มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 74

วิชาชี่ไห่ขั้น3 หวางช่านที่ฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ5 กล่าวว่าจะเอาชนะหลัวซิวภายในสามกระบวนท่า ทว่าหลัวซิวกลับตอบกลับอย่างเสียดสี กล่าวว่าแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถเอาชนะหวางช่านได้?

ในเวลานี้ หลัวซิวได้แสดงให้เห็นด้านที่แข็งแกร่งของเขาอย่างไม่คาดคิด

โดยปกติแล้วนิสัยของหลัวซิวค่อนข้างจะถ่อมตน เหตุที่จิตใจที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา แสดงความสามารถออกมาในตอนนี้ กลับเป็นเพราะลู่เมิ่งเหยากำลังมองตัวเองอยู่

ต่อหน้าดรุณีที่รักใคร่ จะให้ผู้อื่นอวดดีต่อหน้าข้าได้เยี่ยงไร?

เมื่อได้ยินหลัวซิวกล่าวว่าเอาชนะตนได้ภายในกระบวนท่าเดียว สีหน้าของหวางช่านเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ในใจเต็มไปด้วยไฟโทษะ

“เจ้าร้องหาความอัปยศใส่ตนเอง!”

ฉับ!

หวางช่านชักดาบออกมาทันที ลำแสงอันเยือกเย็นจับตัวอยู่บนคมดาบ ฟันเข้าหาหลัวซิวอย่างดุเดือด

ทั่วทั้งเวทีประลองถูกครอบคลุมไปด้วยกระแสพลังอันเหน็บหนาวราวน้ำแข็ง บนพื้นถึงขั้นจับตัวเป็นน้ำค้างแข็งขึ้นมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างจำนวนไม่น้อยได้สัมผัสถึงความหนาวเหน็บ ตัวสั่นขึ้นมา

อาศัยกำลังภายในปราณแท้ของวิชาชี่ไห่ขั้น3 บวกกับดาบยุทธ์ชั้นสูง วิชาดาบระดับห้า ดาบนี้ของหวางช่าน กล่าวได้ว่าทรงพลังอย่างยิ่ง

คมดาบโจมตีเข้ามาราวกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง วิชาชี่ไห่ขั้น4 ยังต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง หลบหลีกคมดาบ

เผชิญหน้ากับหวางช่านที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หลัวซิวจะเอาชนะในกระบวนท่าเดียวได้เยี่ยงไร?

ในสายตาของทุกคน หลัวซิวกล่าวคำพูดอย่างว่าจะเอวชนะในกระบวนท่าเดียว เป็นแค่คำพูดล้อเล่นที่พูดในขณะที่โมโหเท่านั้นเอง

มองดูดาบที่ดุเดือดรุนแรง กระแสพลังอันเหน็บหนาวแผ่ซ่าน หลัวซิวยังคง สงบนิ่งไม่แยแส!

“วิชาดาบระดับ5? ......แค่นี้เองหรอกหรือ!”

น้ำเสียงของเขานิ่งสงบ ทว่าเสมือนได้แฝงมนตราที่อัศจรรย์บางอย่างเอาไว้ ค่อย ๆ เอื้อมฝ่ามือออกมา จับด้ามกระบี่ที่อยู่บนหลัง

“ชักกระบี่!”

ฉับพลันทันที ทุกคนเห็นลำแสงสีดำลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ฉับ!” “ฉับ!”

ชักกระบี่ เก็บกระบี่เข้าฝัก การเคลื่อนไหวทั้งหมดสิ้นสุดในชั่วอึดใจ ไม่ได้มีการหยุดชะงักเลยสักนิด!

“พรึ่บ!”

เงาร่างของหวางช่านลอยกระเด็นออกไป เลือดไหลอาบบริเวณหน้าอก ร่วงหล่นห่างออกไปหลายเมตร

“เป็นไปไม่ได้! ข้าจะพ่ายแพ้ได้เยี่ยงไร?”

วิชาดาบระดับ5 ที่ภาคภูมิใจกลับพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว มันทำให้หวางช่านไม่อยากจะเชื่อ คนทั้งคนราวกับได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง แววตาเลื่อนลอย

ฉับพันทันใด ดวงตาทั้งสองข้างของหวางช่านแดงก่ำ โผกระโจนเข้าหาหลัวซิวอย่างคนเสียสติ ตวาดกล่าว: “อันดับหนึ่งเป็นของข้า ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ปัง!”

หวางช่านพึ่งจะกระโจนเข้ามา หลัวซิวก็เตะเท้าออกไปอย่างไร้ความปรานี เตะเข้าที่หน้าอกของหวังเต็ม ๆ

เห็นเพียงหวางช่านกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ซี่โครงแตกหักไปหลายซี่ ร่างลอยออกไปดุจดั่งว่าวที่สายขาด

ทว่าเวลานี้หวางช่านได้สูญเสียสติสัมปชัญญะบ้าคลั่งไปแล้ว คล้ายกับอยู่ในสภาวะธาตุไฟเข้าแทรก ร่างกายไม่รู้จักเจ็บปวด พุ่งโจมตีเข้าไปอีกครั้งด้วยดวงตาแดงก่ำ

หลัวซิวขมวดคิ้ว ฝ่ามือวาดเป็นแนวนอน คิดโจมตีให้หวางช่านสิ้นสติไป เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไม่จบไม่สิ้น

“ยั้งมือ!”

ในเวลานี้เอง จางหลู่เหลียงที่เป็นผู้นำผู้คุมสอบตาเปล่งประกายหนึ่ง ตวาดหนึ่งครั้งและพุ่งกระโจนเข้าไป

เห็นเพียงเขาปรากฏตัวขึ้นที่ตรงกลางระหว่างหลัวซิวและหวางช่าน มือทั้งสองข้างซัดฝ่ามือออกมาพร้อมกัน

“พรึ่บ!”

หวางช่านถูกกระแสพลังฝ่ามือที่แข็งแกร่งซัดลอยออกไป ลอยตกลงไปที่ด้านล่างเวทีประลอง สิ้นสติไปในทันที

และในเวลานี้ ก็มีกระแสพลังฝ่ามือสายหนึ่งจู่โจมเข้าหาหลัวซิว

ลู่เฟยเฉินท่าทางไร้ความรู้สึก สายตาตกอยู่ที่ร่างของจางหลู่เหลียง ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว และก้มหน้าลง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าสำนัก

“ใครก็ได้มานี่เร็ว!” ลู่เฟยเฉินเอ่ยปากเบา ๆ

จากนั้น เงาร่างสองสายก็ได้ปรากฏขึ้นดุจดั่งภูตผี สวมชุดดำ ลมหายใจขมุกขมัว

“ผู้คุมกฎชุดดำจับตัวจางหลู่เหลียงเอาไว้!”

“ขอรับ!”

คุมกฎชุดดำทั้งสองไม่รีรอ กระโดดลอยตัวขึ้นไปบนเวที ควบคุมตัวจางหลู่เหลียงเอาไว้เอาไว้ทั้งซ้ายขวา

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทางของจางหลู่เหลียงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “ท่านเจ้าสำนัก ข้าถูกปรักปรำ!”

ลู่เฟยเฉินสีหน้าเยือกเย็น “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือยังไง? ข้าประจำการอยู่ที่นี่ด้วยตนเอง เจ้ายังกล้าแอบลงมือคิดร้าย ยังกล้าบอกว่าตอนเองถูกปรักปรำอีกงั้นเหรอ?”

“เอาตัวไปขังที่คุกน้ำ กำจัดผลการฝึกตนเสีย ล่ามกระดูกสะบักด้วยโซ่!” ลู่เฟยเฉินกกล่าวอย่างเย็นชา

ไม่ว่าจางหลู่เหลียงจะตะโกนร้องขอความเป็นธรรมเยี่ยงไร คุมกฎชุดดำทั้งสองก็ยังคงควบคุมตัวเขาลงไปทันที จนถึงเวลานี้ จางหลู่เหลียงถึงพลันเข้าใจขึ้นมา ตัวเองนั้นฉลาดเกินไปจนเสียรู้

หากไม่มีลู่เฟยเฉินผู้นำนอกสำนักผู้นี่อยู่ที่นี่ด้วย เขาแอบลงมืออย่างลับ ๆ ก็ไม่มีใครสามารถมองออกได้

ทว่าลู่เฟยเฉินนั้นเป็นยอดฝีมือแดนเทพยุทธ์ระดับเก้า จิตวิญญาณหยั่งรู้ชัดแจ้งเห็นจริง ได้มองอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่ที่เขาแอบลงมือแล้ว

ไม่ว่าจะอย่างไร หลัวซิวก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตบุตรสาวของตน และยังได้แสดงพรสวรรค์ที่ไม่เลวออกมา ไม่ว่าจะเป็นส่วนรวมหรือส่วนตัว เขาล้วนต้องลงโทษจางหลู่เหลียงอย่างเด็ดขาด

......

ในตอนที่หลัวหลิวได้สติกลับคืนมา พบว่าตนได้นอนอยู่ในห้องที่เรียบง่ายและสะอาด

เมื่อนึกถึงว่าตนเองถูกกระแสพลังฝ่ามือของจางหลู่เหลียงทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ปฏิกิริยาแรกของเขาคือขับเคลื่อนพลังหยางบริสุทธิ์ ปราณแท้ขับเคลื่อนไปทั่วร่างกาย ตรวจสอบร่างกายของตนเอง

“เป็นตาเฒ่าที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก!”

หลังจากที่ได้ตรวจสอบอาการภายในของตนเอง ในดวงตาของหลัวซิวได้ปรากฏไอสังหารที่น่าเกรงขามขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ