อ้อมกอดอสูรไร้ใจ นิยาย บท 61

ด้านอันโตนีโอ้ก็ตามติดผู้เป็นนายทุกฝีก้าว เพราะกลัวว่าผู้เป็นนายจะเกิดอาการวูบไปเหมือนครั้งก่อน ขณะเดียวกันก็พยายามทำใจลืมนานา เพราะกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกเหมือนที่ผ่านมา เขายอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เคยคิดวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะใช้ร่วมกัน ต่อให้จะทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอ แต่เขากลับมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้หญิงบ๊องๆ อย่างนานา และก็เจ็บจนแทบกระอัก ที่รู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับเขามากไปกว่า ไอ้ร็อตไวเลอร์ปากเสียคนหนึ่งเท่านั้น

ตั้งแต่อันโตนีโอ้มาส่งกลับบ้านคราวก่อน นานาก็ไม่เจออีกฝ่ายอีกเลย เขาคงจะยุ่งหรือไม่ก็...ไม่อยากเจอเธออีกแล้ว หญิงสาวได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเองไปต่างๆ นานา เพราะคนที่จะตอบคำถามที่ค้างคาใจก็หายหน้าไปราวกับไม่มีตัวตนมาก่อน

แล้วช่วงหลังๆ มานี้ เธอรู้สึกเวียนหัวบ่อยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ แล้วประจำเดือนของเธอก็ยังไม่มาสักที เธอไม่รู้ว่าเขาได้ป้องกันหรือไม่ แถมเธอกับเขายังมีอะไรกันอีกหลายครั้ง แล้วถ้าหากเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ เธอยังจะต้องบอกเขาไหม? เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอแต่ก็ช่างเถอะ! เธอต้องเข้มแข็งสิ ห้ามร้องนะนานา ตอนนี้เขาอาจจะกำลังคบคนอื่นอยู่ก็ได้

หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์และมะม่วงหรืออะไรก็ได้ที่เปรี้ยวๆ เพราะตอนนี้เธอเริ่มจะเวียนหัวขึ้นมาอีกแล้ว

ห้องเสื้อ โยชิตะ-ยูริ

อันโตนีโอ้มารับสูทและชุดของตนที่จะใช้ในงานแต่งของผู้เป็นนาย ขณะที่กำลังหิ้วชุดสูทออกมาจากร้าน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนานาเดินออกจากร้านขายยามาด้วยท่าทางแปลกๆ ทั้งการแต่งตัวที่จำแทบไม่ได้ แถมยังใส่แว่นตาสีดำ มันดูราวกับคนละคนที่เคยรู้จัก

“ยัยบ้านี่จะไปไหนวะ?” ชายหนุ่มเอาสูทเข้าไปเก็บในรถ แล้วรีบขับรถตามหญิงสาวไปทันที

Supermarket…อันโตนีโอ้เลี้ยวรถเข้ามาจอดยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่มาซื้อของไปทำกับข้าวทานบ่อยๆ บางครั้งก็ไม่ต้องมาเลือกซื้อเองเพียงแค่โทร. สั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พนักงานก็เอาไปส่งถึงหน้าห้อง เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างวิลล่าของผู้เป็นนายและคอนโดฯ. ของตน

เขาเห็นนานาที่ลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปข้างใน จึงลงรถแล้วรีบตามสาวเจ้าเข้าไป อันโตนีโอ้พยายามหันมองไปทางซ้ายและขวา ตามที่วางของต่างๆ แต่ก็ยังไม่เจอนานาสักที เขาหงุดหงิดและด่าตัวเองที่อยู่ๆ ก็รีบแจ้นตามนานามา ทั้งๆ ที่ได้สัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งกับอีกฝ่ายแล้ว

“บ้าจริง! ทำไมเราต้องตามยัยนั่นออกมาด้วยวะ” อันโตนีโอ้สบถพร้อมกับหมุนตัวเร็ว และไม่ทันได้มองด้านข้าง จนชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง

“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกใจ อันโตนีโอ้รีบคว้าร่างบางเข้าหาตัว ก่อนที่สาวเจ้าจะล้มลงไปกองกับพื้น

“พระเจ้า! ผมขอโทษ คุณเป็นอะไรไหม”เขาชะงักไปครู่ รู้สึกแปลกๆ กับกลิ่นหอมอ่อนๆ และร่างบางในอ้อมแขน จึงรีบก้มมองใบหน้าของอีกฝ่าย

“ให้ตายสินานา! ทำไมคุณถึงเดินไม่ดูทางแบบนี้ฮะ!” อันโตนีโอ้สบถเสียงดังขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

“โอ๊ย! ปล่อยเลยนะ เมื่อกี้ยังขอโทษฉันอยู่เลย แต่พอเห็นว่าเป็นฉันนายก็โวยวายหาว่าเดินไม่ดูทางอย่างนั้นเหรอ ไอ้ร็อตไวเลอร์บ้า” นานาใจหายวูบที่หน้าเกือบทิ่มพื้น แต่โชคดีที่ถูกคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะต้องตกใจและโมโหในคราวเดียวกัน ที่รู้ว่าเป็นอีกฝ่าย

“อะ...อะไรนะ! เมื่อกี้คุณด่าผมว่าร็อตไวเลอร์งั้นเหรอนานา?” อันโตนีโอ้ถึงกับเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะตนมาซื้อของที่นี่บ่อยๆ เลยทำให้รู้จักกับพนักงานหลายคน และพนักงานที่รู้จักนั้นก็กำลังมองมาอย่างตั้งใจฟังอยู่ใกล้ๆ ราวกับได้ตั๋วหนังที่นั่งวีไอพี ฟรี!

“ใช่! ทำไม หรือนายได้ยินฉันพูดว่า...คุณช่างหล่อล่ำเป็นบ้า อย่างนั้นเหรอฮะ” นานาที่อารมณ์ขึ้นก็เบรกไม่อยู่เลย

การสนทนาของทั้งคู่นั้นดังพอจะทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พากันหัวเราะอย่างขบขัน กับหนุ่มหล่อล่ำมาดขรึมๆ และสาวสวยลูกครึ่งตัวเล็กๆ ไซส์มินิที่ต่อล้อต่อเถียงกันไปมาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

“นานา! ทำไมคุณถึงได้ปากจัดขนาดนี้ สงสัยผมจะต้องพาคุณไปอบรมเสียหน่อยแล้วมั้ง ว่าภรรยาที่ดีควรพูดจาให้เกียรติสามีทั้งในที่ส่วนตัวและในที่สาธารณะแบบตอนนี้” อันโตนีโอ้เอ่ยเสียงดัง จนคนที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ต่างพากันอึ้งกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่

“นี่ปล่อยเลยนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณสักหน่อย อย่ามาปากเสียแถวนี้นะ!” นานาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“นานา คุณร้องไห้ทำไม” อันโตนีโอ้ตกใจที่เห็นน้ำตาของสาวเจ้า

“ปล่อย! ฉันเกลียดคุณรู้ไหม ฉันเกลียดคุณ ฮือๆๆ” นานาปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พลางยกกำปั้นน้อยๆ ขึ้นทุบที่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง ที่เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมาทำให้เธออยู่กับคำถามต่างๆ ที่ไร้คำตอบ จนกระทั่งวันนี้ วันที่เธอรู้สึกได้ว่าอะไรแย่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ เขาก็โผล่หน้ามา

“ชู่ว์ๆ ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมผิดทั้งหมดเลย” อันโตนีโอ้รู้สึกผิดขึ้นมาทันใด ที่ทำสาวเจ้าร้องไห้

“ใช่แล้ว! นายผิดมาตั้งแต่แรกเลย รู้ตัวเอาไว้ด้วย ฮือๆๆ” นานาระบายต่ออย่างทนไม่ไหว

“ใช่! ผมผิดเอง” อันโตนีโอ้ยอมรับความผิดอีกครั้ง ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานที่รู้จักให้มาหา

“ครับ คุณอันโตนีโอ้” พนักงานเอ่ยเบาๆ

“จัดการให้หน่อย เอาไปส่งที่คอนโดฯ ของฉัน” อันโตนีโอ้ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน ก่อนจะชี้ไปยังรถเข็นที่อยู่ใกล้ๆ

“ได้ครับ” พนักงานตอบก่อนจะเข็นรถไปยังจุดคิดเงิน

“นานาเราต้องเคลียร์กันสักที กับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด!” อันโตนีโอ้เอ่ยก่อนจะดันนานาออกจากหน้าอกของตัวเอง

“เคลียร์อะไร?” นานาที่ร้องไห้อยู่เงยหน้าขึ้นถามทันใด

“เคลียร์ทุกอย่างทุกเรื่องที่คอนโดฯ ของผม และผมสัญญาว่าจะให้เกียรติคุณตกลงไหม!” อันโตนีโอ้เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง

นานาลังเล เพราะทุกครั้งที่ไปคอนโดฯ. เธอมักจบลงที่เตียงตลอด

“ได้โปรด... ผมอยากจะคุยและเคลียร์เรื่องของเราจริงๆ” อันโตนีโอ้ยืนยันความตั้งใจอีกครั้ง

“ก็ได้! ที่ห้องคุณมีอะไรให้กินไหม ฉันหิว” นานาบอกก่อนจะดันตัวออกนิดๆ

“มีสิครับ เดี๋ยวผมจะทำกับข้าวให้คุณทาน” อันโตนีโอ้รีบตอบรับอย่างยินดี ที่อีกฝ่ายยอมไปด้วยอย่างว่าง่าย

“อ้าว! แล้วของที่ฉันเลือกเอาไว้ล่ะ หายไปไหนแล้ว” นานาเอ่ยถามอย่างมึนงง เพราะรถเข็นของเธอที่เลือกซื้อของเมื่อครู่หายไป

“ผมให้พนักงานเอาไปคิดเงินแล้ว เดี๋ยวเขาจะเอาไปส่งให้ที่คอนโดฯ ครับ!”

“งั้นเราไปจากที่นี่กันเถอะ มีแต่คนมองเต็มเลย” นานาบอกอย่างรู้สึกอาย ที่พอมองไปรอบๆ แล้วเห็นใครต่อใครกำลังมองมาที่เขากับเธอ

“นี่คุณเพิ่งจะรู้สึกเหรอนานา ผมยืนอายมาตั้งนานแล้วนะ”อันโตนีโอ้ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“บ้า!” นานาเอ่ยเสร็จก็เดินออกไปที่ประตูเข้าออกทันที

1929 Condo… พอมาถึงหน้าห้อง เจ้าของห้องก็เปิดประตูแล้วผายมือเชิญ นานาหันมามองค้อนนิดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไป อันโตนีโอ้แอบขำตัวเองที่พยายามไม่สนใจนานามาได้ตั้งเป็นนาน สุดท้ายพอเห็นอีกฝ่ายเดินผ่านไปเท่านั้น เขาก็ตามเธอไปอย่างไม่รู้สึกตัว ในเมื่อเขาวิ่งหนีความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้ ขอลองคุยกับเธอให้รู้เรื่องดูอีกครั้ง ว่ายังพอจะมีหวังอยู่ไหม? แต่ถ้านานายังไม่ยอมเปิดโอกาสให้ เขาคงจะเล่นบทมึนแบบผู้เป็นนาย เพราะบทนี้เจ้านายของเขาพิสูจน์แล้วว่า ตีมึนเข้าไว้แล้วจะได้เธอมาเชยชมและครอบครอง

อันโตนีโอ้ยิ้มกริ่มให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นออก เพื่อหาของออกมาทำกับข้าวให้สาวเจ้า

ชายหนุ่มชะโงกหน้าออกจากตู้เย็นมาถามว่าเธออยากจะทานอะไร เพราะในตู้เย็นของตนมีของเพียบ เพราะเพิ่งซื้อมาใส่เอาไว้เมื่อวาน

“อาหารไทยทำเป็นไหม ฉันอยากกินอะไรแซบๆ น่ะ”

“เป็นสิ! ยำรวมทะเล หมึกไข่นึ่งมะนาว เนื้อย่าง คุณว่าเป็นไง?” อันโตนีโอ้เสนอเมนู

“เลิศมาก! คุณจะให้ฉันช่วยอะไรไหม” นานารีบอาสา

“ไม่ต้องจ้ะ อย่างเดียวที่ผมจะขอให้คุณทำตอนนี้คือ...ช่วยรินไวน์ตรงบาร์เครื่องดื่มด้านนอกให้ผมและคุณ แล้วมานั่งดูผมโชว์ฝีมือทำอาหารขั้นเทพให้คุณทานดีกว่า” อันโตนีโอ้เอ่ยพร้อมกับหยิบของออกจากตู้เย็นมาวางตรงบาร์ทำกับข้าว

“เอ่อ...คุณจะดื่มเหรอ!” นานาเอ่ยถาม เพราะตั้งแต่ที่เสียตัวให้อันโตนีโอ้แทบทุกครั้ง ก็เพราะเธอเมาเนี่ยแหละ

“เรียกน้ำย่อยก่อนทานอาหารจ้ะ! อย่าคิดมากสิ!” อันโตนีโอ้ให้เหตุผล‘วันนี้มีลุ้นแน่!’ เขาคิดในใจก่อนจะรีบลงมือทำเมนูต่างๆ ที่ตั้งใจจะทำเมื่อครู่

นานาแอบท้วงในใจว่าเธอหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกน้ำย่อยหรอก

หญิงสาวหยิบไวน์ขวดที่เปิดแช่ไว้ในตู้ออกมาขวดหนึ่งและหันไปหยิบแก้วไวน์ออกมาสองใบ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องครัว แล้วรินไวน์ใส่แก้วทั้งสองใบ จากนั้นก็หยิบใบหนึ่งไปส่งให้อันโตนีโอ้ที่กำลังหั่นพริกขี้หนู ตะไคร้และหอม นานามองอย่างทึ่งๆ กับฝีมือการทำอาหารของอีกฝ่าย

“ไปหยิบแก้วของคุณมานั่งให้กำลังใจผมใกล้ๆ นี่สินานา!” อันโตนีโอ้หยิบแก้วมาวางใกล้ๆ มือ ก่อนจะเอาหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งแล้วเปิดเตาเร่งไฟแรงๆ จากนั้นก็ลงมือเด็ดใบสะระแหน่ที่ล้างแล้วต่อ

“ค่ะ” นานาตอบรับอย่างว่าง่าย

จากนั้นก็เดินมาหยิบแก้วไวน์ของตนเองกับไวน์ที่เหลือในขวดกลับไปนั่งตรงเก้าอี้บาร์ตัวสูง แค่ได้กลิ่นของเครื่องปรุง ท้องเธอก็เริ่มร้องประท้วงขึ้นมานิดๆ ก่อนจะมองวิธีการทำอาหารของอันโตนีโอ้อย่างตั้งใจ

เขาลงมือสไลซ์เนื้อปลาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ก่อนจะใส่ลงในหม้อที่น้ำเดือดๆ ไม่ถึงสองนาทีก็ตักเนื้อปลาขึ้น และใส่ลงในชามใบใหญ่ที่มีตะไคร้ พริกขี้หนู หัวหอมหั่น แล้วลงมือผ่ามะนาวเป็นซีกๆ จากนั้นก็บีบมะนาวลงไปในชาม ตามด้วยน้ำปลาและผงปรุงรสนิดหน่อย แล้วคนไปมาให้เข้ากัน ก่อนจะหยิบข้าวคั่วลงไป แล้วคนต่อให้เข้ากันตามด้วยต้นหอมหั่นและใบสะระแหน่ลงไปคุกเคล้า ตักใส่ชามพร้อมกับวางลงตรงหน้าของนานา

“ฉันชิมเลยได้ไหม!” นานาเอ่ยถามพลางแอบกลืนน้ำลายลงคอกับกลิ่นของพล่าปลาดอรี่

“ไม่จริง!”

“ใช่เซ่...ผมมันไม่ได้สำคัญกับคุณนี่ วันนั้นคุณถึงจะได้ไปเอาแหวนที่ผมเลือกซื้อนานที่สุดในชีวิตมาคืนอย่างเลือดเย็น คุณทำร้ายความรู้สึกของผมซ้ำแล้วซ้ำอีก จนผมเหมือนคนบ้า เหมือนตัวตลกเลยรู้ไหม”

“วันนั้นฉันรอคุณที่ร้านกาแฟเกือบชั่วโมงคุณก็ไม่มาสักที ฉันก็คิดว่าคุณงอนกลับไปแล้ว ก็เลยเช็กบิลกลับ”

“คุณรอผมอยู่เกือบชั่วโมง แต่ผมรอคุณอยู่สี่ห้าชั่วโมง ผมไม่เคยนั่งรอใครนานแบบนี้มาก่อนในชีวิต รู้ไว้นานา”

“โอเค เรื่องวันนั้นฉันผิดเอง ฉันขอโทษ ฉันเหนื่อยแล้วก็ง่วง แต่ฉันก็รอคุณเหมือนกันนะ”

“แล้ววันก่อนล่ะ! ผมอุตส่าห์ใจอ่อนยอมคุยกับคุณ แต่คุณกลับจะเอาแหวนมาคืนผมทำไม!”

“อ้าว! แล้วคุณจะให้ฉันเก็บของมีค่าขนาดนั้นเอาไว้ได้ยังไง ขนาดหน้าของฉันเขายังไม่อยากมองเลย ไอ้คนที่ให้แหวนน่ะ”

“ก็ตอนนั้นผมกำลังอยู่ในช่วงตัดใจจากคุณไง ผมเป็นผู้ชายก็จริง! แต่ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกับผู้หญิงนะนานา ผมทั้งโกรธคุณ เกลียดคุณ ทั้งน้อยใจ เสียใจ สารพัดความรู้สึกที่พยายามเก็บกดเอาไว้ บอกตัวเองว่าพอแล้ว ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก แต่พอเห็นคุณเดินผ่านไป...แค่แวบเดียว ผมก็ตามคุณไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นอย่างไม่รู้สึกตัว และความตั้งใจที่จะลืมก็กลับไปเป็นศูนย์ทันทีแค่เพียงเห็นหน้าของคุณ...”

“พระเจ้า! ฉันคิดว่าคุณแค่รู้สึกผิดเลยอยากรับผิดชอบ เพราะว่าคุณเป็นผู้ชายคนแรกของฉันเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะไม่ดีกับเราทั้งสองคนแน่ๆ ฉันถึงบอกคุณไงว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้โทษคุณเลย แต่ฉันโทษตัวเองต่างหากที่เมาไม่ได้สติเองวันนั้น!”

“คุณอยากรู้เรื่องวันนั้นไหมนานา? ว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ได้โปรด...ช่วยเล่าให้ฉันฟังทีเถอะพีเค ฉันจำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว” เธออ้อนวอนคนตรงหน้า

“วันนั้นคุณให้ผมไปส่งที่ CLUB R&R พอคุณลงจากรถแล้ว ผมก็ตามเข้าไปตรวจความเรียบร้อย เพราะคลับที่นั่นเป็นของบอส ผมแอบมองจากชั้นบนเห็นคุณดื่มไปได้สักพักก็มีหนุ่มโต๊ะข้างๆ มาเหล่คุณ ในขณะที่คุณเมาและไปเข้าห้องน้ำ ผมเห็นหมอนั่นใส่บางอย่างลงไปในแก้วของคุณ แล้วพอคุณกลับมาหมอนั่นก็ชนแก้วกับคุณ สักพักคุณก็ฟุบลงที่โต๊ะ หมอนั่นก็เรียกเพื่อนอีกสามคนมาเพื่อที่จะพาคุณออกไป ผมจึงรีบตามลงไปช่วยคุณวันนั้นแต่พอพาคุณออกมาได้สักพัก คุณก็มีอาการคล้ายกับคนโดนยาปลุกเซ็กซ์ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น คุณยั่วยวนผมสารพัด จนผมทนไม่ไหวมีอะไรกับคุณเข้าจึงรู้ว่าคุณยัง...เวอร์จิ้นอยู่”

“ฉันถูกวางยาอย่างนั้นเหรอ!” นานาถามราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงว่าเธอพยายามจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก

“ใช่ เป็นยาปลุกเซ็กซ์ตัวใหม่ ตัวเดียวกับที่คุณพิมพลอยภรรยาของคุณแพททริกสันโดนที่ไนต์คลับวันนั้น ส่วนไอ้คนที่วางยาตอนนี้ถูกกันเอาไว้เป็นพยานสำคัญอยู่ ถ้าไม่กลัวเสียรูปคดีที่โยงไปถึงบุคคลสำคัญละก็ผมจะจัดการไอ้สี่ตัวนั้นให้ไม่เหลือซากเลย” อันโตนีโอ้เอ่ยเสียงเย็น จนนานารู้สึกถึงอีกด้านของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

“ขอบคุณนะที่คุณช่วยฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะมีสามีพร้อมกันถึงสี่คนแน่ ฮือๆๆๆ” หญิงสาวอดร้องไห้ไม่ได้

อันโตนีโอ้ดึงสาวเจ้าเข้ามากอดและลูบหลังให้เบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างที่สงสัย “นี่คุณร้องไห้เพราะดีใจ หรือเสียใจที่ไม่ได้สามีพร้อมกันถึงสี่คนจ๊ะนานา...โอ๊ย! ”

“ไอ้คนบ้า! ไอ้คนปากเสีย! ไอ้...” นานาต่อว่าพร้อมกับกัดที่แขนของอีกฝ่ายไปทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้

“ไอ้คนนี้แหละผัวคุณนานา ฮ่าๆๆ” อันโตนีโอ้หยอกต่ออย่างอารมณ์ดี เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเศร้า

“คุณพีเคคะ! สามีค่ะไม่ใช่ผัว แล้วก็ช่วยรีบไปทำอาหารต่อด้วยเพราะฉันหิวมากๆ เลย เร็ว!” นานาต่อว่าคนพูดจาไม่สุภาพอย่างเคืองๆ

“ตกลงคุณยอมรับผมเป็นสามีแล้วนะ”

“ยังไม่ใช่ จนกว่าเราจะแต่งงานกัน”

“โอเค! งั้นตอนนี้ผมเป็นผัวไปก่อนแล้วกัน ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ค่อยเป็นสามีคุณ” อันโตนีโอ้เอ่ยต่ออย่างหน้ามึน

นานากลอกตาอย่างเซ็งๆ ‘ตอนนี้เป็นผัวไปก่อน แต่งงานแล้วค่อยเป็นสามี คิดได้ไงนะ อีตาบ้านี่!’

“คุณอยากจะเป็นอะไรก็เป็นไปเถอะ แต่ช่วยรีบๆ ทำยำรวมทะเลรสจัดให้หน่อยได้ไหมคะ” นานาตัดบทอย่างไม่อยากจะเถียงต่อ‘นี่สินะ ที่เขาบอกว่า...ถ้าเถียงกับคนบ้า จะมีคนบ้าเพิ่มขึ้นอีกคน เพราะฉะนั้นเธอขออยู่เงียบๆ ดีกว่า’

“ไม่เกินห้านาทีจ้ะ เดี๋ยวผัวทำยำรวมทะเลรสจัดให้เลยจ้า”อันโตนีโอ้เอ่ยพลางส่งสายตาแพรวพราวไปให้นานาที่กลับไปนั่งเก้าอี้เดิม

“เฮ้อ...” นานานั่งกุมขมับอยู่ก่อนจะยกไวน์ขึ้น แต่พอนึกได้ว่าตัวเองอาจจะท้องจึงวางแก้วลง

ชายหนุ่มทำอย่างสุดฝีมือเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้ตัวเองกับการเป็นสามีของสาวเจ้า ก่อนจะนัดกันไปคุยกับพ่อแม่ของนานา ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ อันโตนีโอ้เล่าเรื่องที่เขาไปร่วมงานแต่งที่ไทย และทำอะไรมาบ้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ