London Heathrow Airport…
เวลา 03:05 น. ในขณะที่ทุกคนนั่งรอเจคอปอยู่บนเครื่องเกือบชั่วโมงท่ามกลางสีหน้าบึ้งตึงของออร์แลนโด้ ที่รีบร้อนอยาก จะไปตามหาแพรณารา แต่เจคอปที่บอกว่าจะบินในคืนนี้ด้วยกลับหายเงียบ และยังติดต่อไม่ได้
“ดอม นายโทร. เช็กอีกทีสิว่าเจคใกล้จะมาถึงหรือยัง” คารอสรีบบอกคนสนิท เพราะดูท่าทางเพื่อนรักจะเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ไม่ต้อง! เอาเครื่องขึ้นได้เลย!” ออร์แลนโด้เอ่ยเสียงดัง เพราะไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมารอคนที่ไม่ยอมรักษาเวลาแบบนี้ เสียเวลาชะมัด!
“เดี๋ยวครับบอส! คุณเจคมานั่นแล้วครับ” อันโตนีโอ้ที่ยืนมองตรงทางเข้าของรันเวย์ เห็นบูกัตติเวย์รอนสีแดงเพลิงของเจคอปแล่นเข้ามาด้วยความเร็ว ราวกับว่ากำลังแข่งแรลลี่ในสนามแข่งระดับโลกอยู่ จึงรีบเอ่ยก่อนที่โดโนเวลจะเดินไปห้องเครื่อง
ออร์แลนโด้ถึงกับกลอกตาที่รู้ว่าเจคอปมาทัน ‘นี่ถ้ามันไม่ใช่น้องชายของเขาละก็ หึ! เขาจะทิ้งมันและเอาเครื่องขึ้นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว’
คารอสอดขำไม่ได้ที่เจคอปเหยียบแบบซิ่งสั่งตายตรงมายังเครื่องบินส่วนตัว แล้วเบรกรถเสียงดังสนั่นไปทั่ว ก่อนจะเห็นเจ้าตัวเปิดประตูรถออกมา และวิ่งขึ้นมาบนเครื่อง พร้อมมาร์คมือขวาคนสนิท ที่หอบหิ้วกระเป๋าตามขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นๆ
มาร์ครีบทำความเคารพออร์แลนโด้และคารอส ก่อนจะเดินไปยัง ที่นั่งอีกห้องหนึ่งที่มีไว้สำหรับมือขวาตามอันโตนีโอ้และโดโนเวล
“ขอโทษครับเฮีย! พอดีเจอด่านน่ะครับ ไม่รู้ว่าจะซวยอะไรนักหนา เสียเวลาฉิบ!” เจคอปรีบบอกทันทีที่เห็นใบหน้าบึ้งๆ ของผู้เป็นพี่ชาย ที่ดูจะไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
ออร์แลนโด้ฟังคำแก้ตัวแล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่แล้วรัดเข็มขัด
“สงสัยเขาจะไม่รู้จักนายมั้งเจค!” คารอสเอ่ยแซวก่อนจะเดินเข้าไปนั่งประจำที่แล้วรัดเข็มขัด เจคอปไปนั่งที่ของตัวเองแล้วเล่าต่อ
“ไอ้ตำรวจนั่นมันถามว่าผมชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำอาชีพอะไร ถึงได้มีเงินมาซื้อรถแพงๆ ขับ พระเจ้า! สาบานได้ว่าผมเกือบจะต่อยไอ้นั่นแล้ว มันทำผมเสียเวลาไปสี่สิบนาทีแน่ะ! ทั้งตรวจฉี่ ตรวจแอลกอฮอล์ ตรวจ สารเสพติด พอไม่เจออะไรมันก็กักตัวผมและถามคำถามวนไปวนมา มันคงคิดว่าผมเป็นพวกค้ายา ผมฟิวส์ขาดตะโกนด่ามันไปว่า ตระกูลผมติดหนึ่งในห้าของตระกูลที่รำรวยที่สุด ผมไม่มีทางทำเรื่องต่ำๆ ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีอะไรแบบนั้นแน่ ธุรกิจของตระกูลผมมีเยอะแยะมากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว และถ้าคุณข้องใจมากละก็! เดี๋ยวคุยกับทนายประจำตระกูลของผม เขาจะมานั่งตอบทุกคำถามที่คุณอยากจะรู้ เพราะตอนนี้ผมต้องรีบไปขึ้นเครื่อง และถ้าพวกคุณยังตั้งคำถามผมต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว! ผมจะฟ้องพวกคุณฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผมตกเครื่อง และทำธุรกิจของตระกูลเสียหาย’
เจคอปเล่ายาวราวกับคนเก็บกด แถมยังทำท่าทางประกอบจน คารอสอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอยากรู้
“แล้วตกลงเขาตอบนายมาว่ายังไงล่ะ” คารอสถามอย่างอยากรู้
“มันก็บอกว่าขอโทษครับ เชิญไปขึ้นเครื่องได้เลยครับ หมดคำถามพอดี! ดูสิเฮีย! มันกวนประสาทไหม!” เจคอปเอ่ยพร้อมกับยกน้ำฝรั่งขึ้นมาดื่ม เพราะพูดไปเยอะจนคอแห้ง
“ด่านตรงไหน!” ออร์แลนโด้ที่หลับตาอยู่ ลืมตาขึ้นมาถาม
“ด่านก่อนถึงร้านของพี่เชคน่ะ” เจคอปบอก พร้อมกับยิ้มน้อยๆ เพราะถ้าหากพี่ชายลองถามแบบนี้แสดงว่าจะจัดการให้อย่างแน่นอน
“จำได้ไหม ว่ามันชื่ออะไร” ออร์แลนโด้เอ่ยถามพร้อมกับจ้องหน้าของน้องชายนิ่ง เพื่อรอฟังคำตอบ
“คามิน! มันชื่อคามินครับ ผมรู้สึกว่ามันเหมือนคนเอเชียมากๆ เลยครับ” เจคอปว่าตามที่เห็นและได้ยินคนอื่นๆ เรียกไอ้หมอนั่นว่า คามินๆ จึงบอกไปอย่างมั่นใจ
คารอสหันมามองหน้ากับออร์แลนโด้ สบตากันแป๊บหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน เพราะก่อนมาพวกเขาก็เจอคามินกับพวกตำรวจตั้งด่านก่อนถึงร้านสิงโตดุ ยังแวะทักทายกันก่อนมาขึ้นเครื่องอยู่เลย
“มันน่าขำตรงไหนฮะ เฮีย!” เจคอปเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ขำตรงที่เป็นพี่คามินเนี่ยแหละ! นายอย่าไปยุ่งด้วยเลย!” ออร์แลนโด้ตอบพร้อมกับยักไหล่เบาๆ
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ล่ะเฮีย! มันเป็นใครเหรอ?” เจคอปเริ่มหงุดหงิด
“ก็เป็นว่าที่พี่เมียของเพชรมันยังไงล่ะ จบไหม!” ออร์แลนโด้ไขข้อข้องใจให้อีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้
“อะ...อะไรนะ เฮียเพชรมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” เจคอปเอ่ยด้วยท่าทางตกใจและสงสัยอย่างเต็มขั้น
“เจค นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างนายอย่าเพิ่งมายุ่งเลย” คารอสแกล้งหยอกเจคอปอย่างนึกสนุก ออร์แลนโด้ถึงกับอมยิ้มในคำตอบของ เพื่อนรัก ส่วนเจคอปนั้นหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ที่ถูกเรียกว่าเด็ก ก่อนจะกัดปากเพื่อข่มอารมณ์โมโห แล้วบอกคารอสไปราวกับผู้ชนะ
“โธ่...เฮียเพชร! เด็กอะไรล่ะครับ! เผลอๆ อาจจะใหญ่กว่าของเฮีย ซะอีก ฮ่าๆ” เจคอปตอบแบบกวนๆ บ้าง
“อะไรล่ะที่ว่าใหญ่กว่าน่ะ ไข่หรือไส้กรอกวะเจค ฮ่าๆๆ” คารอสยิ้มตอบแบบไม่ได้ซีเรียสอะไร ออกจะขำกับท่าทางจริงจังของเจคอปแทน
“อาจจะทั้งสองอย่างครับ ฮ่าๆๆ” เจคอปหัวเราะอย่างชอบใจ
“จริงสิ! แต่เห็นข่าววงในเขาเมาท์มอยให้ฟังว่า ของฉันใหญ่กว่านายว่ะ! ฮ่าๆๆ” คารอสยังแกล้งเจคอปต่ออย่างนึกสนุก
“ใคร! ใครคือข่าววงในที่ว่าล่ะเฮีย! บอกมาเลยนะ ไม่งั้นผมไม่ยอมจริงๆ ด้วย!” เจคอปโวยวายเสียงดัง บ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์เสียอย่างที่สุด เรื่องไหนก็ยอมได้ แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้จริงๆ
“เฮ้ย! นี่นายไม่เข้าใจคำว่าข่าววงในเหรอวะ ใครมันจะโง่เอาแหล่งข่าวมาเผยกันล่ะ ฮ่าๆๆ” คารอสเอ่ยแล้วก็อดขำไม่ได้ ให้ตายสิ! แหย่ใครก็ไม่สนุกเท่ากับแหย่ไอ้เจคว่ะ
“เฮียเพชรอำผมใช่ไหมล่ะ? ถ้าไม่ได้อำก็งัดออกมาวัดกันไปเลย” เจคอปท้าทายพลางยักคิ้วส่งให้คารอส เตรียมพร้อมจะงัดอะไรบางอย่างออกมา
“หึ! กลัวซะที่ไหนล่ะ” คารอสบอกก่อนทำท่าจะรูดซิปลง
คนที่หลับตาลงได้สักพักเพราะต้องการพักผ่อน แต่ก็ได้ยินคารอสกับน้องชายเถียงกันไปมาราวกับผู้หญิงมีเมนส์ จึงลืมตาขึ้นมาตวาดทั้งสองคน
“เฮ้ย! ใครถอดกูเตะจริงๆ ด้วย พวกแกไปเล่นกันที่อื่นไป๊! คนจะหลับจะนอน เสียงดังอยู่ได้!” ออร์แลนโด้ยุติการปะทะคารมของสองหนุ่มลง ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยอะไรๆ ออกมาข้ามหัวเขา ‘ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไอ้พวกนี้มันจะยังเล่นกันเป็นเด็กๆ ไปจนแก่เลยหรือไงวะ’
“เชี่ยเอ๊ย!” เจคอปสบถออกมาเสียงดัง ก่อนจะจับซีซ่าร์โยนออกจากตัวราวกับว่าขยะแขยงขนาดหนัก แล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อบ้วนปาก
“พระเจ้า! ซีซ่าร์!” คารอสร้องเสียงหลงที่เห็นเจคอปโยนซีซ่าร์ขึ้นกลางอากาศ จึงรีบกระโดดไปรับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอาไว้แทบไม่ทัน เขาทั้งกอดและลูบหัวลูกชายไปมาอย่างปลอบขวัญ ก่อนจะพากลับไปนั่งลงใกล้ๆ กับอรองที่ก้มหน้าก้มตาแทะไส้กรอกแท่งใหญ่ ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ
“ไม่จริงงงง...อุ๊บ!...อ้วกกกก” เสียงโก่งคออ้วกของเจคอปดังออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเสียงเปิดน้ำที่ดังซ่าๆ และเสียงอ้วกอีกหลายครั้ง
คารอสกับออร์แลนโด้ยังหัวเราะกันไม่หยุด จนกระทั่ง อันโตนีโอ้โดโนเวลและมาร์ค พากันวิ่งเข้ามาหาอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับบอส” อันโตนีโอ้เอ่ยอย่างสงสัย
“เอ่อ...คุณเจคเป็นอะไรหรือครับ?” มาร์คเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เพราะได้ยินเสียงเจ้านายของตัวเองร้องขึ้น
“พวกนายใจเย็นๆ นะ ไม่มีอะไรหรอก แค่เจคฝันดีไปหน่อยเท่านั้นเอง” ออร์แลนโด้เอ่ยและพยายามทำน้ำเสียงให้นิ่งๆ
“ใช่ พวกนายไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวเครื่องจะลงแล้ว!” คารอสเอ่ยสมทบพลางหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำที่หางตา
“ครับ!” ทั้งสามหนุ่มมือขวารับคำ ก่อนจะเดินกลับออกไปพร้อมกับความสงสัยที่มีในใจแต่ก็ไม่กล้าถามต่อ
ฟ้ารดาขับรถไปรับแพรณาราที่คฤหาสน์ ตามโลเกชั่นที่อีกฝ่ายส่งมา ให้ในไลน์ ก็ต้องอึ้งและตกใจว่าเพื่อนของเธอส่งโลเกชั่นมาให้ถูกหรือเปล่า ยามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเดินเข้ามาเคาะเบาๆ ที่กระจก ฟ้ารดาหันไปมองครู่หนึ่งก่อนจึงลดกระจกลง
“คุณฟ้ารดาใช่ไหมครับ! เชิญด้านในได้เลยครับ เอ่อ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ผมขออนุญาตขอลายเซ็นได้ไหมครับ!” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยถาม เพราะแม่บ้านใหญ่โทร. มาสั่งไว้ว่าจะมีแขกมา เป็นนางแบบดังชื่อฟ้ารดาให้เข้าไปได้เลย ตอนแรกที่ได้ฟังตนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่จะได้เจอนางฟ้าในดวงใจ จึงกัดฟันเอ่ยขอลายเซ็นไปอย่างไม่รอช้า
ฟ้ารดาไม่ตอบแต่กลับเปิดประตูรถสปอร์ตราคาแพงออกมา แล้วดึงปากกามาเซ็นลายเซ็นลงบนรูปของเธอที่ยามถืออยู่ เสร็จแล้วก็เอ่ยถามอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“จะถ่ายรูปด้วยไหมคะ!” ฟ้ารดายิ้มให้คนที่ดีใจจนออกอาการสั่นนิดๆ
“ถ่ายได้เหรอครับ! ผมนึกว่าคุณฟ้าจะหยิ่งซะอีก” พนักงานรักษาความปลอดภัยดีใจจนเอ่ยออกมาตรงๆ เพราะแค่ขอลายเซ็นก็คิดว่าจะหน้าแหกซะแล้ว แต่นี่นางฟ้าในดวงใจกลับถามให้ถ่ายรูปด้วย
“ถ่ายได้สิคะ” ฟ้ารดาตอบรับสั้นๆ พลางอดขำในใจไม่ได้กับท่าทางเขินอายของอีกฝ่าย
“ขอบคุณมากๆ เลยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบล้วงเอามือถือมาถ่ายคู่กับฟ้ารดา จากนั้นก็เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะรีบกดเปิดประตูให้ฟ้ารดาขับรถเข้าไปข้างในคฤหาสน์
พอฟ้ารดาขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าคฤหาสน์ก็เห็นแพรณารายืนรออยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางและผู้หญิงคนหนึ่ง ฟ้ารดารีบเปิดประตูลงรถวิ่งไปสวมกอดแพรณาราทันที สองสาวกอดกันอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นแพรณาราก็แนะนำคุณเดือนนภาแม่ครัวใหญ่ของตระกูลโรคาซานเดอร์ให้ฟ้ารดารู้จัก เดือนนภาอวยพรให้สองสาวเดินทางปลอดภัย ทั้งคู่ยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะพากันขึ้นรถแล้วขับออกไปยังร้านอาหาร เพื่อทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อนจะไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ