มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 533

“เวลาสิบปี?”

ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวยืนเอามือไขว้หลัง เขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด

แม้ว่าการฝึกยุทธ์จะยิ่งสูงขึ้น การเลื่อนระดับที่บรรลุถึงของแต่ละคนจะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

พิธีเปิดเขาในครั้งนี้ สำนักไท่เสวียนมีศิษย์นอกสำนักเข้าร่วมร้อยกว่าคน พูดได้ว่าได้ฉีดเลือดที่สดใหม่เข้ามา ทำให้สำนักที่แต่เดิมมีคนเพียงน้อยนิด ในที่สุดก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา

เพียงแต่ว่าแม้จะมีคนเพิ่มมากขึ้น แต่คนที่สามารถเชื่อถือได้ กลับมีไม่มาก โชคดีที่ในศิษย์จำนวนร้อยกว่าคนนี้ ก็มีใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่บ้าง

หนึ่งในจำนวนนนั้น ก็คือปี้เซียนเสว่นั่นเอง หญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคาวเดียวกับหลัวซิวคนนี้ มีร่างกายที่พิเศษอย่างร่างแห่งเสวียนหยิน สำนักฉางเหอได้ให้ความสำคัญในตอนนั้น ถึงขนาดที่อาจารย์สำนักฉางเหอจะลงมือสั่งสอนด้วยตนเอง

แต่น่าเสียดายที่อาจารย์สำนักฉางเหอได้ประสบเคราะห์ร้ายในเวลาต่อมา ยอดเขาเทียนเหอถูกสำนักอัสนีวายุทำลายล้าง ปี้เซียนเสว่โชคดีหนีรอดออกมาได้ ในตอนที่ไร้ซึ่งหนทางได้ยินว่าสำนักไท่เสวียนที่หลัวซิวก่อตั้งขึ้นได้เปิดสำนักเขา รับศิษย์ เลยได้มาตามที่ได้ยิน

สำนักฉางเหอได้ทุ่มเททรัพยากรและกำลังใจกายมากมายบนตัวของนาง เพราะเหตุนี้ผลการฝึกตนของนางจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีวันนี้ได้มีผลการฝึกตนในแดนราชายุทธ์ขั้นสามเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงได้แหกกฎทำให้นางจากศิษย์นอกสำนัก ได้เข้ามามีสถานะเป็นศิษย์ใจกลาง

อยู่ในสำนักตำแหน่งของศิษย์ใจกลาง แทบจะทัดเทียมได้กับระดับผู้คุมกฎ

นอกจากนี้แล้วยังมีเย่เจียเอ๋อร์แห่งหอหย่งชาง นางได้สืบทอดบิดาของนาง ได้กลายเป็นเจ้าหอแห่งหอหย่งชางเป็นที่เรียบร้อย กลับได้มาที่สำนักไท่เสวียน เนื่องจากผลการฝึกตนของนางได้ถึงระดับฝึกจิตขั้นสาม ดังนั้นจึงได้กายเป็นศิษย์ในสำนักโดยตรง

หลังจากที่ได้มีพลังของกฎการเวียนว่ายตายเกิด กฎเบญจธาตุไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายสำหรับหลัวซิวอีกแล้ว ดังนั้นจึงได้หยิบเอาทองไม้น้ำไฟดินอย่างละชิ้น ออกมาจากชิ้นส่วนกฎทั้งสิบแปดชิ้น ส่วนที่เหลือนั้นได้มอบให้เหยียนเยว่เอ๋อร์ทั้งหมด

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้อาศัยหินตรีภพมาฝึกตน บรรลุระดับผลการฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว ได้บรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกเป็นที่เรียบร้อย มีกฎเบญจธาตุคอยช่วยเหลือ ความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า

นอกจากนี้แล้วหลังจากที่ได้รับกฎเบญจธาตุ เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ไม่ได้ฝึกพลังอมตะของแสงจิตห้าสี แต่ได้อาศัยกฎเบญจธาตุชุบร่างยุทธ์ร่างเนื้อ บวกกับพลังตรีภพและสภาพแวดล้อมอันโดดเด่นของหอฝึกฝนแดนปริศนา การบรรลุขั้นจึงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และพลังก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“สีชูทง ข้าจะให้ทางเลือกกับเจ้าสองทาง ทางที่หนึ่งคือให้ข้าใช้วิชาสยบวิญญาณกับเจ้า กลายเป็นผู้ดูแลในสำนักของสำนักไท่เสวียนของข้า ทางที่สองก็คือข้าสามารถปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่ข้าจะลงกฎข้อห้ามเข้าสู่ร่างกายของเจ้า ถ้าหากเจ้ามาสามารถทำลายกฎข้อห้ามได้ ผลการฝึกตนในชีวิตนี้ของเจ้าก็จะไม่อาจก้าวหน้าได้” หลัวซิวกล่าวกับสีชูทงที่อยู่ในคุก

ตอนนี้สำนักไท่เสวียนจำเป็นต้องใช้คน นอกจากนี้แล้วสำนักเพิ่งได้ก่อตั้งขึ้น ไม่เหมาะแก่การสู้รบ มีศัตรูไปทั่ว ไม่เช่นหลัวซิวก็ของไม่ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้

สีชูทงเองก็เป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ดี โลกของนักยุทธ์ ผู้ที่สังหารผู้อื่น ก็จะถูกผู้อื่นสังหารเช่นเดียวกัน ไม่อาจพูดได้อย่างชัดเจนว่า ใครถูกใครผิด

สุดท้ายแล้ว สีชูทงก็ได้เลือกเส้นทางแรกอย่างชาญฉลาด ยอมที่จะให้หลัวซิวลงวิชาสยบวิญญาณอย่างเต็มใจ นับจากนี้ไปอยู่ที่สำนักไท่เสวียน

ส่วนจูชิงผู้นั้น เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับมกุฎยุทธ์ ไม่สามารถกำราบได้ง่าย ๆ จากข่าวกรองที่เขาได้ยินมา แม้ว่าในอาณาจักรตะวันตกเขาหวูโจวจะไม่ได้เป็นกองกำลังใหญ่โตอะไร แต่ก็มีมกุฎยุทธ์ขั้นเก้าผู้หนึ่งนั่งประจำตำแหน่งอยู่

ทว่าหลัวซิวก็ไม่คิดที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ถ้าหากเขาหวูโจวต้องการที่จะได้คนกลับไป ก็จะต้องหาอะไรมาไถ่ตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ