ไม่ว่าจะกลัวแค่ไหน เฟิ่งชิงเฉินก็ทำได้เพียงกัดฟันสู้ต่อไป ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเอาทหารส่วนตัว 12,000 นายนี้มาอยู่ในมือให้ได้
แค่สถานะทางครอบครัวเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ลูกสาวที่โดยชอบธรรมของเฟิ่งหลีสูงส่งหรือไม่? แต่สิบห้าปีที่ผ่านมา นางได้แต่ใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพช หากนางต้องการจะเฉิดฉาย นางจะต้องมีทั้งพละและภูมิหลังควบคู่กันไป
เกิดในตระกูลสูงส่งแล้วอย่างไร หากไม่มีพลังมาคอยเกื้อหนุน ต้นกำเนิดของนางก็จะเป็นสิ่งที่ทำลายนางเอง
“ลงไป” ห่างจากพื้นเพียงร้อนเมตร ร่างกายที่ตึงเครียดของเฟิ่งชิงเฉินจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
นางทำได้
“ชิงเฉิน?” เหตุใดจะต้องดื้อด้านถึงเพียงนี้ มีเขาอยู่ เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น
“ข้าทำได้ กระโดดลงไป หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย พวกเราจะได้รีบกลับ” เฟิ่งชิงเฉินมีเวลาไม่มาก หลี่เสวียนเยวี่ยยังรอนางอยู่ที่หมู่บ้าน เฟิ่งชิงเฉินเกรงว่านางจะสร้างความวุ่นวาย
เสด็จอาเก้าเจ็บปวดหัวใจ แต่ก็ทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้
“หลับตา”
เสด็จอาเก้าหดตัวลง กระโดดพาเฟิ่งชิงเฉินลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง เซวียนเส้าฉีที่รอการมาถึงของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน เห็นทั้งสองคนกระโดดตามลงมา แต่ไม่ได้กระโดดลงมาตรงจุดเดียวกับเขา
“ตาง ตาง ตาง......” ทันทีที่เท้าเหยียบพื้น เสียงเสียงกระดิ่งทองแดงก็ดังมาจากใต้เท้า จากนั้นเสียงของมันก็ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ “มีผู้บุกรุก”
“ตุบ ตุบ ตุบ......” เสียงกลองสงครามดังขึ้น จุดสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า
“น่าสนใจ” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เฟิ่งชิงเฉินใช้โอกาสที่ทหารกำลังวิ่งเข้ามาในการปรับลมหายใจและความกลัว ตบหน้าของตนเองสองสามครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใบหน้าดูซีดขาดเกินไปจนดูไม่ดี
นางไม่ใช่เสด็จอาเก้า นางไม่มีความสามารถที่จะยืนอยู่เฉย ๆ แล้วสามารถทำให้ผู้คนยอมจำนนด้วยเพียงการมองด้วยสายตา นางไม่ได้มีรัศมีที่ทำให้คนทั่วทั้งใต้หล้าหวาดกลัว นางเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เฟิ่งชิงเฉินเตรียมตัวเป็นอย่างดี ในใจแอบคิด นางต้องพูดคุยกับพวกเขาอย่างไร แต่ว่า......
“นี่คือทหารส่วนตัวของข้าจริง ๆ งั้นหรือ?” แต่ละคนผอมแห้งเหมือนหนังติดกระดูก แทบไม่ต่างอะไรกับขอทาน พวกเขาคือทหารที่นางเป็นคบรับช่วงต่อ
“เหมือนจะใช่” เสด็จอาเก้ากวาดสายตามอง เมื่อมั่นใจว่าตนเองมาถูกแน่ ๆ นี่ไม่ใช่ค่ายผู้ลี้ภัย แต่เป็นสถานที่ซึ่งตาเฒ่าตี๋ใช้ในการฝึกทหารส่วนตัว
เขารู้สึกดีใจเร็วเกินไป
“พวกเจ้าเป็นใคร? บุกเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ พวกเขาไม่มีวันเมตตา” ยังดีที่ขอทานกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นขอทานจริง ๆ ดวงตาของพวกเขายังคงเฉียบแหลม แม้ว่าอาวุธในมือจะดูแปลกประหลาด แต่รูปแบบกระบวนที่พวกเขาใช้ในการป้องกันก็เหมือนกับที่กองทัพใช้กันทั่วไป ไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์หรือไร้ระเบียบวินัย
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง?
“หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าต้องการพบเขา” เฟิ่งชิงเฉินนำมือซ้ายไขว้ไว้ด้านหลัง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้ากำลังพูดอะไร พวกข้าไม่เข้าใจ ที่นี่คือหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าไม่มีหัวหน้า พวกเจ้าที่เป็นคนนอก เข้ามาทำอะไรที่นี่?” ทหารขอทานมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ หันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนรอบข้าง จิตสังหารอันแรงกล้าแผ่ซ่านออกมา
หมูบ้าน? เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนพวกนี้กำลังเสแสร้ง และเสแสร้งได้ไม่เหมือนเอาเสียเลย มันเป็นเพียงการเสแสร้งแค่เปลือกนอกเท่านั้น การรวมตัวของพวกเขาเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือทหาร
“บอกหัวหน้าของพวกเจ้า เฟิ่งชิงเฉินแห่งจวนเฟิ่งมาที่นี่แล้ว” เผชิญหน้ากับจิตสังหารเหล่านั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะต่อสู้กับคนกลุ่มนี้
“รอก่อน” ทหารขอทานพวกนี้ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย ตอบรับและถอยกลับไป
“ดูเหมือนว่า อีกฝ่ายจะรู้ถึงตัวตนของพวกเรา” เซวียนเส้าฉีกล่าวออกมา
“รู้ก็ไม่แปลก พวกเราทำให้ค่ายกลหยินแห่งความชั่วร้ายทำงาน หากพวกเขาไม่รู้ ข้าก็คงคิดว่าพวกเขานั้นไร้ความสามารถ” เฟิ่งชิงเฉินมีความคาดหวังอันสูงส่งกับกองทัพส่วนตัวนี้
สามารถสร้างค่ายกลที่แปลกประหลาดเช่นนั้นออกมาได้ สามารถวางกระดิ่งบนพื้นได้ คนที่ควบคุมคนพวกนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนเร้น แต่......
“เจ้าคือหัวหน้า?” ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำปรากฏตัวด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ต้องบอกเลยว่านางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นี่มันใช่ลักษณะของยอดฝีมือเสียที่ไหน
“ข้าน้อยหลี่เจ๋อ คารวะแม่นางเฟิ่ง” หลี่เจ๋อคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เสื้อผ้าบนร่างกายของเขา แม้ว่าจะไม่ได้ขาดรุ่งริ่ง แต่มันก็ไม่ได้ดูแต่ไปกว่าคนอื่น
“ห้าปี”
“ห้าปี? ตอนแรกมีทั้งหมดกี่คน แล้วตอนนี้เหลืออยู่กี่คน?” หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินสั่นเทา นี่ตาเฒ่าตี๋มอบทหารส่วนตัวให้นางหรือสร้างปัญหาให้นางกันแน่ กองทัพแบบนี้นางจะเอามาเพื่ออะไร
“ตอนแรกก็มีเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามารวมตัวกันเรื่อย ๆ ตอนที่มากที่สุดก็มีประมาณ 20,000 คน” ทุกคนล้วนเป็นเด็กกำพร้า หรือไม่ก็ขอทาน เมื่อเทียบกับการต้องอดตาย ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว
“แล้วเวลานี้ล่ะ? เหลืออีกกี่คน?” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา บอกให้ตนเองตั้งสติเอาไว้
นางใช้ความพยายามและความคาดหวังจำนวนมากกับกองทัพส่วนตัว มันจะสูญเปล่าได้อย่างไร
“10,000 นาย”
“อะไรนะ? เหลือเพียงแค่ 10,000 นายงั้นหรือ? คนที่เหลือตายไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?” ความผิดหวังถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ เฟิ่งชิงเฉินกำลังสงสัยว่านางได้รับอะไรมากันแน่
“ไม่ ห้าปีที่ผ่านมา พวกเขาตายไปแค่พันคนเท่านั้น” หลี่เจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงตอบกลับมา
“เช่นนั้นที่เหลืออีก 9,000 นายล่ะ?” เฟิ่งชิงเฉินมองมาที่หลี่เจ๋อ สายตาที่เร่าร้อน ทำให้เขาไม่อาจถอยกลับได้
นางก็ว่าอยู่ ตาเฒ่าตี๋จะฝึกทหารส่วนตัวให้กลายเป็นสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร หากพวกนี้ใช้เงินของนางเดือนละเป็นแสน นางคงต้องร้องไห้จนตาย......
นางไม่ใช่ผู้ที่ใจบุญสุนทาน นางไม่ได้มีเงินมากถึงขั้นที่สามารถเลี้ยงดูคนเกียจคร้าน ต่อให้มีก็คงไม่มีทางมาทิ้งไว้ที่นี่ นางจะทำมันอย่างเปิดเผย อย่างน้อยมันก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้นางได้
“เรื่องนั้น......”
เฟิ่งชิงเฉินขัดคำพูดของเขาด้วยความอดทน “พูดออกมา......”
“คุณหนูเฟิ่ง โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจ ข้าพูดไม่ได้จริง ๆ” ใบหน้าของหลี่เจ๋อดูยากลำบาก
“แม่ทัพหลี่ เจ้าอย่าลืม ตอนนี้ข้าคือเจ้านายของเจ้า เจ้านำเงินของข้ามา แต่กลับมีเรื่องปิดบังข้าอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เหงื่อจำนวนมากไหลลงมาจากศีรษะของหลี่เจ๋อ ในตอนนั้นเอง เสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้น “แม่นางเฟิ่ง อย่าทำให้แม่ทัพหลี่ต้องลำบากเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...