นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น นิยาย บท 525

กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง วัยเยาว์นี้ฉันเป็นเจ้าของ

ทางด้านหลิวเสี่ยวหนิงทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่ด้านเฉินจุนเหยียนกลับไม่ใช่ สามารถพูดได้สถานการณ์เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง

“จุนเหยียน สองสามวันนี้นายเป็นอะไร ท่าท่างถึงได้แย่ขนาดนี้?” ผู้จัดการส่วนตัวตบบ่าของเฉินจุนเหยียนด้วยท่าทางกังวลใจ

“โทษที อาจจะเพราะช่วงนี้ไม่ได้พักผ่อนให้ดีน่ะ งั้นผมกลับโรงแรมของทีมงนก่อนนะ” เฉินจุนเหยียนเหยียดมุมปากแล้วแยกออกไปคนเดียว

หลิวเสี่ยวหนิงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเดินตามไปอย่างเงียบเชียบ

หลิวเสี่ยวหนิงเห็นเฉินจุนเหยียนเข้าไปที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งดังที่คาดการณ์เอาไว้

เธอลังเลอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงเติมเขาเข้าไป

เสียงเพลงในร้านเหล้าดังเสียจนหูแทบหนวก หลิวเสี่ยวหนิงขมวดคิ้วน้อยๆ ใช้สายตากวาดไปรอบด้าน ในที่สุดก็เห็นเฉินจุนเหยียนอยู่มุมหนึ่งของร้าน

เขาดื่มเหล้าอย่างเงียบเชียบด้วยท่าทางที่ผิดหวังเป็นที่สุด

หลิวเสี่ยวหนิงขบริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดินเข้าไป เธอนั่งลงในบริเวณที่มองเห็นเขา แต่กลับไม่สังเกตว่าในบริเวณอื่นมีคนชูโทรศัพท์ขึ้นมา

เฉินจุนเหยียนก้มหน้ามองรูปในโทรศัพท์มือถือ

นั่นเป็นรูปที่เขาเคยแอบถ่ายไว้ครั้งหนึ่งและยังคงอยู่มาจนถึงตอนนี้

พอมองเห็นรอยยิ้มเจิดจ้าของซูฉิงในรูปภาพ เฉินจุนเหยียนจึงนึกถึงวันหมั้นหมายในวันนั้นขึ้นมา ตอนที่เธอยืนอยู่ข้างหน้าของฮ่อหยุนเฉินเธอก็แสดงออกแบบนี้เช่นกัน

ซูฉิงดีใจจริงๆ เฉินจุนเหยียนมองออก

ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เฉินจุนเหยียนคลึงแก้วเหล้า เพราะเหตุใดกันคนที่ข้างเธอถึงไม่ใช่ตัวเขาเอง?

เมื่อคิดแบบนี้เฉินจุนเหยียนจึงยกขวดเหล้าขึ้นซด รสร้อนแรงของเหล้าฉุนจนทำให้เขาสำลักออกมา ครู่เดียวหน้าของเขาก็แดงไปหมด

“เฉินจุนเหยียน คุณบ้าไปแล้ว!”

เสียงที่ดังจากเหนือศีรษะทำให้เฉินจุนเหยียนเงยหน้าขึ้นมา จึงเห็นว่าหลิวเสี่ยวหนิงยืนอยู่ตรงหน้าเขา แย่งเอาขวดเหล้าไป

“คุณมาที่ได้ยังไง?” เฉินจุนเหยียนขมวดคิ้วแน่น

“คุณมาดื่มเหล้าที่นี่ได้ ทำไมฉันจะมาบ้างไม่ได้?” นัยน์ตาของหลิวเสี่ยวหนิงทอประกายจ้าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงข้างกายเฉินจุนเหยียน

เธอเม้มกลีบปาก สุดท้ายคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากก็ไม่พูดออกมา ทำเพียงแค่รินเหล้าใส่แก้วใบเล็กให้เฉินจุนเหยียน

“อยากดื่มเหล้าก็ดื่มให้มันดีๆ ทำไมต้องทำท่าจะเป็นจะตายด้วย?”

เฉินจุนเหยียนจ้องหลิวเสี่ยวหนิง เหยียดริมฝีปากออกอย่างขมขื่นแล้วดื่มสิ่งที่อยู่ในแก้วรวดเดียวหมด

“แล้วช่วงนี้คุณเป็นอะไรไป? ทำไมสภาพถึงย่ำแย่ได้ขนาดนี้?” หลิวเสี่ยวหนิงถามทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจ

“เธอหมั้นแล้ว” เฉินจุนเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อนลอย

ถึงแม้ว่าจะเดาเหตุผลได้แล้วก็ตาม แต่ตอนที่ฟังเฉินจุนเหยียนพูดออกมาจากจริงๆ หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ใจ

เธออยากจะหัวเราะเยาะเฉินจุนเหยียน แต่ปากของเธอกลับคลี่รอยยิ้มออกมาไม่ได้

“นี่สินะที่เรียกว่ากงกรรมกงเกวียนเป็นกฎแห่งสวรรค์ ให้คุณปฏิเสธฉัน ตอนนี้คุณเองก็ไม่สมหวังในความรักเหมือนกันนี่” หลิวหัวเราะแห้งทั้งที่ในใจทุกข์ระทมอย่างเหลือแสน

ได้ยินประโยคนี้เฉินจุนเหยียนก็เงยหน้าจ้องไปที่หลิวเสี่ยวหนิง

หลิวเสี่ยวหนิงโดนจ้องจนรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ เธอเฉศีรษะกลับไปดื่มเหล้าอย่างเก้ๆ กังๆ “ก็แค่อกหักไม่ใช่เหรอ ดูท่าทางเหมือนวิญญาณออกจากร่างของคุณสิ”

ราวกับเยาะเย้ยตนเอง เฉินจุนเหยียนไม่ได้กล่าวอะไรทำเพียงแค่ดื่มเหล้าอย่างเงียบๆ

เสียงเพลงและแสงไฟในร้านเหล้าขับบรรยากาศให้เร่าร้อนยิ่งขึ้น ทว่าบริเวณที่เฉินจุนเหยินและหลิวเสี่ยวหนิงนั่งอยู่กลับเงียบจนเหมือนอยู่คนละโลก

ทันใดนั้นจินจิ่นหรานก็โทรศัพท์เข้ามา หลิวเสี่ยวหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเตรียมรับสาย ขณะที่กำลังจะรับสายนั้นเองกลับถูกอีกคนคว้าข้อมือไว้เสียก่อน

“ทำไม?” เฉินจุนเหยียนมองหลิวเสี่ยวหนิงด้วยดวงตาที่พร่ามัว

“เฉินจุนเหยียน?” หลิวเสี่ยวหนิงเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปโบกตรงหน้าเฉินจุนเหยียน “นายเมาแล้วเหรอ?”

“ทำไมไม่ใช่ฉันกัน? ซูฉิง......” เฉินจุนเหยียนหลับตาลงเหมือนสุนัขตัวโตที่ตากฝนจนเปียกปอนแล้วทรุดลงตรงนั้นอย่างเซื่องซึม

หลิวเสี่ยวหนิงมองพลางขบริมฝีปากเบาๆ แล้วยื่นมือออกไปดึงเฉินจุนเหยียนขึ้นมา “คุณเมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งคุณกลับ”

แต่ว่าเฉินจุนเหยียนไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย จนถึงขั้นฉุดหลิวเสี่ยวหนิงลงจนเกือบจะล้มลงไปที่โซฟา

เฉินจุนเหยียนมองหลิวเสี่ยวหนิงด้วยสีหน้าจริงจังทำให้หลิวเสี่ยวหนิงสงสัยว่าเขาอาจจะไม่ได้ดื่มจนเมา

อย่างไรก็ตามนอกจากคำว่าขอโทษ หลิวเสี่ยหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ตอนนี้จะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้วทั้งนั้นแหละ เธอไม่ต้องแสดงความคิดเห็นอะไรชั่วคราว ให้บริษัทจัดการ” ขณะที่พูดหลิวเสี่ยวหนิงก็ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจมาจากฝั่งของผู้จัดการ จากนั้นเธอก็กำชับอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

หลิวเสี่ยวหนิงกอดเขาของตนเองพลางจ้องสายที่ไม่ได้รับและข้อความถามข่าวคราวว่าตนเองอยู่ที่ไหนของจินจิ่นหราน

เธอกดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะตอบกลับไปหนึ่งประโยค

ตอนที่จินจิ่นหรานมาถึงโรงแรม หลิวเสี่ยวหนิงยังคงจ้องหน้าจอโทรศัพท์อ่านความคิดเห็นที่ด่าตน

“นายมาแล้ว” หลิวเสี่ยวหนิงหันศีรษะกลับไปฉีกยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าตอนร้องไห้ให้กับจินจิ่นหราน

“เธอชอบเฉินจุนเหยียนใช่มั้ย?” จินจิ่นหรานถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

เขาไม่ได้โง่ หลังจากที่อยู่กับหลิวเสี่ยวหนิงมาก็เริ่มสังเกตอะไรบางอย่างได้รางๆ

ทักษะการแสดงบนโลกความเป็นจริงของเธอนั้นย่ำแย่กว่าในจอมาก

“ถ้าเธอชอบเขาจริง ฉันก็ถอยให้ได้” มือที่วางอยู่ข้างลำตัวของเขากำแน่น สวรรค์รู้ดีว่าตอนที่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงใด

ชั่วขณะหนึ่ง ซูฉิงก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกสิ้นไร้เรี่ยวแรงมาอุกอยู่ที่ใจ ทว่าเรื่องก็ดำเนินจนมาถึงตอนนี้แล้ว เธอเองก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังอีกต่อไป

“ฉันชอบเฉินจุนเหยียน แต่ว่าเขาชอบซูฉิง”

“ดังนั้นเธอจึงตอบรับคำสารภาพรักจากฉันก็เพื่อประชดเฉินจุนเหยียนหรือ?”

ได้ยินคำพูดนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้ามองไปที่จินจิ่นหราน

“ก็อาจจะ ตอนนั้นเป็นแบบนั้นจริง...” หลิวเสี่ยวหนิงกล่าวเสียงเบา “ต่ว่า ฉันเองก็อยากลืมเฉินจุนเหยียน และอยากยอมรับนายจริงๆ”

จินจิ่นหรานจ้องมองไปที่หลิวเสี่ยวหนิงตรงๆ สุดท้ายก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงหน้าเตียง “หลิวเสี่ยวหนิง ฉันรักเธอ”

หลิวเสี่ยวหนิงเงยหน้าขึ้นอย่างงงงัน ในชั่วขณะนั้นเองหยาดน้ำตาก็ทำให้สายตาเธอพร่าเบลอ เอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา

จินจิ่นหรานปาดน้ำตาบนใบหน้าของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างอ่อนโยนแล้วส่งยิ้มให้เธอ

“ดังนั้น ฉันจะพยายามทำให้เธอชอบฉันจากใจจริง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น