มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 530

“พลังของกฎการเวียนว่ายตายเกิด แข็งแกร่งกว่ากฎเบญจธาตุที่ได้รับมาจากแดนแต่งตั้งราชาเสียอีก”

สำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตัวหลัวซิวเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

สิ่งที่แตกต่างจากกฎเบญจธาตุ นั่นคือตอนที่เขาใช้พลังกฎการเวียนว่ายตายเกิด หว่างคิ้วของเขาไม่ปรากฏตราประทับขึ้นมา นั่นเป็นเพราะกฎการเวียนว่ายตายเกิดได้มาจากการที่เขาบรรลุผังกฎดั้งเดิมที่ 3 ด้วยตัวเองและเข้ากับร่างของเขาได้เป็นอย่างดี

ส่วนกฎเบญจธาตุจะใช้การผนึกรวมชิ้นส่วนกฎ และยืมพลังจากด้านนอกมาใช้ เวลาที่ใช้งานถึงจะมีตราประทับปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว

เช่นเดียวกับตอนที่ฉีฝ่าเทียนใช้กฎธาตุทอง หว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏตราขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าพลังแห่งกฎที่เขาใช้ได้รับมาจากชิ้นส่วนกฎ

“การมีกฎการเวียนว่ายตายเกิดและกฎเบญจธาตุกลับไม่มีประโยชน์อะไรกับข้ามากนัก แต่กลับสามารถนำมาใช้ยกระดับพลังของคนอื่นๆ ในสำนักได้” หลัวซิวคิดในใจ

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตื่นตระหนกของคนในที่นั้นที่มาแสดงความยินดี หลัวซิวก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ตนต้องการเป็นไปตามเป้าหมายพอสมควรแล้ว ขอเพียงแค่พิธีเปิดสำนักเขาจัดขึ้นอย่างราบรื่นสมบูรณ์ ต่อจากนี้ไปทั่วทั้งแผ่นดินประเทศเทียนหวูนี้ก็จะพากันยกย่องสำนักไท่เสวียน

“เยว่คงจวินคงใกล้จะมาถึงแล้วกระมัง” หลัวซิวหรี่ตาลงแล้วมองไปยังขอบฟ้าอันห่างไกล

ในตอนนั้นเองพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ก็ได้เคลื่อนตัวมาถึงและปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของทุกคนในที่นั้น

นี่เองเป็นเหตุทำให้เกิดอาการตัวสั่นและหวาดกลัวได้ สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างมองไปที่ทิศทางเดียวกัน กลางท้องฟ้าปรากฏผู้อาวุโสเคราขาวที่เอามือไพล่หลังเอาไว้แล้วเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ

“มาแล้ว!”

หลัวซิวหรี่ตาเล็กลง เขารู้มาจากฉีฝ่าเทียนว่าคนผู้นี้คือเยว่คงจวิน หรือก็คืออาจารย์ตระกูลหยูแห่งเทือกเขาเหิงหยุน อาจารย์ของหยูเชียนฮั่วนั่นเอง

หยูเชียนฮั่วเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎยุทธ์ อาจารย์ของเขาคือเยว่คงจวิน เป็นมหายุทธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่

ทว่าสีหน้าของหลัวซิวยังคงนิ่งเฉย เขามองท้องฟ้าแล้วกล่าวอย่างสบายอารมณ์ “ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว เปิดสำนัก!”

เยว่คงจวินยืนเงียบๆ อยู่กลางท้องฟ้า สายตาของเขาจับจ้องมาที่หลัวซิว เมื่อเห็นเจ้าสำนักไท่เสวียนหนุ่มเมินเฉยกับตนเองเช่นนี้ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

สิ้นเสียงคำสั่งของหลัวซิว ทั่วบริเวณสำนักไท่เสวียนต่างมีแสงสีคึกคัก ค่ายพิทักษ์เขาขั้น 7 เริ่มทำงาน ตำหนักวัฏสงสารที่หลัวซิวอยู่เริ่มขยับขึ้นช้าๆ ภายใต้เสียงดังอึกทึกนั้น และลอยอยู่กลางฟ้าในที่สุด

การที่ตำหนักนี้สามารถลอยอยู่กลางฟ้าได้ แน่นอนว่าเป็นเพราะได้วางค่ายกลกลางฟ้าเอาไว้แต่แรกอยู่แล้ว

แม้ว่าผู้ร่วมงานจะรู้เรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นตำหนักลอยตระหง่านขึ้นกลางท้องฟ้าเช่นนี้ต่างยังคงรู้สึกประหลาดใจ

จากนั้น ตำหนักผู้อาวุโสทั้งสามก็เคลื่อนตัวขึ้นกลางอากาศอยู่ภายใต้ตำหนักวัฏสงสาร จากนั้นก็เป็นตำหนักผู้คุมกฎทั้งสิบแปดที่อยู่ด้านล่างตำหนักผู้อาวุโสอีกที เพื่อคอยอารักขาตำหนักวัฏสงสาร เป็นภาพราวกับพีรามิดโบราณ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ