นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1393

เฟิ่งชิงเฉินนัดเจอกับเซวียนเส้าฉีที่คอกม้า ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินไปถึง เซวียนเส้าฉีก็มารอนางอยู่ที่นั่นแล้ว

“ไปกันเถอะ” เซวียนเส้าฉีจูงม้าออกมา พลิกตัวขึ้นหลังม้า ยื่นมือออกมาให้เฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือของเซวียนเส้าฉีไว้ เซวียนเส้าฉีออกแรงเล็กน้อยในการดึงร่างของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา เสื้อผ้าแกว่งไปมาบนอากาศ ร่างของเฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ด้านหน้าของเซวียนเส้าฉี

“พวกเราไปกันเถอะ” เซวียนเส้าฉีเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาเว้นระยะห่างจากเฟิ่งชิงเฉิน แต่ในตอนเริ่มออกเดินทาง เซวียนเส้าฉีจงใจเอนตัวไปด้านหน้า เพื่อสร้างสถานการณ์ของพวกเขาสองคน จากนั้นหันกลับมามองที่มุมหนึ่ง แสงอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นมาจากดวงตาของเขา

ร่างกายของสายลับแข็งทื่อ ราวกับไม่สามารถขยับร่างกายได้ เมื่อเซวียนเส้าฉีจากไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว สายลับก็เพิ่งจะรู้สึกตัว พวกเขามองหน้ากันและคิดว่า พวกเขาควรนำเรื่องนี้ไปรายงานท่านอ๋องหรือไม่?

หากรายงานก็อาจจะถูกลงโทษ แต่หากไม่บอกจะต้องถูกลงโทษเป็นแน่ มันช่างเป็นทางเลือกที่น่าอนาถยิ่งนัก

สถานที่ฝึกกองทัพส่วนตัวอยู่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิ ไม่ว่าทักษะการขี่ม้าของเซวียนเส้าฉีจะดีแค่ไหน แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมงจึงจะเดินทางมาถึง และในตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

“อยู่ในภูเขาลูกนี้ พวกเราต้องทิ้งม้าและเดินเข้าไป” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ยอดเขาลูกหนึ่งแล้วพูดออกมา

เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกค้นพบ สถานที่ฝึกทหารส่วนตัวมักจะอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ตัวอย่างเช่นหุบเขาลึกลับของเสด็จอาเก้า

แน่นอน หุบเขาลูกนี้ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเทียบไม่ได้กับหุบเขาของเสด็จอาเก้า หุบเขาลูกนั้นของเสด็จอาเก้า หากจากเมืองจักรพรรดิเป็นอย่างมาก ด้านข้างมีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่าน บรรยากาศดีเป็นอย่างมาก

“มีภูเขารายล้อม ถือเป็นสถานที่ที่ดี แต่หากอยู่ที่นี่นาน ๆ ก็จะทำให้หดหู่ใจได้ง่าย” ต่อให้หุบเขาจะกว้างใหญ่แค่ไหนก็มีขีดจำกัด เมื่อมองดูรอบ ๆ แล้วเห็นแต่ภูเขา เมื่อมองนานเขาก็หดหู่ใจ

“ช่วยไม่ได้ ทหารส่วนตัวนั้นจำเป็นต้องซ่อนความแข็งแกร่ง หากปล่อยให้จักรพรรดิรับรู้ เช่นนั้นคงเป็นโทษถึงตาย” ความมั่งคั่งจะมาในยามที่ตกอยู่ในอันตราย เฟิ่งชิงเฉินเชื่อใจและนับถือผู้นำตระกูลตี๋

กล้าเลี้ยงทหารส่วนตัวไว้ภายใต้การเฝ้าดูของจักรพรรดิ นอกจากเสด็จอาเก้าแล้วก็มีแค่เขาเท่านั้น

“นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัวจริง ๆ” หากเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นคนพูดออกมาด้วยตัวเอง เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าหุบเขาลูกนี้มีไว้เพื่อซ่อนกองทัพส่วนตัว

“รู้ทางหรือไม่?” เซวียนเส้าฉีมองไปรอบ ๆ และถามออกมา ตอนนี้เขา......เขาไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร

เฟิ่งชิงเฉินผายมือออกมา “ไม่รู้ ที่จริงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้หัวหน้ากองทหารส่วนตัวไปขอเงินค่าใช้จ่ายที่จวนเฟิ่ง แต่ก็ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน”

“เช่นนั้นพวกเรามาช่วยกันตามหา ที่นี่จะต้องมีเส้นทางซ่อนอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเอาอะไรกิน” เซวียนเส้าฉีปล่อยม้า จากนั้นตบหลังมันเบา ๆ ให้มันวิ่งออกไปอย่างอิสระ และเขาก็พาเฟิ่งชิงเฉินเดินไปรอบ ๆ

มือของเฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บ แต่ขาของนางไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งสองคนเดินไปรอบ ๆ เดินมาครึ่งวันก็หาทางเข้าไม่เจอ เซวียนเส้าฉีไม่ได้ท้อแท้แต่อย่างใด เขามีความสุขเป็นอย่างมาก “สถานที่แห่งนี้ไม่เลว ลูกน้องของเจ้าช่างน่าทึ่ง ไม่มีทางที่คนนอกจะหาสถานที่แห่งนี้เจอ”

มีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเอง ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา เซวียนเส้าฉีรู้สึกดีใจแทนเฟิ่งชิงเฉินมากจริง ๆ เผ่าเสวียนเซียวกงของเขามีสาวกเป็นหมื่นคน เฟิ่งชิงเฉินเองก็มีกองทัพส่วนตัวเป็นหมื่นคนเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่อาจมองข้ามได้

“น่าทึ่งมากจริง ๆ แม้แต่เจ้านายของพวกเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้” กองทัพส่วนตัวยังไม่ยอมรับนาง ไม่อย่างนั้นนางคงได้เข้าไปตั้งนานแล้ว นอกจากเรื่องเงินคนพวกนี้ก็ไม่ยอมพบนางจริง ๆ

แต่ไม่เป็นไร ไว้ตอนที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อยว่ากัน ขอแค่เข้าไปในหุบเขาได้ ต่อให้คนพวกนี้ไม่ยอมรับ สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับอยู่ดี

“เจ้ามีความเห็นอย่างไร?” เซวียนเส้าฉีรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกับกองทัพส่วนตัวนั้นติดต่อกันอย่างลับ ๆ นางไม่อาจส่งสัญญาณออกมาอย่างเปิดเผยเพื่อให้กองทหารส่วนตัวออกมาต้อนรับนางได้

“ขึ้นไปบนยอดเขา” ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ นางก็จะใช้วิธีการที่โง่เขลาที่สุด

“ยอดเขา?” เซวียนเส้าฉีพอจะเดาได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

เขารู้มาโดยตลอดว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนรอบคอบ นางจะไม่ทำในสิ่งที่นางไม่มั่นใจ

ภูเขาลูกนี้ไม่ได้รับการพัฒนาแต่อย่างใด แม้แต่ถนนก็ยังแทบไม่มี หากไม่มีเซวียนเส้าฉีคอยปกป้อง เฟิ่งชิงเฉินคงจะร่วงหล่นลงไปตั้งนานแล้ว

เซวียนเส้าฉีพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ไม่ได้ ทิ้งไว้แบบนี้อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น พวกเราลงจากภูเขาเพื่อไปทำความสะอาดบาดแผลก่อน และค่อยกลับขึ้นมาใหม่”

บาดแผลบนใบหน้า จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญมากกว่าส่วนอื่น

แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย “พวกเราเดินทางมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หากต้องกลับลงไปก็มีแต่ทำให้เสียเวลา บาดแผลเพียงเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

อากาศไม่ได้ร้อน ระยะเวลาเพียงแค่สองวันไม่มีทางทำให้แผลอักเสบได้เป็นแน่

“เป็นแผลตรงใบหน้า หากเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร” เซวียนเส้าฉียังคงยืนกราน เขายังจำได้ดี เพราะใบหน้าของสนมเซวียนเป็นแผล จึงทำให้ทั่วทั้งเผ่าเสวียนเซียวกงไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุข

เรื่องใบหน้านั้นสำคัญกับผู้หญิงเป็นอย่างมาก

“ข้าไม่ได้ใช้หน้ากินอาหารสักหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาตามเหตุผล เซวียนเส้าฉีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เลิกที่จะยืนกรานต่อไป

หาก......หากใบหน้าของชิงเฉินเสียโฉมขึ้นมาจริง ๆ ด้วยความรักที่เสด็จอาเก้ามีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะต้องดูแลเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี มันก็ถือเป็นโชคดีของนาง

แน่นอน หากเสด็จอาเก้าปล่อยวางและไม่ดูแลเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะต้องทำลายจวนอ๋องเก้า ถอนรากถอนโคนเสด็จอาเก้าให้สิ้นซาก

เมื่อผงยาสัมผัสบาดแผล ความรู้สึกมันเหมือนถูกมดกัด เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันด้วยความเจ็บปวด เซวียนเส้าฉีเห็นแล้วรู้สึกมีความสุข เฟิ่งชิงเฉินในสภาพเช่นนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน เขาอยากจะ......

อยากจะพาเฟิ่งชิงเฉินกลับไปยังเผ่าเสวียนเซียวกง ปกป้องนาง ดูแลนางเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครทำร้ายนางได้เป็นอันขาด

แต่น่าเสียดาย ที่เป็นได้เพียงความฝัน ชิงเฉินไม่มีทางไปกับเขา ต่อให้เขาต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ไม่อาจทำให้ความฝันเป็นจริงได้...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ