“หลัวซิว กล้าขึ้นไปประลองกับข้าหรือไม่?”
เสียงหนักหยาบดังลอยเข้ามาในหู เงาร่างสายหนึ่งได้กระโดดลงจากแท่นบัวเพลิงอัคคี สู่กลางเวทีประลองยุทธ์
เจ้าของของเสียงนี้ คืออัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนเลือกให้เข้าแข่งขัน หลี่จ้านนั่นเอง!
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เจ้าตัวใหญ่ผู้โง่เขลา ข้ากับเจ้ามีความแค้นอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงได้กัดข้าไม่ปล่อย?”
“เจ้าไม่กล้าหรือ?” เสียงของหลี่จ้านเป็นเหมือนดั่งสายรุ้ง ผู้คนที่ชมการประลองอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงแทบทั้งหมดต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“ผลการฝึกตนในระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสี่? ในอัจฉริยะรุ่นใหม่นับร้อยคนเหล่านี้ เพียงพอที่จะอยู่ในยี่สิบอันดับแรกแล้ว!”
“คนผู้นี้มีนามว่าหลี่จ้าน เหมือนจะเป็นอัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรพลานุภาพแห่งอาณาจักรเหนือให้ความสำคัญ ฝีมือจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
บนท้องฟ้าเหนือแท่นประลองยุทธ์กลุ่มที่สาม ถูกหลี่จ้านท้าประลองโดยการเรียกชื่อพร้อมแซ่ หลัวซิวรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริง ๆ
“เจ้าตัวใหญ่ผู้โง่เขลา เจ้ารนหาที่เองนะ!” หลัวซิวดวงตากะพริบ และเตรียมที่จะลงไปประลองด้วย
ทว่าในตอนนี้นี่เอง เงาร่างสายหนึ่งกลับได้ลงไปเร็วยิ่งกว่าหลัวซิวหนึ่งก้าว
“ข้าจางเฟิงขอทราบความสามารถของเจ้า!”
ผลการฝึกตนของจางเฟิงผู้นี้ด้อยกว่าหลี่จ้านเล็กน้อย อยู่ในระดับมกุฎยุทธ์ขั้นสาม แต่สามารถโดดเด่นออกมาจากอัจฉริยะมากมายได้ จักต้องมีฝีมือในการสู้ข้ามขั้นอย่างแน่นอน
“เจ้าอ่อนแอเกินไป! สามารถจัดการได้ภายในสามกระบวนท่า” หลี่จ้านหัวเราะเยาะ เขาบีบหมัดของตนเอง เสียงนิ้วดังลั่นเป๊าะ
“สามกระบวนท่า? เจ้าไม่กลัวจะหักหน้าตนเองหรืออย่างไร?”
ในฐานะอัจฉริยะ จางเฟิงเองก็เป็นผู้ที่โอหังไม่น้อย ถูกอีกฝ่ายไม่เห็นอยู่ในสายตาเช่นนี้ ความโมโหก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าทันที
อาวุธต่อสู้ของจางเฟิงนั้นคือหอกยาวขั้นดินสูง ใช้พลังทั้งหมดในทันทีที่ลงมือ แสดงทักษะยุทธ์ระดับยิ่งเลิศออกมา
อัจฉริยะรุ่นใหม่ทุกคนที่สามารถโดดเด่นออกมาในแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ต่างก็ได้ฝึกวิชายุทธ์ในระดับยิ่งเลิศ นับว่าเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา
“สวรรค์ ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม? เจ้าหนุ่มชุดดำผู้นั้นมีผลการฝึกตนอยู่เพียงแค่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดเท่านั้น?”
“ฮ่า ๆ จักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดกล้าท้าทายหลี่จ้าน? ไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?”
“คนผู้นี้มีนามว่าหลัวซิว เหมือนว่าจะเป็นอัจฉริยะที่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแนะนำให้เข้าร่วมการประลองยุทธ์ น่าเสียดายที่ผลการฝึกตนต่างกันเกินไป ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่จ้าน”
รอบด้านของเวทีประลอง ผู้ชมต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา ไม่มีผู้ใดสนับสนุนการประลองในรอบนี้เลย
สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่โดยรอบ หลัวซิวฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เขายืนอยู่บนประลองอย่างแน่วแน่เป็นธรรมชาติ ร่างกายที่ค่อนข้างจะผอมบาง เมื่อเทียบกับร่างบึกบึนกำยำของหลี่จ้าน ก็เป็นเหมือนดังผู้ใหญ่กับเด็ก
เขาก้าวเท้าเดินมายังด้านหน้าของหลี่จ้าน ความสูงของเขาถึงบริเวณหน้าอกของหลี่จ้านเท่านั้น แขนเพียงข้างเดียวของอีกฝ่าย ใหญ่กว่าต้นขาของตนเสียอีก
ในตอนนี้ บนเวทีประลองยุทธ์อื่น ๆ ก็คึกคักเร่าร้อน ดุเดือดเป็นพิเศษ มีการป้องกันจากเกราะป้องกัน ควันหลังจากการต่อสู้ต่างถูกควบคุมให้อยู่ในบริเวณเวทีประลองยุทธ์เป็นอย่างดี จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ชมที่อยู่ด้านนอกอย่างแน่นอน
ทว่าสถานการณ์ในกลุ่มที่สาม กลับได้ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก มีคนได้สังเกตเห็น สี่เจ้ายุทธจักรผู้สูงส่ง ก็ได้มองมายังทางด้านนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...