขั้นบรรลุผล ทำให้เขารู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลกันอยู่
ในสนาม สีหน้าเย่อหยิ่งของเฟิงเซวียนจวี๋ก็มลายสิ้น ถึงแม้จะเป็นวิชากระบี่ฟ้าแลบแดนบรรลุผลเหมือนกัน แต่วิชากระบี่ของหลัวซิวแข็งแกร่งกว่าเขา แถมยังออกกระบวนท่าเร็วกว่าด้วย สามารถกดเขาได้อย่างสิ้นเชิง
พูดถึงวิชาท่าร่าง เขาสู้หลัวซิวไม่ได้ พูดถึงวิชากระบี่ เขาก็สู้หลัวซิวไม่ได้อีก!
ในชั้นหัวกะทิ พวกเขาสองคนถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกัน
“ไอ้ทึ่มตัวใหญ่ เดี๋ยวจะให้ลิ้มลองความร้ายกาจของวิชากระบี่ฟ้าแลบ!”
เฟิงเซวียนจวี๋ตะโกนออกไป กระบี่คมกริบออกจากฝัก รังสีกระบี่เยือกเย็นฟันผ่านอากาศไป รวดเร็วดั่งสายฟ้า จนน่าตกใจ
เขารู้ดีว่าตนเองแพ้ให้กับหลัวซิวไปแล้วหนึ่งสนาม ถ้ายังไม่มีโอกาสชนะสวี่ชิวเซิงได้ล่ะก็ และถ้าครั้งนี้แพ้ให้หานซานไป เกรงว่าจะไม่ได้เข้า3อันดับแรก
ดังนั้นสนามนี้ เฟิงเซวียนจวี๋จะต้องสู้อย่างเต็มกำลังที่สุด
ตอนที่ประมือกับหลัวซิวนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิชาท่าร่างหรือวิชากระบี่ ก็ล้วนถูกหลัวซิวกดไว้หมด แต่ตอนนี้สู้กับหานซาน เขาก็สามารถแสดงพลังฝีมือที่แท้จริงของตนเองออกมาได้แล้ว ทำให้คนด้านล่างเวทีล้วนส่งเสียงตื่นเต้นตกใจขึ้นมา
แพล๊ง!พล๊าง!แพล๊ง!
ดาบและกระบี่กระทบกัน เฟิงเซวียนจวี๋ถอยร่นไป3ก้าว แต่เขาก็รีบใช้วิชาเคลื่อนไหวย้ายร่างเปลี่ยนเงาทันที กระบี่ไวดั่งเม็ดฝน ทำให้หานซานจำเป็นต้องขับเคลื่อนปราณในออกมาป้องกันทันที
สองคนนี้ หานซานเน้นด้านพละกำลังและการปัดป้อง ส่วนเฟิงเซวียนจวี๋นั้น เน้นคล่องแคล่วว่องไว คนหนึ่งมั่นคง คนหนึ่งเร็วดั่งลม
ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดของ พลังของสองคนนี้จะร้ายกาจกว่าการกลั่นร่างขั้น9ธรรมดาทั่วไปมาก
เฟิงเซวียนจวี๋ได้ฝึกฝนจนวิชาท่าร่างและวิชากระบี่จนถึงแดนบรรลุผล วิชาดาบและวิชาปราณแข็งของหานซานก็ฝึกจนถึงแดนบรรลุผลแล้วเหมือนกัน
ช่วงพริบตา สองคนก็ได้สู้กันไปกว่า20กระบวนท่าแล้ว ใครก็ทำอะไรอีกฝั่งไม่ได้เลย เฟิงเซวียนจวี๋ไม่อาจทำลายการป้องกันของหานซานได้ ส่วนหานซานก็อาจจะตามความเร็วของเฟิงเซวียนจวี๋ได้
ตอนนี้ สองคนจะวัดกันที่ปราณในของใครจะหมดก่อนกัน และใครจะอดทนได้นานกว่ากัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...