นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 184

เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังซู่ชินอ๋องด้วยใบหน้าดูหนักใจ อยากให้เขากลับคำ แต่ใครจะรู้เล่าว่าเมื่อซู่ชินอ๋องเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินดังนี้ก็ดีอกดีใจจนหัวเราะออกมา

จิ่นหลิงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เฟิ่งชิงเฉินสามารถทำทุกๆ เรื่องได้อย่างสงบนิ่ง มีเพียงเรื่องที่ทำให้นางต้องอึดอัดใจเท่านั้นจึงจะทำตัวไม่ถูก

"เฟิ่งชิงเฉิน ข้าได้ให้โอกาสแก่เจ้าแล้ว จงรีบคว้ามันไว้เถิด หากเจ้ายังมัวรีรอข้าจะสั่งประหารพวกเขาทุกคน" ซู่ชินอ๋องกล่าวเตือนด้วยท่าทางอันร้ายกาจ

จิ่นหลิงกล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้มีความสามารถในยามคับขัน ซู่ชินอ๋องอยากจะเห็นเสียจริงว่าเฟิ่งชิงเฉินเฉลียวฉลาดและว่องไวเพียงใด

เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่านางไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ลังเลแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋อง แม้ว่าบรรดาหมอหลวงเหล่านี้จะวินิจฉัยโรคของท่านอ๋องผิดไป แต่ทักษะทางการรักษาของพวกเขานั้นไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก แทนที่ท่านอ๋องจะทำการลงโทษหมอหลวงเหล่านี้ สู้ให้พวกเขามีโอกาสไปพัฒนาจุดแข็งของตนเองและสั่งสมประสบการณ์ไม่ดีกว่าหรือเพคะ"

"อ้อ จะพัฒนาจุดแข็งของตนเองและสั่งสมประสบการณ์ได้อย่างไร?" ซู่ชินอ๋องไม่เพียงแต่รู้วิธีการต่อสู้รบราฆ่าฟัน เขาเองก็มีด้านที่เป็นกังวลประเทศและประชาชนด้วย

ประโยคของเฟิ่งชิงเฉินเมื่อครู่นี้ ตอบสนองความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดี

"ท่านอ๋องเพคะ ในกองทัพมีทหารบาดเจ็บจำนวนมาก แต่หมอรักษาน้อยเหลือเกิน ทหารจำนวนมากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้ทุพพลภาพ ส่งผลกระทบต่อทั้งตนเองและครอบครัว"

"สู้ท่านอ๋องส่งหมอหลวงเหล่านี้ไปอยู่ในกองทัพ รักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และถ่ายทอดทักษะการรักษาเหล่านี้ เพื่อรักษาชีวิตของคนส่วนมาก" เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงเถี่ยโถวและคนอื่นๆ เหล่านั้น พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกที่มีอาการทุพพลภาพ ในใจก็รู้สึกปวดร้าว

หากมีทรัพยากรด้านการแพทย์พอเพียง อย่างน้อยทหารทุพพลภาพก็คงจะน้อยลง

ซู่ชินอ๋องจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน เนิ่นนานทีเดียวที่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมีน้ำตานอง……

เขาเองก็เป็นทหาร เขาจึงเข้าใจถึงคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินได้เป็นอย่างดี

"จิ่นหลิง ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ เอาล่ะตามนั้น" ซู่ชินอ๋องสูดลมหายใจเข้าแล้วมองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน ก่อนจะเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่งว่า "กลับไปนอนพักผ่อนให้สบายใจเถิด วันพรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปประชุมราชวงศ์เช้า"

ความหมายของเขานั้นก็คือวันพรุ่งนี้ เขาจะนำตงหลิงจิ่วออกมาจากคุก

"เพคะ" เฟิ่งชิงเฉินมองไปทางหวังจิ่นหลิงด้วยท่าทางมีความสุข

นางคิดไม่ถึงว่าสิ่งต่างๆ จะง่ายดายถึงเพียงนี้

หวังจิ่นหลิงพยักหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ แต่รอยยิ้มนั้นมีความขมขื่นอยู่เล็กน้อย……

เฟิ่งชิงเฉินเกือบจะลอยออกมาจากจวนซู่ชินอ๋อง นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะราบรื่นเพียงนี้

นางรู้ว่าเรื่องนี้หวังจิ่นหลิงทุ่มเทไม่น้อย ไม่เช่นนั้นต่อให้นางรักษาอาการเจ็บปวดบนใบหน้าของซู่ชินอ๋องได้ ก็คงไม่อาจทำให้ซู่ชินอ๋องออกมารับหน้าตนเองด้วยเช่นนี้

ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงหันไปขอบคุณหวังจิ่นหลิงจากใจจริงว่า "จิ่นหลิง เรื่องในวันนี้ข้าขอขอบคุณแทนเสด็จอาเก้ายิ่งนัก"

"ขอบคุณแทนเสด็จอาเก้าหรือ? ชิงเฉิน เรื่องในวันนี้ข้างไม่ได้ต้องการจะช่วยผู้ใด" หวังจิ่นหลิงยืนอยู่ในมุมมืด เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็นท่าทางสีหน้าของเขา แต่ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะเข้าใจได้ว่ามีความผิดปกติไปเล็กน้อย

ด้วยความเฉลียวฉลาดของเฟิ่งชิงเฉิน แววตาของนางเป็นประกาย บ่งบอกถึงการหมดหนทางและหดหู่ใจ

"จิ่นหลิง……" เฟิ่งชิงเฉินเรียกเขาออกมาประโยคหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด

หากว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหวังจิ่นหลิงไม่อาจคืนสู่จุดเริ่มต้นได้ นางก็ยินดีที่จะตัดมันทิ้งเสีย

หากค้างคาเช่นนี้กลับทำให้เขาลำบากใจ นางไม่เคยคิดจะทำร้ายความรู้สึกของหวังจิ่นหลิง เนื่องจากนางไม่ใช่สตรีที่ใช้อารมณ์เป็นอาวุธ

"เจ้าช่วยใครกันแน่?"

"ข้าเพียงแค่กล่าวความจริง" เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีถึงความร้อนรนใจของอวี่เหวินหยวนฮั่ว แต่นางก็ไม่อาจจะใส่ร้ายหวังจิ่นหลิงได้เพราะเหตุนี้

"เหตุใดเจ้าจึงเป็นสตรีเช่นนี้กัน เสด็จอาเก้าอุตส่าห์ปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี แต่เจ้ากลับช่วยคนอื่น!" อวี่เหวินหยวนฮั่วนั่งลงอย่างโมโห

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าควรจะคิดให้ดี หากไม่ใช่เป็นเพราะพวกหวังจิ่นหลิงเหล่านั้น ฝ่าบาทจะมีความสามารถในการค้นหาความผิดของเสด็จอาเก้าแล้วจับเขาเข้าคุกได้อย่างไร?"

"ข้าบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหวังจิ่นหลิง เรื่องของเสด็จอาเก้าเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ซู่ชินอ๋องตอบรับแล้วว่าจะออกหน้าปกป้องเสด็จอาเก้าเอง เพียงแค่เสด็จอาเก้าออกมาจากคุกได้ ทุกอย่างก็จัดการง่าย" ด้วยอุบายและวิธีต่างๆ ของเสด็จอาเก้า ฝ่าบาทไม่สามารถเอาชนะได้แน่ เฟิ่งชิงเฉินยังคงมีความมั่นใจเช่นนั้น

"เจ้าว่าอย่างไรนะ ซู่ชินอ๋องจะออกหน้าแทนเสด็จอาเก้า? เป็นไปได้อย่างไร?" อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่เชื่อแม้แต่น้อย ทุกคนรู้ดีว่าซู่ชินอ๋องไม่ออกมาวุ่นวายโลกภายนอกนานแล้ว เขาทำเพียงปกป้องทหารส่วนตัวจำนวนสามพันนายของเขา หากไม่มีอะไรทำก็ได้แต่ฝึกทหาร

"มีอะไรเป็นไปไม่ได้กัน เจ้าคิดว่าดึกดื่นเช่นนี้ข้ากับหวังจิ่นหลิงไปที่ใดเล่า?" เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยความขุ่นเคือง

อวี่เหวินหยวนฮั่วตกตะลึงลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ "พวกเจ้าไปหาซู่ชินอ๋องหรือ พวกเจ้าเกลี้ยกล่อมซู่ชินอ๋องได้สำเร็จเชียวหรือ โอ้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก หากรู้ว่าพวกเจ้าสามารถโน้มน้าวซู่ชินอ๋องได้ ข้าจะให้เจ้าเข้าวังไปพบเสด็จอาเก้าเพื่อสิ่งใด เสียเวลาสิ้นดี"

อวี่เหวินหยวนฮั่วดีอกดีใจเสียจนเอามือตบโต๊ะ ถ้วยน้ำชาและกาน้ำชาสั่นไหว น้ำกระเด็นออกมาเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินเหล่ตามองดูอวี่เหวินหยวนฮั่ว แต่อวี่เหวินหยวนฮั่วกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาทำสีหน้าดีอกดีใจแล้วกล่าวว่า "หวังจิ่นหลิง เจ้าหมอนี่ไม่เลวเลย"

"เจ้าเปลี่ยนหน้าได้เร็วเหลือเกินนะ" การที่จะโมโหคนเช่นอวี่เหวินหยวนฮั่วนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็คงมีแต่ทำให้ตัวเองต้องหงุดหงิด

ตอนที่ยังไม่คุ้นเคยกับเขา รู้สึกว่าคนคนนี้ค่อนข้างลึกล้ำ ใบหน้าสง่างามน่าเกรงขามและไม่พูดมาก แต่หลังจากที่สนิทกันแล้วจึงได้เข้าใจว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมากล่าวทุกอย่างที่คิด

แม้ว่ายังคงมีความคิดอย่างประณีต แต่หากอยู่ต่อหน้าคนที่คุ้นเคยเขามักจะไม่ป้องกันใดๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ