นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1392

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดว่าจะให้ใครไปเป็นเพื่อนนางตอนที่ออกไปดูทหารส่วนตัว คนที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็ปรากฏตัวออกมา

“คุณหนู คุณชายเซวียนมาขอพบ” ตัวตนของเซวียนเส้าฉี พวกของชุนฮุ่ยและชิวฮว่านั้นไม่รู้จัก แต่ทงจือและทงเหยานั้นรู้เป็นอย่างดี

คุณชายเซวียนผู้นี้กับคุณหนูของพวกเขามีเป็นคู่หมั้นกันในตอนเยาว์วัยที่ตกลงกันอย่างไม่เป็นทางการโดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะถูกปฏิเสธไปแล้ว แต่เซวียนเส้าฉีก็ยังยืนกรานในคำพูดของเขา และถือว่าการแต่งงานระหว่างพวกเขาจะต้องเกิดขึ้น

ดังนั้นในตอนที่เอ่ยถึงชื่อของเซวียนเส้าฉี ทงจือและทงเหยาจึงแสดงท่าทีแปลก ๆ ออกมา เพราะชายผู้นี้คือลูกเขยที่จะแต่งงานกับคุณหนูของเขา!

เฟิ่งชิงเฉินเองก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจ “เส้าฉี? เขามาได้อย่างไร เขาไม่ได้อยู่ที่เผ่าเสวียนเซียวกงอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่”

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาแล้ว อย่างไงก็ต้องออกไปพบ

เซวียนเส้าฉีไม่ได้แสดงท่าทีว่าตนเองเป็นหัวหน้าเผ่าแต่อย่างใด ข้างกายของเขามีเพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินเห็นการแต่งกายของผู้หญิงคนนั้นก็รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่สาวใช้

เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันพูดอะไร ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของเซวียนเส้าฉีก็จ้องมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสายอันโหดร้ายและเย่อหยิ่ง

เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่อีกฝ่ายโดยไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นก็ก้มลงมองเครื่องแต่งกายของตนเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่

“ชิงเฉิน” ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังขาดสติ เสียงของเซวียนเส้าฉีก็ดังขึ้นมา

“แคก แคก......ขอโทษ เมื่อครู่ข้าเหมือนจะเหม่อไป” เฟิ่งชิงเฉินขอโทษด้วยความเขินอาย จากนั้นก็กล่าวทักทายเซวียนเส้าฉีและผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับเชิญนั่ง

“เส้าฉี เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ เจ้าไปจวนเฟิ่งมาแล้วงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของเซวียนเส้าฉีนั้นมีเจตนาร้ายกับนาง แต่ในเมื่อเซวียนเส้าฉีไม่ได้แนะนำผู้หญิงคนนั้นออกมา นางก็ทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

“อื้อ ที่วังของข้าไม่ค่อยมีอะไรแล้ว ข้าจึงอยากมาพบเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่อยู่ที่จวน” เซวียนเส้าฉีเห็นเฟิ่งชิงเฉินผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สีหน้ายังคงดูดี จึงรู้สึกสบายใจ

“ฮึ......จอมปลอม” ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของเซวียนเส้าฉีพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น เบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเย่อหยิ่ง

เซวียนเส้าฉีมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความอึดอัด เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ใส่ใจเขาถึงแนะนำออกมา “ชิงเฉิน คนผู้นี้คือพี่ใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเยวี่ย หลี่เสวียนเยวี่ย นางกับข้าลงเขามาด้วยกัน เห็นบอกว่าอยากจะพบเจ้า” จากนั้นเขาก็หันกลับไปหาหลี่เสวียนเยวี่ย “เสวียนเยวี่ย นี่คือเฟิ่งชิงเฉิน”

“แม่นางเฟิ่ง” แม้หลี่เสวียนเยวี่ยจะไม่ชอบเฟิ่งชิงเฉิน แต่มารยาทก็ยังเป็นสิ่งที่ควรมี เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นเช่นนี้นางก็พอจะเดาออกว่าเหตุใดหลี่เสวียนเยวี่ยผู้นี้ถึงได้มีเจตนาร้ายกับนาง

แต่เรื่องนี้มันก็ยากที่จะอธิบาย เมื่อเห็นว่าหลี่เสวียนเยวี่ยไม่เต็มใจที่จะคุยกับนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อยากจะเอาใบหน้าของตนเองไปให้อีกฝ่ายทำลายโดยไม่ใช่เหตุ นางจึงเริ่มพูดคุยกับเซวียนเส้าฉีที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“ชิงเฉิน ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า มือของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เซวียนเส้าฉีมองมือที่ได้รับบาดเจ็บของเฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าเป็นห่วง หลี่เสวียนเยวี่ยเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเยือกเย็น

โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินและเซวียนเส้าฉีนั้นเข้าใจทุกอย่างโดยปริยาย จึงเพิกเฉยต่อการกระทำของนาง

“ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่กระดูกแตกเท่านั้น พักฟื้นสักระยะก็หายดีแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินสะบัดข้อมือของนางโดยไม่ใส่ใจ นางยอมรับชะตากรรมของนางได้แล้ว

“ไม่เป็นอะไรข้าก็สบายใจ ข้าเอายามาให้เจ้าจำนวนหนึ่ง เมื่อเจ้ากลับไปแล้วก็ลองดูว่ามันมีประโยชน์กับเจ้าหรือไม่” ของจากเผ่าเสวียนเซียวกง แน่นอนว่าไม่มีทางด้อยคุณภาพ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจ

เซวียนเส้าฉีเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินแต่งตัวสำหรับเดินทางออกไปด้านนอก เขาจึงถามออกมาอีกว่า “ชิงเฉิน เจ้าจะไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ?”

“อื้อ ข้าอยากออกไปเดินเล่น”

“เช่นนั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” นี่เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าเซวียนเส้าฉีต้องการพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉินเพียงลำพัง หลี่เสวียนเยวี่ยจึงได้แต่กลับไปที่ลานด้วยความหดหู่ เฟิ่งชิงเฉินหันหลังไปมอง จากนั้นก็พูดกับเซวียนเส้าฉีที่อยู่ข้างกายของนางว่า “เส้าฉี เจ้าจะจัดการกับคุณหนูหลี่ผู้นี้อย่างไร?”

เซวียนเส้าฉียิ้มออกมาอย่างขมขื่น “นางยืนกรานว่าจะตามข้าลงเขามาให้ได้ ข้าเองก็หมดหนทาง” เขาไม่อยากพามาด้วย แต่ไม่อาจปฏิเสธได้

ใช้เวลาสืบหากว่าครึ่งเดือน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถขุดคุ้ยกองกำลังที่เหลืออยู่ของลั่วอ๋องออกมาได้ แม้ว่าลั่วอ๋องจะเหลือคนไม่มาก แต่หากคนพวกนี้ได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ดี

“ในมือของลั่วอ๋องยังมีทองคำอยู่อีก 30,000 ตำลึง สายลับ 16 คน มือสังหาร 7 คน ที่เหลือเป็นเพียงพวกลิ่วล้อ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย” เงินและมือสังหารต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เมื่อตัดคนที่คอยให้การสนับสนุนของเขาออกไปได้แล้ว ชีวิตนี้ของเขาก็ทำได้เพียงถูกขังอยู่ในตรอกเล็ก เท่านั้น

คนที่ไม่มีเงิน ต่อให้เป็นองค์ชายก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อตามหาเบาะแสของคนพวกนี้พบแล้ว การที่จะจัดการกับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่......

เสด็จอาเก้าไม่เคยคิดที่จะปล่อยลั่วอ๋องไปทั้งอย่างนี้ แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าไม่มีทางลงมือด้วยตัวเองให้มือของเขาต้องสกปรก

ความเยือกเย็นปรากฏออกมาจากแววตาของเสด็จอาเก้า ออกคำสั่งไปอย่างเยือกเย็น “ให้คนไปส่งข่าวนี้กับลั่วอ๋อง สิบวันหลังจากนี้จักรพรรดิจะเดินทางไปยังล่าสัตว์ที่เย่หลาน”

ในฤดูใบไม้ร่วงของปีก่อน ๆ จักรพรรดิจะเลือกไปล่าสัตว์ในสถานที่เลี้ยงสัตว์ แต่เนื่องจากปีนี้สามารถเอาชนะซีหลิงได้ จักรพรรดิจึงต้องการแสดงความกล้าหาญของลูกผู้ชาย ภายใต้คำใบ้ของคนที่ห่วงใย จักรพรรดิจึงเลือกไปที่สนามล่าสัตว์เย่หลานที่อยู่นอกเมือง

นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยม......โอกาสที่จะลงมือสังหารจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าเชื่อว่าลั่วอ๋องไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป ลั่วอ๋องถูกทุบตีจนไม่อาจกลับตัวได้ เว้นแต่จักรพรรดิจะตาย ไม่เช่นนี้ชีวิตนี้เขาก็คงไม่อาจลืมตาอ้าปากได้

ลั่วอ๋องไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลองดู

ฮึ......จักรพรรดิต้องการส่งเฟิ่งชิงเฉินไปยังเป่ยหลิง ต้องการให้เขากับเฟิ่งชิงเฉินแยกจากกัน เช่นนั้นเขาก็จะทำให้สองพ่อลูกฆ่ากันเอง!

รูม่านตาของสายลับเบิกกว้าง แอบมองเสด็จอาเก้าอย่างลับ ๆ เห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเสด็จอาเก้า สายลับก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบถอยออกไปทันที

พี่น้องในตระกูลราชวงศ์ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ