และทันใดนั้นเองโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา หลิวเสี่ยวหนิงก็แอบสบถอยู่ในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว ผู้จัดการจะมาช้าเร็วไม่มาแต่ดันมาตอนนี้
แต่ตอนนี้พูดอะไรก็ช้าไปแล้ว หลิวเสี่ยวหนิง เห็นทั้งสองคนนั้นหันมาตามเสียง
เธอกัดฟันแน่นไม่กล้าที่จะลังเลหันหลังวิ่งออกไป
"จับเธอไว้!"
ต่อมาก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังมาตามหลัง หลิวเสี่ยวหนิงหายใจหอบ วิ่งไปทางผู้จัดการ
เดิมทีหลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังกลุ้มผู้จัดการยังไม่ทันเงยหน้า ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถถูกคนถ่ายรูปไว้ ทำให้เธอตกใจ
"รีบไปเร็ว!"
หลิวเสี่ยวหนิงโผล่หน้าที่หน้าต่าง แล้วเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไป
ผู้จัดการยังไม่ทันตั้งสติก็หันไปมองหลิวเสี่ยวหนิง"เธอเป็นอะไร"
"รีบขับเราออกไปเร็ว!"
เพราะเมื่อกี้วิ่งหอบมา หลิวเสี่ยวหนิงที่ตอนนี้หายใจหอบทำหน้าแตกตื่น
คนขับรถก็ขับเคลื่อนออกไป หลิวเสี่ยวหนิงมองไปด้านหลังผ่านหน้าต่างรถ ก็เห็นไม่มีรถตามจากด้านหลัง ถึงได้ถอนหายใจโล่ง
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมดูหน้าแตกตื่น "ผู้จัดการคิ้วขมวดถาม
หลิวเสี่ยวหนิงก้มหน้าลง และเล่าเรื่องที่เกิดเรื่องเมื่อกี้ให้ผู้จัดการฟัง
"ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเห็นฉันมั้ย ....."ทันใดนั้นเหมือนหลิวเสี่ยวหนิงจะนึกอะไรขึ้นมาได้หน้าก็ไม่สู้ดี
รถตู้ดาราของบริษัททุกคนต่างก็ไม่เหมือนกัน ทั้งสองคนนั้นแม้จะไม่เห็นเธอ แต่ก็เห็นรถเกรงว่าจะสืบได้ว่าเป็นตน
ทันใดนั้นมือของหลิวเสี่ยวหนิงก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"งั้นเธอเห็นหน้าของพวกเขาทั้งสองคนมั้ย"ผู้จัดการถามร้อนใจ
"ไม่เห็น"หลิวเสี่ยวหนิงยิ้มแหยออกมา"แต่ถ้าหากว่าให้ฉันฟังเสียงของทั้งสองคนคุยกันอาจจะรู้ได้'
หลิวเสี่ยวหนิงยกมือขึ้นมานวดแก้มรู้สึกกลัดกลุ้มใจ
ผู้จัดการเห็นอย่างนั้นแม้สีหน้าจะจริงจังมาก แต่ก็ยังยื่นมือไปตบไหล่หลิวเสี่ยวหนิงเพื่อเป็นการปลอบ
"เรื่องนี้ฉันจะแจ้งประธานซูเอง ไม่ต้องเป็นกังวลนะ"
............
อีกด้าน บาร์เฉิงปี้
ซูฉิงนั่งอยู่ข้างๆ ฮ่อหยุนเฉิง สีหน้าเรียบเฉย แต่ก็สังเกตโต๊ะพนันหินที่ดึงดูดความสนใจของเธอตลอด
และฮ่อหยุนเฉิงก็เริ่มคุยกับเฟิงไป่โจว
"ประธานฮ่อ เมื่อก่อนพวกเราไม่ได้มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน และคุณก็ได้ทำสัญญาที่ดินใหม่แล้ว งั้นก็เอาของสิ่งนั้นมาให้ผมเถอะนะ"
เฟิงไป่โจวยิ้มออกมา แต่แววตากลับทำให้รู้สึกอันตราย
ฮ่อหยุนเฉิง กวาดสายตามองชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังเฟิงไป่โจวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งสองมือกอดอก
"พวกเราเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจก็ต้องมองผลประโยชน์ก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องนี้ผมจะไม่พูดถึง ประธานเฟิงก็น่าจะรู้นะ"
ซูฉิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็นึกถึงเรื่องที่ฮ่อหยุนเฉิงเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้
ตั้งแต่เฟิงไป่โจวได้ขึ้นเป็นประมุขของตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงก็มีอำนาจมากขึ้น จนสามารถอยู่เหนือตระกูลอื่น
ตอนนี้ก็กำลังสู้กับตระกูลฮ่อ คนอื่นอาจจะเห็นว่าตอนนี้ตระกูลเฟิงมีอำนาจและต้องหลบหลีกให้ แต่กับฮ่อหยุงเฉิงไม่มีทาง
"ประธานฮ่อ ที่ดินที่อยู่ในมือของคนได้มายังไงผมก็รู้ดี ก็ถือว่าเห็นแก่มิตรภาพเถอะ"
ผู้หญิงเหยียบรองเท้าส้นสูงดังใกล้เข้ามา ซูฉิงได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้หญิงสาวสวยเดินเข้ามา เธอนั่งลงบนพนักพิงโซฟาข้างเฟิงไป่โจว ผมสีน้ำตาลถูกปัดอีกฝั่ง
สายตาเล่นหูเล่นตาของเธอมองไปที่หน้าของฮ่อหยุนเฉิง
"ครั้งเดียวตัดสินแพ้ชนะยิ่งสนุก "เฉินเจียวยกยิ้มปากสีแดง พร้อมกับยิ้มพูด
"ประธานฮ่อ การเล่นหินพนันผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดังนั้นให้เธอเล่นแทนละกัน"เฟิงไป่โจวมองไปทางฮ่อหยุนเฉิง
"คิดไม่ถึงว่าประธานเฟิงจะรู้จักคุณเฉินด้วย "ฮ่อหยุนเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ
ซูฉิงที่นั่งมองอยู่ข้างๆ แอบยิ้มหัวเราะอยู่ในใจ
เฟิงไป๋โจวนัดมาที่นี่จะต้องมีเหตุผล แม้ฮ่อหยุนเฉิงไม่เอ่ย เขาก็จะต้องพูดเรื่องพนัน
แต่สิ่งที่ทำให้ซูฉิงคิดไม่ถึงก็คือ เฟิงไป่โจวกับเฉินเจียวจะสนิทสนมกันขนาดนี้
คนข้างๆ อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าหากว่ารู้จักวงการหินพนันก็จะต้องเคยได้ยินชื่อของตระกูลเฉิน และเฉินเจียวก็คือคนที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลเฉินในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ตอนอายุสิบหกปีก็เปิดร้านหยกและถือเป็นการสั่นสะเทือนของวงการเลย
และต่อมาไม่กี่ขุดออกมาได้วัตถุดิบที่ดีออกมาไม่น้อย และสามารถเรียกได้ว่าเธอเป็นนักพนันหินที่อายุน้อยที่สุด
"คิดไม่ฉันว่าฉันจะดังขนาดนี้ แม้แต่ประธานฮ่อก็รู้จัดด้วย"
เฉินเจียวตาแววมองฮ่อหยุนเฉิงและขยิบตาให้กับเขา
ซูฉิงที่มองอยู่ แววตาก็นิ่งขรึมลง
"ประธานเฟิงที่ก็จะไม่ยุติธรรมหน่อยหรอ"ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าขึ้น
"ในเมื่อเป็นอย่าางนี้ ประธานฮ่อสามารถหาผู้ช่วยได้นะ"เฟิงไป่โจวพูด แม้ในใจจะคิดว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว
พอได้ยินอย่างนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็ยกยิ้มแล้วกันไปพูดกับซูฉิงที่อยู่ข้างๆ"ลองดูมั้ย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น