นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 100

แต่เดิมอวี่เหวินหยวนฮั่วได้มีการจัดเตรียมรถม้าให้เช่นกัน แต่ทว่า เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในยามนี้แล้ว ย่อมต้องใช้ม้าเป็นกรณีพิเศษ

ในเมื่อ แม้แต่เสด็จอาเก้าก็เชื่อใจในตัวเฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ เช่นนั้นเขาก็จะช่วยเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน เขาจะเป็นแรงผลักดันให้นาง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพของเฟิ่งชิงเฉินในยามนี้เสีย เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ หาใช่ผู้ที่โกหกหลอกลวงไม่

การขี่ม้าไปเที่ยวเล่นนั้น มีเพียงผู้ที่เป็นอัจฉริยะเท่านั้นที่จะสามารถได้รับเกียรตินี้ได้ แม้แต่องค์หญิงอันผิงเองก็ทำได้เพียงนั่งรถม้าเท่านั้น

"ท่านแม่ทัพอวี่เหวินใส่ใจยิ่งนัก" สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสขึ้นมาในทันที

นางไม่คิดเลยว่า ตนเองจะมีโอกาสได้ขี่ม้าในชุดเลิศหรูเข้าสักวัน อาจกล่าวได้ว่า วันนี้นางรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

ในขณะเดียวกัน ข่าวลือก็พลันโหมกระหน่ำเข้ามาในทันที

"เฟิ่งซิ่วขึ้นมาเสีย" อารมณ์ของอวี่เหวินหวนฮั่วเองก็รู้สึกดีขึ้นมาเช่นกัน

วันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร เขากังวลไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างน้อย ในวันนี้เขาก็สามารถพาเฟิ่งชิงเฉินขี่ม้าชมเมือง เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้แล้ว

"ได้ ข้าอดใจรอไม่ไหว ที่จะทำให้ทุกคนได้เห็นดวงตาของหวังจิ่นหลิงที่สามารถกลับมามองได้อีกครั้ง"

เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวไปด้านหน้า ยามที่กำลังจะขึ้นม้านั้น ในขณะเดียวกัน ก็พลันมีนายทหารตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามา พร้อมกับก้มหัวรายงานต่ออวี่เหวินหยวนฮั่วในทันที

สีหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วพลันเปลี่ยนสีไปในทันที

"ตายแล้ว?"

"ตายแล้ว? ผู้ใดตายกัน?" เฟิ่งชิงเฉินพลันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบร้อนถามกับอวี่เหวินหยวนฮั่วในทันที

อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันส่ายหน้าไปมา หากแต่ในดวงตากลับเจือไปด้วยความรู้สึกสงสาร

เฟิ่งชิงเฉินรีบร้อนก้าวเข้าไปถามเขาในทันที "อวี่เหวินหยวนฮั่ว บอกข้า? ผู้ใดตาย หวังจิ่นหลิงหรือ? หรือว่าเกิดอันใดขึ้นกับเขา?"

เฟิ่งชิงเฉินยิ่งคิดพลันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ขึ้นมาในทันที

หากหวังจิ่นหลิงตายไป นางก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ทักษะการแพทย์ของตนเองรักษาหวังจิ่นหลิงได้อีก ความพยายามของเสด็จอาเก้ากับนาง ทั้งหมดก็คงไร้ประโยชน์

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วร่างของเฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบในทันที

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามิต้องเป็นกังวลไป หวังจิ่นหลิงหาได้เป็นอันใดไปไม่ อย่าลืมว่า หวังจิ่นหลิงเป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับเขาแน่ ตระกูลหวังหาใช่ผู้ใดจะรังแกได้ง่าย ๆ "

หาใช่งิ้ว ที่เอะอะก็จะฆ่าอย่างเดียว

เมื่ออยู่สูงมากเท่าไหร่ ย่อมไม่มีโอกาสให้ได้ลอบสังหารเช่นนี้แน่

วันนี้เจ้าลอบสังหารบุตรชายของข้า วันพรุ่งข้าก็จะไปสังหารบุตรชายตระกูลของเจ้า เช่นนี้ เรื่องไม่วุ่นวายมากกว่าเดิมหรือ

"ไม่มีอันใดก็ดีไป ทำข้าตกอกตกใจเสียหมด ข้าละกลัวจริง ๆ ว่าจะมีผู้ใดเป็นอันใดไปก็เพราะข้าเป็นตัวต้นเหตุ" มีซุนยี่จิ่นคนเดียว ก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจก็พอแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินพลันลูบหน้าอกของตนเองเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าไปมองอวี่เหวินหยวนฮั่วราวกับจะกล่าวโทษว่า "หากมิใช่หวังจิ่นหลิงเกิดเรื่องแล้ว เจ้าจะตกใจเสียงดังทำไมกัน ทำข้าตกใจไปด้วยเลย"

มุมปากของอวี่เหวินหยวนฮั่วพลันอยากจะกระตุกยิ้มขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจยิ้มออกมาได้

เมื่อนึกถึงวันที่เฟิ่งชิงเฉินนั่งคุกเข่าต่อหน้าทุกคนก็เพื่อนางนั้น หากนางได้รู้

หากนางรู้ละก็ เกรงว่าจะต้องเสียใจมากเป็นแน่ เช่นนั้นแล้ว อย่าเพิ่งบอกเลยจะดีกว่า

"ข้าก็แค่มีปฏิกิริยาตอบกลับก็เท่านั้น ไปเถอะ พวกเราไปที่ตระกูลหวังกัน เกรงว่าระกูลหวังในยามนี้คงกระวนกระวายมากเป็นแน่ รีบไป เพื่อให้พวกเขารู้สึกสบายใจกันเถอะ"

แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินนะหรือ จะปล่อยเขาไปง่าย ๆ "อวี่เหวินหยวนฮั่ว เจ้าบอกข้า ผู้ใดตายกัน? ถึงได้ทำให้เจ้าตกอกตกใจถึงเพียงนั้นได้?"

ลางสังหรณ์ของนางกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน

"หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าไม่ ไปกันเถอะ หวังจิ่นหลิงกำลังรอเจ้าอยู่" อวี่เหวินหยวนฮั่วแสดงออกว่าเขาไม่อยากจะเอ่ยถึงมันในตอนนี้

"ไม่ได้ เจ้าต้องพูดตอนนี้ มิเช่นนั้น ข้าคงอยู่ไม่สุขแน่ มิเช่นนั้น มันอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้หากข้ายังกระวนกระวายอยู่เช่นนี้" เฟิ่งชิงเฉินพลันทำสีหน้าดื้อรั้น มองไปยังอวี่เหวินหยวนฮั่วโดยไม่พูดไม่จาออกมา

"อวี่เหวินหยวนฮั่ว แท้จริงแล้ว ผู้ใดตายกันแน่? เจ้าพูดมาเถอะ ข้ารับได้"

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้า"อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันเกิดอาการลังเลเล็กน้อย หากว่าไม่พูดในยามนี้ ถ้าหากไปถึงตระกูลหวัง แล้วมีคนพูดขึ้นมาเล่า

ทว่า สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น มันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจยิ่งนัก

"พูดเถอะ ข้าไม่เป็นไร" เฟิ่งชิงเฉินพลันถอนหายใจเข้าลึก ๆ เสมือนว่ากำลังเตรียมพร้อมที่จะรับฟังแล้ว

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ายังจำที่เจ้าช่วยคุณใหญ่จวนตระกูลซุนได้หรือไม่?" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลขึ้นมา

"ซุนยี่จิ่น ?" เฟิ่งชิงเฉินพลันพยักหน้าลงเล็กน้อย จากดวงตาที่สดใสของนางเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นแข็งค้างไปในทันที พร้อมกับสีหน้าที่ถอดสี "อวี่เหวินหยวนฮั่ว เจ้าหมายถึง ซุนยี่จิ่นตายแล้วหรือ ?"

"อื้ม ข้าเพิ่งได้รับข่าว นางตายแล้ว" อวี่เหวิยหยวนฮั่วพลันถอนหายใจยาว ๆ ออกมา

"นางตายได้อย่างไร?" เฟิ่งชิงเฉินพลันเดินเซถอยหลังไปในทันที

นางเจ็บจัง เจ็บหัวใจยิ่งนัก เจ็บปวดเสีย ราวกับมีผู้ใดกำลังมาบีบคอนาง เพื่อให้นางหมดลมหายใจ

เฟิ่งชิงเฟินพลันเบิกตาโต พร้อมกับกอบกุมหัวใจของตนเองเอาไว้ และสูดลมหายใจเข้าไป

ซุนยี่จิ่น ซุนยี่จิ่นตายแล้ว

ในเมื่อมีแรงสนับสนุนของกองทัพเช่นนี้ การเดินทางของเฟิ่งชิงเฉินก็พลันเต็มไปด้วยความราบรื่น แต่ทว่า ยามที่นางนั่งอยู่บนหลังม้านั้น หาได้มีท่าทีมั่นใจเช่นคราวก่อนไม่ อีกทั้ง ทั่วร่างของนางพลันแผ่กลิ่นอายความเย็นชาออกมาจนคนที่อยู่ภายในรัศมีพันลี้ยังสัมผัสได้ แต่ทว่ากลิ่นอายความเยือกเย็นนั้น ยิ่งทำให้นางเฟิ่งชิงเฉินดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

"สตรีนางนี้ แข็งแกร่งดั่งหินผายิ่งนัก เพียงชั่วครู่นางก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นคนเดิมได้แล้ว" ซีหลิงเทียนเหล่ยกับซีหลิงเหยาหวาที่ปะปนอยู่ในฝูงชนพลันกล่าวออกมา

"นั่น ย่อมเป็นเพราะนางทั้งเลือดเย็นและโหดเหี้ยมกระมัง สตรีเช่นนี้ ไม่รู้ว่านางมีที่ใดดีนัก"ซีหลิงเหยาหวาพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีเชิงดูถูก

"เจ้ากำลังอิจฉา เสด็จน้อง!" น้ำเสียงของซีหลิงเทียนเหล่ยเย็นชายิ่งนัก เสมือนเป็นการกล่าวเตือนน้องสาวของตนเองกลาย ๆ

ทั่วร่างของซีหลิงเหยาหวาพลันสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว หรือว่าเสด็จพี่จะรู้แล้ว ที่นางนำมีดของเฟิ่งชิงเฉินไปมอบให้กับองค์หญิงอันผิง ?

ซีหลิงเหยาหวาพลันเหลือบมองซีหลิงเทียนเหล่ยเล็กน้อย "เสด็จพี่ ข้า"

"เจ้าอย่าคิดว่า เจ้าทำอันใดไปแล้วข้าจะไม่รู้ เหยาหวาถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นน้องสาวของข้า แต่เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเป็นองค์หญิง แล้วข้าเป็นองค์รัชทายาท ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องภายในราชวงศ์นั้น ไม่ได้ดูดีอย่างที่เจ้าคิดเอาไว้"

เมื่อทิ้งคำพูดของตนเองเอาไว้เช่นนี้ ซีหลิงเทียนเหล่ยก็พลันหันกายเดินจากไปในทันที แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะแอบลอบมองเฟิ่งชิงเฉิน

สตรีผู้นี้ เล่นด้วยไม่ง่ายเลยจริง ๆ

เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะทดสอบตนเองอยู่ เมื่อหันกลับไปมองทิศทางที่รับรู้ได้ว่ามีคนจ้องมองนางอยู่นั้น ก็พลันเห็นแต่แผ่นหลังของบุรุษที่สวมใส่อาภรณ์สีฟ้า

คนผู้นั้นเป็นใครกัน?

"เป็นอะไรไป?" เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมีอาการผิดปกติไป ก็พลันก้าวเข้าไปหา

เฟิ่งชิงเฉินพลันส่ายหน้าไปมา "ไม่มีอะไร พวกเราไปกันเถอะ ข้าเป็นภาระให้คนคนเดียวก็พอแล้ว ข้าไม่อยากเป็นภาระให้หวังจิ่นหลิงอีก"

"อื้ม" อวี่เหวินหยวนฮั่วเองก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก

เมื่อมาถึงตระกูลหวังแล้วนั้น เฟิ่งชิงหลิงถึงเข้าใจได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดที่จวนเฟิ่งนั้น หาได้เทียบเท่ากับสถานการณ์ที่เกิดในจวนตระกูลหวังในยามนี้ไม่ ด้านนอกสามวง ด้านในสามวง ล้วนแต่เป็นฝูงชนทั้งนั้น อีกทั้งพวกเขายังกรีดร้อง โวยวาย กล่าวหาว่า ตระกูลหวังเป็นคนหลอกลวง

หากมิใช่ว่า การป้องกันของจวนตระกูลหวังเข้มแข็งนั้น เกรงว่าคนเหล่านี้คงได้พุ่งบุกเข้าไปในจวนตระกูหวังเป็นแน่

"ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน เรื่องนี้ขุนนางไม่อาจควบคุมได้งั้นหรือ?" ทั่วร่างของเฟิ่งชิงเฉินพลันสั่นสะท้านไปในทันที

ฮองเฮากับองค์หญิงอันผิง พวกเจ้ารังแกผู้คนเกินไปแล้ว

"ควบคุม จะไม่ควบคุมได้อย่างไร? มีผู้ใดจะกล้าหือกล้าอือกับข้ากัน" อวี่เหวินหยวนฮั่วพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา

ถึงแม้ว่าเขาจะมีหน้าที่ดูแลกองกำลังภายในเมืองหลวง หากแต่กองกำลังทั้งเก้าหน่วย ล้วนแต่เป็นของฮองเฮา

คลื่นลมภายในตระกูลหวังนั้น แต่เดิมก็ได้ตกเป็นหมากที่อยู่ในกระดานของพวกเขาเหล่านั้นแล้ว จะไปมีผู้ใดจัดการดูแลมันได้อย่างไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ