เฟิ่งชิงเฉินนัดเจอกับเซวียนเส้าฉีที่คอกม้า ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินไปถึง เซวียนเส้าฉีก็มารอนางอยู่ที่นั่นแล้ว
“ไปกันเถอะ” เซวียนเส้าฉีจูงม้าออกมา พลิกตัวขึ้นหลังม้า ยื่นมือออกมาให้เฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือของเซวียนเส้าฉีไว้ เซวียนเส้าฉีออกแรงเล็กน้อยในการดึงร่างของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา เสื้อผ้าแกว่งไปมาบนอากาศ ร่างของเฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ด้านหน้าของเซวียนเส้าฉี
“พวกเราไปกันเถอะ” เซวียนเส้าฉีเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาเว้นระยะห่างจากเฟิ่งชิงเฉิน แต่ในตอนเริ่มออกเดินทาง เซวียนเส้าฉีจงใจเอนตัวไปด้านหน้า เพื่อสร้างสถานการณ์ของพวกเขาสองคน จากนั้นหันกลับมามองที่มุมหนึ่ง แสงอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นมาจากดวงตาของเขา
ร่างกายของสายลับแข็งทื่อ ราวกับไม่สามารถขยับร่างกายได้ เมื่อเซวียนเส้าฉีจากไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว สายลับก็เพิ่งจะรู้สึกตัว พวกเขามองหน้ากันและคิดว่า พวกเขาควรนำเรื่องนี้ไปรายงานท่านอ๋องหรือไม่?
หากรายงานก็อาจจะถูกลงโทษ แต่หากไม่บอกจะต้องถูกลงโทษเป็นแน่ มันช่างเป็นทางเลือกที่น่าอนาถยิ่งนัก
สถานที่ฝึกกองทัพส่วนตัวอยู่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิ ไม่ว่าทักษะการขี่ม้าของเซวียนเส้าฉีจะดีแค่ไหน แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมงจึงจะเดินทางมาถึง และในตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
“อยู่ในภูเขาลูกนี้ พวกเราต้องทิ้งม้าและเดินเข้าไป” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ยอดเขาลูกหนึ่งแล้วพูดออกมา
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกค้นพบ สถานที่ฝึกทหารส่วนตัวมักจะอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ตัวอย่างเช่นหุบเขาลึกลับของเสด็จอาเก้า
แน่นอน หุบเขาลูกนี้ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเทียบไม่ได้กับหุบเขาของเสด็จอาเก้า หุบเขาลูกนั้นของเสด็จอาเก้า หากจากเมืองจักรพรรดิเป็นอย่างมาก ด้านข้างมีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่าน บรรยากาศดีเป็นอย่างมาก
“มีภูเขารายล้อม ถือเป็นสถานที่ที่ดี แต่หากอยู่ที่นี่นาน ๆ ก็จะทำให้หดหู่ใจได้ง่าย” ต่อให้หุบเขาจะกว้างใหญ่แค่ไหนก็มีขีดจำกัด เมื่อมองดูรอบ ๆ แล้วเห็นแต่ภูเขา เมื่อมองนานเขาก็หดหู่ใจ
“ช่วยไม่ได้ ทหารส่วนตัวนั้นจำเป็นต้องซ่อนความแข็งแกร่ง หากปล่อยให้จักรพรรดิรับรู้ เช่นนั้นคงเป็นโทษถึงตาย” ความมั่งคั่งจะมาในยามที่ตกอยู่ในอันตราย เฟิ่งชิงเฉินเชื่อใจและนับถือผู้นำตระกูลตี๋
กล้าเลี้ยงทหารส่วนตัวไว้ภายใต้การเฝ้าดูของจักรพรรดิ นอกจากเสด็จอาเก้าแล้วก็มีแค่เขาเท่านั้น
“นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัวจริง ๆ” หากเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นคนพูดออกมาด้วยตัวเอง เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าหุบเขาลูกนี้มีไว้เพื่อซ่อนกองทัพส่วนตัว
“รู้ทางหรือไม่?” เซวียนเส้าฉีมองไปรอบ ๆ และถามออกมา ตอนนี้เขา......เขาไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินผายมือออกมา “ไม่รู้ ที่จริงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หัวหน้ากองทหารส่วนตัวไปขอเงินค่าใช้จ่ายที่จวนเฟิ่ง แต่ก็ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน”
“เช่นนั้นพวกเรามาช่วยกันตามหา ที่นี่จะต้องมีเส้นทางซ่อนอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเอาอะไรกิน” เซวียนเส้าฉีปล่อยม้า จากนั้นตบหลังมันเบา ๆ ให้มันวิ่งออกไปอย่างอิสระ และเขาก็พาเฟิ่งชิงเฉินเดินไปรอบ ๆ
มือของเฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บ แต่ขาของนางไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งสองคนเดินไปรอบ ๆ เดินมาครึ่งวันก็หาทางเข้าไม่เจอ เซวียนเส้าฉีไม่ได้ท้อแท้แต่อย่างใด เขามีความสุขเป็นอย่างมาก “สถานที่แห่งนี้ไม่เลว ลูกน้องของเจ้าช่างน่าทึ่ง ไม่มีทางที่คนนอกจะหาสถานที่แห่งนี้เจอ”
มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเอง ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา เซวียนเส้าฉีรู้สึกดีใจแทนเฟิ่งชิงเฉินมากจริง ๆ เผ่าเสวียนเซียวกงของเขามีสาวกเป็นหมื่นคน เฟิ่งชิงเฉินเองก็มีกองทัพส่วนตัวเป็นหมื่นคนเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่อาจมองข้ามได้
“น่าทึ่งมากจริง ๆ แม้แต่เจ้านายของพวกเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้” กองทัพส่วนตัวยังไม่ยอมรับนาง ไม่อย่างนั้นนางคงได้เข้าไปตั้งนานแล้ว นอกจากเรื่องเงินคนพวกนี้ก็ไม่ยอมพบนางจริง ๆ
แต่ไม่เป็นไร ไว้ตอนที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อยว่ากัน ขอแค่เข้าไปในหุบเขาได้ ต่อให้คนพวกนี้ไม่ยอมรับ สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับอยู่ดี
“เจ้ามีความเห็นอย่างไร?” เซวียนเส้าฉีรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกับกองทัพส่วนตัวนั้นติดต่อกันอย่างลับ ๆ นางไม่อาจส่งสัญญาณออกมาอย่างเปิดเผยเพื่อให้กองทหารส่วนตัวออกมาต้อนรับนางได้
“ขึ้นไปบนยอดเขา” ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ นางก็จะใช้วิธีการที่โง่เขลาที่สุด
“ยอดเขา?” เซวียนเส้าฉีพอจะเดาได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เขารู้มาโดยตลอดว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนรอบคอบ นางจะไม่ทำในสิ่งที่นางไม่มั่นใจ
ภูเขาลูกนี้ไม่ได้รับการพัฒนาแต่อย่างใด แม้แต่ถนนก็ยังแทบไม่มี หากไม่มีเซวียนเส้าฉีคอยปกป้อง เฟิ่งชิงเฉินคงจะร่วงหล่นลงไปตั้งนานแล้ว
เซวียนเส้าฉีพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ไม่ได้ ทิ้งไว้แบบนี้อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น พวกเราลงจากภูเขาเพื่อไปทำความสะอาดบาดแผลก่อน และค่อยกลับขึ้นมาใหม่”
บาดแผลบนใบหน้า จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญมากกว่าส่วนอื่น
แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย “พวกเราเดินทางมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หากต้องกลับลงไปก็มีแต่ทำให้เสียเวลา บาดแผลเพียงเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”
อากาศไม่ได้ร้อน ระยะเวลาเพียงแค่สองวันไม่มีทางทำให้แผลอักเสบได้เป็นแน่
“เป็นแผลตรงใบหน้า หากเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร” เซวียนเส้าฉียังคงยืนกราน เขายังจำได้ดี เพราะใบหน้าของสนมเซวียนเป็นแผล จึงทำให้ทั่วทั้งเผ่าเสวียนเซียวกงไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุข
เรื่องใบหน้านั้นสำคัญกับผู้หญิงเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่ได้ใช้หน้ากินอาหารสักหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาตามเหตุผล เซวียนเส้าฉีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เลิกที่จะยืนกรานต่อไป
หาก......หากใบหน้าของชิงเฉินเสียโฉมขึ้นมาจริง ๆ ด้วยความรักที่เสด็จอาเก้ามีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะต้องดูแลเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี มันก็ถือเป็นโชคดีของนาง
แน่นอน หากเสด็จอาเก้าปล่อยวางและไม่ดูแลเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะต้องทำลายจวนอ๋องเก้า ถอนรากถอนโคนเสด็จอาเก้าให้สิ้นซาก
เมื่อผงยาสัมผัสบาดแผล ความรู้สึกมันเหมือนถูกมดกัด เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันด้วยความเจ็บปวด เซวียนเส้าฉีเห็นแล้วรู้สึกมีความสุข เฟิ่งชิงเฉินในสภาพเช่นนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน เขาอยากจะ......
อยากจะพาเฟิ่งชิงเฉินกลับไปยังเผ่าเสวียนเซียวกง ปกป้องนาง ดูแลนางเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครทำร้ายนางได้เป็นอันขาด
แต่น่าเสียดาย ที่เป็นได้เพียงความฝัน ชิงเฉินไม่มีทางไปกับเขา ต่อให้เขาต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ไม่อาจทำให้ความฝันเป็นจริงได้......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...