นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1397

ไม่ว่าจะกลัวแค่ไหน เฟิ่งชิงเฉินก็ทำได้เพียงกัดฟันสู้ต่อไป ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเอาทหารส่วนตัว 12,000 นายนี้มาอยู่ในมือให้ได้

แค่สถานะทางครอบครัวเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ลูกสาวที่โดยชอบธรรมของเฟิ่งหลีสูงส่งหรือไม่? แต่สิบห้าปีที่ผ่านมา นางได้แต่ใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพช หากนางต้องการจะเฉิดฉาย นางจะต้องมีทั้งพละและภูมิหลังควบคู่กันไป

เกิดในตระกูลสูงส่งแล้วอย่างไร หากไม่มีพลังมาคอยเกื้อหนุน ต้นกำเนิดของนางก็จะเป็นสิ่งที่ทำลายนางเอง

“ลงไป” ห่างจากพื้นเพียงร้อนเมตร ร่างกายที่ตึงเครียดของเฟิ่งชิงเฉินจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

นางทำได้

“ชิงเฉิน?” เหตุใดจะต้องดื้อด้านถึงเพียงนี้ มีเขาอยู่ เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น

“ข้าทำได้ กระโดดลงไป หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย พวกเราจะได้รีบกลับ” เฟิ่งชิงเฉินมีเวลาไม่มาก หลี่เสวียนเยวี่ยยังรอนางอยู่ที่หมู่บ้าน เฟิ่งชิงเฉินเกรงว่านางจะสร้างความวุ่นวาย

เสด็จอาเก้าเจ็บปวดหัวใจ แต่ก็ทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้

“หลับตา”

เสด็จอาเก้าหดตัวลง กระโดดพาเฟิ่งชิงเฉินลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง เซวียนเส้าฉีที่รอการมาถึงของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน เห็นทั้งสองคนกระโดดตามลงมา แต่ไม่ได้กระโดดลงมาตรงจุดเดียวกับเขา

“ตาง ตาง ตาง......” ทันทีที่เท้าเหยียบพื้น เสียงเสียงกระดิ่งทองแดงก็ดังมาจากใต้เท้า จากนั้นเสียงของมันก็ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ “มีผู้บุกรุก”

“ตุบ ตุบ ตุบ......” เสียงกลองสงครามดังขึ้น จุดสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า

“น่าสนใจ” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

เฟิ่งชิงเฉินใช้โอกาสที่ทหารกำลังวิ่งเข้ามาในการปรับลมหายใจและความกลัว ตบหน้าของตนเองสองสามครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าดูซีดขาดเกินไปจนดูไม่ดี

นางไม่ใช่เสด็จอาเก้า นางไม่มีความสามารถที่จะยืนอยู่เฉย ๆ แล้วสามารถทำให้ผู้คนยอมจำนนด้วยเพียงการมองด้วยสายตา นางไม่ได้มีรัศมีที่ทำให้คนทั่วทั้งใต้หล้าหวาดกลัว นางเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

เฟิ่งชิงเฉินเตรียมตัวเป็นอย่างดี ในใจแอบคิด นางต้องพูดคุยกับพวกเขาอย่างไร แต่ว่า......

“นี่คือทหารส่วนตัวของข้าจริง ๆ งั้นหรือ?” แต่ละคนผอมแห้งเหมือนหนังติดกระดูก แทบไม่ต่างอะไรกับขอทาน พวกเขาคือทหารที่นางเป็นคบรับช่วงต่อ

“เหมือนจะใช่” เสด็จอาเก้ากวาดสายตามอง เมื่อมั่นใจว่าตนเองมาถูกแน่ ๆ นี่ไม่ใช่ค่ายผู้ลี้ภัย แต่เป็นสถานที่ซึ่งตาเฒ่าตี๋ใช้ในการฝึกทหารส่วนตัว

เขารู้สึกดีใจเร็วเกินไป

“พวกเจ้าเป็นใคร? บุกเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ พวกเขาไม่มีวันเมตตา” ยังดีที่ขอทานกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นขอทานจริง ๆ ดวงตาของพวกเขายังคงเฉียบแหลม แม้ว่าอาวุธในมือจะดูแปลกประหลาด แต่รูปแบบกระบวนที่พวกเขาใช้ในการป้องกันก็เหมือนกับที่กองทัพใช้กันทั่วไป ไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์หรือไร้ระเบียบวินัย

ผ้าขี้ริ้วห่อทอง?

“หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าต้องการพบเขา” เฟิ่งชิงเฉินนำมือซ้ายไขว้ไว้ด้านหลัง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

“เจ้ากำลังพูดอะไร พวกข้าไม่เข้าใจ ที่นี่คือหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าไม่มีหัวหน้า พวกเจ้าที่เป็นคนนอก เข้ามาทำอะไรที่นี่?” ทหารขอทานมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ หันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนรอบข้าง จิตสังหารอันแรงกล้าแผ่ซ่านออกมา

หมูบ้าน? เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนพวกนี้กำลังเสแสร้ง และเสแสร้งได้ไม่เหมือนเอาเสียเลย มันเป็นเพียงการเสแสร้งแค่เปลือกนอกเท่านั้น การรวมตัวของพวกเขาเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือทหาร

“บอกหัวหน้าของพวกเจ้า เฟิ่งชิงเฉินแห่งจวนเฟิ่งมาที่นี่แล้ว” เผชิญหน้ากับจิตสังหารเหล่านั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะต่อสู้กับคนกลุ่มนี้

“รอก่อน” ทหารขอทานพวกนี้ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย ตอบรับและถอยกลับไป

“ดูเหมือนว่า อีกฝ่ายจะรู้ถึงตัวตนของพวกเรา” เซวียนเส้าฉีกล่าวออกมา

“รู้ก็ไม่แปลก พวกเราทำให้ค่ายกลหยินแห่งความชั่วร้ายทำงาน หากพวกเขาไม่รู้ ข้าก็คงคิดว่าพวกเขานั้นไร้ความสามารถ” เฟิ่งชิงเฉินมีความคาดหวังอันสูงส่งกับกองทัพส่วนตัวนี้

สามารถสร้างค่ายกลที่แปลกประหลาดเช่นนั้นออกมาได้ สามารถวางกระดิ่งบนพื้นได้ คนที่ควบคุมคนพวกนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนเร้น แต่......

“เจ้าคือหัวหน้า?” ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำปรากฏตัวด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ต้องบอกเลยว่านางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

นี่มันใช่ลักษณะของยอดฝีมือเสียที่ไหน

“ข้าน้อยหลี่เจ๋อ คารวะแม่นางเฟิ่ง” หลี่เจ๋อคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เสื้อผ้าบนร่างกายของเขา แม้ว่าจะไม่ได้ขาดรุ่งริ่ง แต่มันก็ไม่ได้ดูแต่ไปกว่าคนอื่น

“ห้าปี”

“ห้าปี? ตอนแรกมีทั้งหมดกี่คน แล้วตอนนี้เหลืออยู่กี่คน?” หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินสั่นเทา นี่ตาเฒ่าตี๋มอบทหารส่วนตัวให้นางหรือสร้างปัญหาให้นางกันแน่ กองทัพแบบนี้นางจะเอามาเพื่ออะไร

“ตอนแรกก็มีเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามารวมตัวกันเรื่อย ๆ ตอนที่มากที่สุดก็มีประมาณ 20,000 คน” ทุกคนล้วนเป็นเด็กกำพร้า หรือไม่ก็ขอทาน เมื่อเทียบกับการต้องอดตาย ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว

“แล้วเวลานี้ล่ะ? เหลืออีกกี่คน?” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา บอกให้ตนเองตั้งสติเอาไว้

นางใช้ความพยายามและความคาดหวังจำนวนมากกับกองทัพส่วนตัว มันจะสูญเปล่าได้อย่างไร

“10,000 นาย”

“อะไรนะ? เหลือเพียงแค่ 10,000 นายงั้นหรือ? คนที่เหลือตายไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?” ความผิดหวังถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ เฟิ่งชิงเฉินกำลังสงสัยว่านางได้รับอะไรมากันแน่

“ไม่ ห้าปีที่ผ่านมา พวกเขาตายไปแค่พันคนเท่านั้น” หลี่เจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงตอบกลับมา

“เช่นนั้นที่เหลืออีก 9,000 นายล่ะ?” เฟิ่งชิงเฉินมองมาที่หลี่เจ๋อ สายตาที่เร่าร้อน ทำให้เขาไม่อาจถอยกลับได้

นางก็ว่าอยู่ ตาเฒ่าตี๋จะฝึกทหารส่วนตัวให้กลายเป็นสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร หากพวกนี้ใช้เงินของนางเดือนละเป็นแสน นางคงต้องร้องไห้จนตาย......

นางไม่ใช่ผู้ที่ใจบุญสุนทาน นางไม่ได้มีเงินมากถึงขั้นที่สามารถเลี้ยงดูคนเกียจคร้าน ต่อให้มีก็คงไม่มีทางมาทิ้งไว้ที่นี่ นางจะทำมันอย่างเปิดเผย อย่างน้อยมันก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้นางได้

“เรื่องนั้น......”

เฟิ่งชิงเฉินขัดคำพูดของเขาด้วยความอดทน “พูดออกมา......”

“คุณหนูเฟิ่ง โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจ ข้าพูดไม่ได้จริง ๆ” ใบหน้าของหลี่เจ๋อดูยากลำบาก

“แม่ทัพหลี่ เจ้าอย่าลืม ตอนนี้ข้าคือเจ้านายของเจ้า เจ้านำเงินของข้ามา แต่กลับมีเรื่องปิดบังข้าอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เหงื่อจำนวนมากไหลลงมาจากศีรษะของหลี่เจ๋อ ในตอนนั้นเอง เสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้น “แม่นางเฟิ่ง อย่าทำให้แม่ทัพหลี่ต้องลำบากเลย!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ