นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 196

นางรู้ดีว่าจวนในยุคโบราณมีขนาดกว้างใหญ่ ปกติแล้วที่ประตูข้างจวนจะมีเกี้ยวเตรียมพร้อมไว้เสมอ แต่เนื่องจากสถานะเช่นนาง แต่ไหนแต่ไรมาก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสการดูแลที่ดีเลิศเช่นนี้ ไม่นึกเลยว่านางจะได้มานั่งเกี้ยวครั้งแรกที่จวนจิ้นหยางโหว จิ้นหยางโหวให้การต้อนรับขับสู้นางดีจริงๆ

เฟิ่งชิงเฉินถูกพามาที่เรือนจิ้นหยางโหวฮูหยิน เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าก็มีหญิงงามออกมารอรับนาง เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินมาแล้ว นางก็รีบเช็ดน้ำตา

"ท่านหมอเฟิ่ง ท่านพี่เชิญท่านมาได้แล้ว ช่างวิเศษจริงๆ"

อาการตื้นตันใจเช่นนี้ ราวกับว่าคนไข้เป็นแม่ของตัวเอง เฟิ่งชิงเฉินถอยหลังไป 1 ก้าว แล้วพิจารณาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ถือว่านางก็หน้าตาสะสวย แต่ก็ใช่ว่าจะงามอย่างไร้ที่ติ ดูๆไปก็เหมือนหญิงธรรมดา นอกจากใบหน้าของนางแล้ว ส่วนอื่นๆนางเทียบไม่ได้เลยกับฮูหยินหรือคุณหนูจวนอื่นๆ

เท่าที่นางสังเกตดู หรือว่าจะเป็นคนที่ตี๋ตงหมิงให้ความสนใจเป็นพิเศษ?

"ท่านหมอเฟิ่ง นางคือคุณหนูตระกูลเจียงผู้มีชื่อว่าเจียงอวี้ซิ่ว ฮูหยินสุขภาพไม่สู้ดี คุณหนูเจียงคอยดูแลฮูหยินมาตลอดเลยเจ้าค่ะ" สาวใช้ที่เอ่ยปากแนะนำนางเป็นคนของจิ้นหยางโหวฮูหยิน น้ำเสียงของสาวใช้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยพอใจคนที่ชื่อเจียงอวี้ซิ่วเท่าใดนัก

ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งมองนางอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินลองมองนางในฐานะผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองของตี๋ตงหมิง มองอย่างไรก็ไม่ค่อยถูกใจ เจียงอวี้ซิ่วไม่คู่ควรกับตี๋ตงหมิงเลยจริงๆ

ลักษณะการมองของเฟิ่งชิงเฉินถือเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยสุภาพนัก แม้จะเป็นการมองผู้ที่มีสถานะเทียบเท่ากันกับนางก็ถือว่าไม่สุภาพอยู่ดี

สาวใช้ของเจียงอวี้ซิ่วเห็นดังนั้นแล้วก็รู้สึกฉุนเฉียว "เฟิ่งชิงเฉิน ท่านจ้องอะไรน่ะ? คุณหนูของข้า ให้ท่านจ้องหน้าเช่นนั้นได้ด้วยหรือ"

สาวใช้คนนี้เป็นผู้ที่ดูแคลนเฟิ่งชิงเฉิน การแต่งกายของเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเครื่องประดับเลย ไม่เห็นเหมือนคุณหนูเลยสักนิด แต่ดูเหมือนเป็นชาวบ้านธรรมดามากกว่า

และในสายตาของพวกผู้ดีแล้ว พวกชาวบ้านนี่แหละเป็นอะไรที่กระจอกสิ้นดี

"อย่าเสียมารยาทสิ" เจียงอวี้ซิ่วดุสาวใช้เบาๆด้วยแววตาขุ่นเคือง

"แม่นางเจียง ชิงเฉินต้องขออภัยจริงๆค่ะ" เฟิ่งชิงเฉินไม่ใส่ใจคำพูดของสาวใช้ แต่กลับเอ่ยคำขอโทษนาง

"นานๆทีชิงเฉินจะได้เห็นผู้ที่มีรูปโฉมงดงามดังเช่นแม่นางเจียง ก็เลยจ้องมองจนตาค้างน่ะค่ะ"

คำพูดประโยคนี้จะฟังดูจริงใจหรือไม่นั้น แต่ออกปากชมกันเช่นนี้แล้ว ผู้ที่ถูกชมก็ทำตัวไม่ถูก......

จิ้นหยางโหวฮูหยิน ลูกพี่ลูกน้องของตี๋ตงหมิง รูปร่างหน้าตาไม่เด่นเท่าเจียงอวี้ซิ่ว แต่เมื่อดูจากบุคลิกและท่าทางการวางตัวแล้ว คนอย่างเจียงอวี้ซิ่วเทียบนางไม่ติดเลย

ทั้งสง่างามและเรียบร้อย แม้นางจะกำลังป่วยอยู่ แต่เมื่อมีแขกมาก็ไม่ได้รับแขกด้วยใบหน้าอิดโรย แต่กลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

สมแล้วที่นางเป็นฮูหยิน และเป็นนายหญิงใหญ่ของจวนนี้

จะหาภรรยาคู่ใจก็ต้องหาให้ได้ดีแบบนี้ จิ้นหยางโหวฮูหยินสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาพบเห็นได้ดีมาก

หลังจากการแนะนำตัวคร่าวๆแล้ว จิ้นหยางโหวฮูหยินก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้าคงต้องขอรบกวนท่านหมอเฟิ่งเสียแล้วล่ะ สุขภาพของข้านั้นคุ้มดีคุ้มร้าย"

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานและมีความเป็นกันเอง พร้อมกับยื่นมือมาให้เฟิ่งชิงเฉินตรวจ ข้อมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อผอมบางเสียจนน่าตกใจ ฮูหยินขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เหตุใดจึงผอมแห้งถึงเพียงนี้ แต่ใบหน้าจิ้นหยางโหวฮูหยินก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

ช่างน่านับถือยิ่งนัก!

เฟิ่งชิงเฉินพยายามวางสีหน้าให้นิ่งเฉย แล้ววางมือซ้ายของตนลงบนข้อมือของฮูหยิน

การจับชีพจร เฟิ่งชิงเฉินทำเป็น ช่วงที่นางสอนการแพทย์แผนตะวันตกให้กับซุนซือสิง นางก็ได้เรียนรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนจากซุนซือสิงเช่นเดียวกัน ทักษะเบื้องต้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับนาง

แต่ทว่า......ชีพจรนี้ทั้งคงที่และแข็งแรง ไม่เหมือนกำลังป่วยเลยนี่นา

นางจะมาขอพบลูกชายตนทำไม แต่ฮูหยินก็เป็นคนรู้จักคิด นางไม่เผยข้อสงสัยออกมา ได้แต่พยักหน้าและโปรยยิ้ม ในขณะที่จิ้นหยางโหวฮูหยินกำลังจะสั่งสาวใช้ไปเชิญลูกชายมา เฟิ่งชิงเฉินก็ได้เขียนตัวอักษรคำว่าอวี้ลงบนโต๊ะ

จิ้นหยางโหวฮูหยินจึงเข้าใจถึงสาเหตุที่นางต้องการพบลูกชายตน เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินต้องการจะเชิญคนออกไป หากไม่ใช่เพราะเจียงอวี้ซิ่วจะต้องไปเป็นฮูหยินของพระนัดดาซู่ชินอ๋อง เฟิ่งชิงเฉินคงไม่ทำเช่นนี้......

ไม่ว่าจิ้นหยางโหวฮูหยินจะสันนิษฐานเช่นใด นางก็ยอมทำตามที่เฟิ่งชิงเฉินบอก เจียงอวี้ซิ่วไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจทัดทานคำสั่งของจิ้นหยางโหวฮูหยินได้

เฟิ่งชิงเฉินใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบผลการวินิจฉัยจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ เมื่อทราบผลแล้วก็หน้าเสียในทันที

ได้รับพิษเรื้อรัง ไม่ทราบประเภทของสารพิษ

หลังจากที่เจียงอวี้ซิ่วออกไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ได้แต่นิ่งเงียบ เมื่อจิ้นหยางโหวฮูหยินสั่งให้ทุกคนออกไปจนหมดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็มองหน้านางด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

จิ้นหยางโหวฮูหยินเห็นการมองเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุก เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมพูดอะไร นางจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง "แม่นางเฟิ่ง มีอะไรก็ว่ามาตามตรงเถิด"

เฟิ่งชิงเฉินมองฮูหยินอย่างเห็นอกเห็นใจ "ฮูหยินคะ ท่านรู้หรือเปล่าว่าตัวเองถูกวางยาพิษ?"

จิ้นหยางโหวฮูหยินถึงกับมือไม้อ่อนแรง จนทำกำไลหยกตกแตก

"ฮูหยินเจ้าคะ" สาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกร้องขึ้นด้วยอาการตกใจ

"หากข้าไม่ได้สั่งก็ห้ามผู้ใดเข้ามาอย่างเด็ดขาด" จิ้นหยางโหวฮูหยินกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น นางถามเฟิ่งชิงเฉินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "แม่นางเฟิ่ง แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าข้าถูกพิษจากสิ่งใด?"

"สิ่งที่ข้าแน่ใจก็คือฮูหยินถูกพิษซึ่งเป็นพิษเรื้อรัง หากได้รับพิษในปริมาณน้อย จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนจะเป็นพิษชนิดใดนั้น ข้าต้องขออภัยในความสามารถที่มีจำกัดของข้าด้วย ข้ายังตรวจสอบไม่ได้ค่ะ แล้วข้าก็ถอนพิษไม่ได้ด้วย" กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับยาพิษมากนัก แต่ถึงจะมีงานวิจัยที่มากพอแล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อนางไม่รู้วิธีถอนพิษ

ล้างท้องหรือ? คงจะไม่ได้ นี่เป็นพิษเรื้อรังที่แทรกซึมไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายตั้งนานแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ