ตอนกลางคืน
ในสนามมวยใต้ดินแห่งหนึ่ง
ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนกำลังตะลุมบอนกันอยู่บนเวที และทางด้านข้างก็มีชายวัยกลางคนจำนวนไม่กระจายยืนล้อมรอบอยู่ สายตาของตื่นเต้นของทุกคนต่างก็ล้วนให้ความสนใจไปบนเวทีประลองกันทั้งสิ้น หลังชายฉกรรจ์ทั้งสองคนแลกหมัดกันแล้ว เสียงโห่ร้องอย่างปลื้มปีติก็ดังขึ้นมาอย่างดุเดือด
นี่เป็นชั้นบ็อกซ์ที่ระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นในนั้นผ่านกระจกได้ มองเห็นสถานการณ์บนเวทีประลอง และในชั้นบ็อกซ์ มีมู่เซิ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาล้ำลึกเงียบสงบ
ผลัก!
ตามมาด้วยเสียงชนกระทบอย่างรุนแรงหนึ่งเสียง
หนึ่งในชายฉกรรจ์ถูกชกจนล้มลงไปบนพื้น หลังจากนั้นก็ไม่ส่งเสียงอีกแล้ว
“เฮ ๆ ๆ!”
มองเห็นผลลัพธ์บนเวทีประลองแล้ว เหล่าผู้ชมที่เดิมพันแพ้ชนะเหล่านั้น ทุกคนอย่างก็คำรามกันอย่างปลื้มปีติไร้ที่เปรียบขึ้นมากันทีละคน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ และเหล่าผู้ชมที่แพ้แล้วเหล่านั้น ออกแรงสะบัดตั๋วในมือลงบนพื้น บันดาลโทสะเป็นอย่างมาก
มู่เซิ่งมองฉากนี้พลางแย้มยิ้มราบเรียบ กล่าวว่า “ดูท่าแล้ว ศักยภาพจากพรสวรรค์ของ เตาจั๋ว นี่ ถือว่าไม่เลวเลยนะครับ”
“การที่ เตาจั๋ว เขาเกินขอบเขตแล้วก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกันครับ เป็นนักชกที่สุดยอดที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย!”
จางเสวียนหลงยืนอยู่ทางด้านข้าง ทั้งก็กล่าวอย่างปลื้มปีติไร้เทียบเทียมขึ้นมาเช่นกันว่า “คุณชายมู่ครับ คุณไปเสาะหาคนที่สุดยอดคนหนึ่งแบบนี้มาจากที่ไหนหรือครับ? พอเขามาก็กวาดชกชนะยิมมวยใต้ดินของพวกเราทั้งหมด ไม่มีใครล้มได้เลยจริง ๆ!”
ศักยภาพของ เตาจั๋ว นี้ พอมาก็ปลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในสนามมวยใต้ดินทั้งสนามทันที พละกำลังมหาศาล ผู้เข้าแข่งขันธรรมดา ๆ เหล่านั้น เดิมทีก็ยื้อเขาเอาไว้ได้แค่ไม่กี่หมัด เป็นเพราะประสบการณ์ประลองไม่มากพอ มู่เซิ่งเองก็มองเห็นจุดนี้แล้วเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงปล่อยให้เขามาตรากตรำในสนามชกใต้ดิน
“คุณชายมู่ครับ ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาหลังจากนี้จะสามารถท้าประลองกับสนามมวยของไป๋เมี่ยนเซียวได้แน่ครับ!” จางเสวียนหลงกล่าวอย่างตื่นเต้น
เขากับไป๋เมี่ยนเซียวกำหนดสัดส่วนกันแล้วทั้งเจียงหนาน ถึงแม้ว่าอำนาจของทั้งสองคนจะต่างก็ไม่เป็นสองรองใคร ทว่าทางด้านสนามมวยใต้ดินเช่นนี้ เป็นเพราะว่าไป๋เมี่ยนเซียวมีเฮยยาลูกน้องของเขาอยู่ จึงทำให้จางเสวียนหลงถูกเขากดขี่มาโดยตลอด
ตอนนี้มีเตาจั๋วเข้าร่วมแล้ว เขาเชื่อว่าจะสามารถชนะสนามมวยไป๋เมี่ยนเซียวได้อย่างแน่นอน!
แต่ว่า เตาจั๋วเป็นคนของมู่เซิ่ง ไม่ได้รับการอนุญาตจากมู่เซิ่ง ต่อให้จางเสวียนหลงจะอาจหาญมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าให้เตาจั๋วไปเข้าร่วมการแข่งขันแทนเขาได้เหมือนกัน
“ตัวคุณจัดแจงเองเถอะครับ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ
“ขอบพระคุณครับคุณชายมู่” จางเสวียนหลงพยักหน้าหงึกหงัก ประทับใจจนน้ำตาแทบจะไหล
เป็นในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดหน้าประตูเคาะประตูไปมา กล่าวร้องอยู่ที่ปากประตูว่า “ท่านหลงครับ มีคนชื่อหลี่หยางคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู บอกว่าทำเรื่องราวเสร็จแล้ว ต้องการพบคุณชายมู่ครับ”
“ให้เขาเข้ามาเถอะครับ” มู่เซิ่งกล่าว
ภายใต้การนำทางของบอดี้การ์ด หลี่หยางจึงเดินเข้ามาในห้องแล้ว
สำหรับจางเสวียนหลงที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น หลี่หยางรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก อำนาจใต้ดินของท่านหลงปกคลุมไปครึ่งฟ้าเชียวนะ คนที่สามารถทำให้เขาเคารพนอบน้อมต่อด้วยได้ หลี่หยางนั้นพึ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก
“คุณมู่ เรื่องที่คุณให้ผมไปทำเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
หลี่หยางเดินเข้ามา กล่าวพูดตรงเข้าประเด็น “ผมได้แจ้งตระกูลเจียงไปเรียบร้อยแล้ว ว่าให้พวกเขาชดเชยเงินกู้คืนภายในสามวัน มิฉะนั้นจะให้พวกเขาไปนั่งสวมชุดนักโทษในคุก เจียงมู่หลงคงจะรวบรวมเงินไม่ได้แน่ ๆ ตอนนี้อาจเตรียมที่จะขายบ้านยืมเงินกันแล้วครับ และบัญชีผู้กู้ยืม ผมให้พวกเขาโอนเข้าบัตรธนาคารของเจียงหว่านแล้วครับ”
“ครับ คุณทำได้ไม่เลวเลยครับ” มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลง
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนดำเนินการไปตามสิ่งที่เขาคาดเอาไว้ทั้งสิ้น
รอเมื่อถึงยามที่เจียงมู่หลงไม่มีทางเลือก เขาก็จะให้คนออกหน้าออกเงินหลายร้อยล้าน เพื่อกว้านซื้อบริษัทตระกูลเจียง เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ทั้งตระกูลเจียงก็จะมีมู่เซิ่งเพียงคนเดียวที่มีประกาศิต
เขาตกปากรับคำเจียงหว่านมาแล้ว ว่าจะทำให้ทั้งตระกูลเจียงต่างก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจียงหว่าน กล่าวขอโทษต่อเธอ
“ไม่ต้องเกรงใจครับ สามารถทำคุณประโยชน์ให้กับคุณมู่ได้ เป็นเกียรติของผมแล้ว” หลี่หยางกล่าวต่อ
“ประธานหลี่ครับ คุณเองก็ช่วยเหลือผมมาสองครั้งแล้วเหมือนกัน ผมไม่ชอบรบกวนคนอื่น เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ คุณแนะนำผลิตภัณฑ์ในการบริหารการเงินมาสักหนึ่งอย่าง ให้ผมสนับสนุนคุณสักหน่อยก็พอแล้วครับ” มู่เซิ่งแย้มยิ้มพลางกล่าว
หลี่หยางทั้งให้กู้ยืม ทั้งไปทวงหนี้ถึงหน้าประตูตระกูลเจียง เรื่องทุกอย่างล้วนกระทำจัดการเองทั้งสิ้น มู่เซิ่งย่อมจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว
“ไม่ ไม่ครับ! คุณมู่ ผมจะทุ่มสุดกำลังบนโครงการทั้งสามอย่างนี้แน่นอนครับ รับประกันว่ากำไลของคุณหนึ่งปีจะถึงหนึ่งร้อยล้าน ไม่สิ สามร้อยล้านครับ!”
หลี่หยางมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมาในทันที ก่อนจะตบทรวงอกกล่าวรับประกัน
นี่มันสามหมื่นล้านเลยเชียวนะ!
ถ้าทำได้ดี ไม่ต้องกล่าวถึงประธานธนาคารเมืองเจียงหนาน ถึงแม้ว่าจะเป็นประธานธนาคารมณฑล เขาก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็นเช่นเดียวกัน
คนรวย เขาพบเจอคนรวยเข้าแล้ว!
“คุณมู่ หลังจากนี้ถ้าคุณมีเรื่องอะไร รีบสั่งการมาได้ในทันทีเลยนะครับ ผมผู้แซ่หลี่จะทำคุณประโยชน์ให้ได้อย่างแน่นอน” หลี่หยางโค้งคำนับพลางกล่าว
หลี่หยางจากไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเปี่ยมล้น รีบกลับไปยังธนาคารทันที สั่งการลงไปให้ลูกน้องของเขาในช่วงระยะเวลานี้ นอกจากตระกูลเจียงแล้ว โครงการกู้ยืมทั้งหมดของตระกูลเจียงก็ล้วนไม่ให้อนุมัติผ่านทั้งสิ้น
ในเมื่อมู่เซิ่งต้องการให้ตระกูลเจียงล้ม
เช่นนั้นสิ่งที่หลี่หยางจะต้องทำ ย่อมเป็นการกัดอย่างรุนแรง!
มิฉะนั้นจะสามารถรับมือกับการลงทุนด้านการเงินสามหมื่นล้านของมู่เซิ่งได้อย่างไร?
“เสวียนหลง ลูกน้องของคุณเยอะ สิ่งของเหล่านี้ยังคงต้องรบกวนคุณไปดู ๆ เสียหน่อยอยู่ดีนะครับ” มู่เซิ่งหมุนกายกลับ ส่งใบแสดงรายการแผ่นหนึ่งออกไปพลางกล่าวอย่างราบเรียบ
บนใบแสดงรายการเหล่านี้ เขียนเกี่ยวกับวัสดุยาที่พิเศษเหล่านั้น วัสดุยาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มู่เซิ่งเอามาทำประดิษฐ์ทำยาเม็ดฟื้นฟู เพื่อนำมันมารักษาต้นตอโรคภัยที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายของบิดา ให้ร่างกายของเขาสามารถฟื้นฟูขึ้นมาราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างแท้จริง
หนึ่งในนั้นมีตะขาบ มู่เซิ่งหามันพบจากในท้องของคุณวิลเลี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วัสดุยาที่เหลือยังคงจำเป็นที่จะต้องรบกวนจางเสวียนหลงให้ไปรวบรวมมา
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะรีบกลับไปสั่งการลงไปทันที”
ท่านหลงพยักหน้าขึ้นลงทันที การรวบรวมสิ่งของ เรื่องนี้เล็กน้อยมาก เดิมไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่เจียงหว่านกับจ้าวหลินตระเตรียมเก็บของไปบ้านญาติฝั่งแม่เสร็จแล้ว เจียงมู่หลงก็แอบมาถึงปากประตูคฤหาสน์เพียงคนเดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...