นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 197

จิ้นหยางโหวฮูหยินได้ฟังแล้วก็พยักหน้า ดวงตาของนางเริ่มแดงก่ำแต่ไม่มีน้ำตา "ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจแม่นางเฟิ่งมากๆ"

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก นางรู้ว่าจิ้นหยางโหวฮูหยินน่าจะสงสัยใครบางคน ไม่เช่นนั้นตอนที่ตนเพิ่งแจ้งนาง นางคงไม่ดูขุ่นเคืองอย่างที่เห็น

จิ้นหยางโหวฮูหยินโดนวางยา เรื่องนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าผู้ที่วางยานอกจากสามีของนางแล้วจะยังมีผู้ใดอีก ด้วยเหตุนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงเห็นใจนางมาก

จิ้นหยางโหวฮูหยินรับมือต่อสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม ไม่นานนัก สีหน้าของนางก็กลับมาเป็นปกติ นางขอร้องเฟิ่งชิงเฉินว่า "แม่นางเฟิ่ง ท่านจะช่วยข้าตรวจสอบเรื่องนี้ได้หรือไม่"

นางเชื่อมั่นในตัวเฟิ่งชิงเฉิน หมอคนก่อนหน้าจำนวนมากรวมไปถึงหมอหลวงยังไม่เคยมีใครตรวจพบว่านางถูกวางยามาก่อน ถึงแม้จะตรวจพบแต่ก็คงไม่กล้าพูด มีเฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียวที่ตรวจพบและกล้าบอกนางตามตรง

ญาติทางฝั่งนางเป็นที่พึ่งให้นางได้จริงๆ

จิ้นหยางโหวฮูหยินรู้สึกขอบคุณตี๋ตงหมิงยิ่งนัก หากไม่ได้เขาแล้วล่ะก็......

เมื่อนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้น จิ้นหยางโหวฮูหยินก็หวั่นใจยิ่งนัก

เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือนางจะไม่เข้าใจ การที่นางเจ็บออดๆแอดๆแล้วลูกพี่ลูกน้องของสามีก็รีบมาดูแลนาง แถมยังรับดูแลสามีและลูกของนางด้วย

หมายคร่าชีวิตนาง หลับนอนกับสามีนาง และพรากลูกไปจากนาง ผู้หญิงคนนี้ช่างเลือดเย็นเหลือเกิน

แล้วเจียงอวี้ซิ่วก็พาคุณชายน้อยมา คุณชายน้อยดูน่ารักเหมือนอย่างตุ๊กตา แต่ตุ๊กตาตัวนี้กลับไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับมารดา เขาอยู่แต่กับเจียงอวี้ซิ่วเท่านั้น

เรื่องพวกนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการก้าวก่าย หลังจากที่นางตรวจร่างกายให้คุณชายน้อยจนแน่ใจว่าเขาแข็งแรงดีแล้วก็กลับไปยังเรือนใหญ่ แล้วรายงานว่าจิ้นหยางโหวฮูหยินมีร่างกายที่อ่อนแอ จะต้องพักผ่อนให้มากๆ

จิ้นหยางโหวมีสีหน้าเริงระรื่น เขามองเฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่เฟิ่งชิงเฉินยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ

แม้แต่ภรรยาคู่ใจก็ยังทำได้ลงคอ ผู้ชายแบบนี้น่าจะตายๆเสียให้หมด

"เฟิ่งชิงเฉิน ญาติผู้น้องของข้าป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่?" ตี๋ตงหมิงสังเกตท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็รู้ทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ เมื่อออกมาจากจวนจิ้นหยางโหวแล้ว เขาก็เอ่ยถามนาง

"นางถูกวางยาพิษ" เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการปิดบังสิ่งใดทั้งนั้น

"ถูกวางยาพิษ?" ก็เห็นว่านางเป็นปกติดีแล้วจะถูกวางยาได้อย่างไร แล้วหมอคนก่อนหน้านี้ล่ะ? เป็นคนตายพูดไม่ได้หรืออย่างไร? คนถูกวางยาแต่กลับตรวจไม่พบ" ตี๋ตงหมิงโมโหเป็นอย่างมาก เขาแทบอยากจะย้อนกลับไปที่จวนจิ้นหยางโหวในทันที แต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินห้ามไว้

"ท่านซื่อจื่อ อย่าวู่วามสิ หากท่านโวยวายไปตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้จิ้นหยางโหวและฮูหยินต้องเสียหน้า" ต่อจากนี้ไปสองตระกูลนี้คงมีเรื่องบาดหมางกัน เรื่องบางเรื่องไม่ต้องจัดการด้วยวิธีเช่นนี้ก็ได้

"เฟิ่งชิงเฉิน นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้านะ ถ้าหากข้าไม่ ถ้าหากข้าไม่......ก็คงจะไม่รู้เรื่องเลย" ตี๋ตงหมิงรู้สึกเสียใจมาก......

ตี๋ตงหมิงบีบไหล่เฟิ่งชิงเฉินอย่างแรง เฟิ่งชิงเฉินเจ็บจนน้ำตาร่วง......

แม้ตี๋ตงหมิงจะไม่รีบกลับไปเล่นงานคนที่จวนจิ้นหยางโหว แต่เขากลับขี่ม้าออกนอกเมืองไป เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกร้อนใจ นางต้องการให้เขาปล่อยนางไป เพราะนางมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมาย ไม่มีเวลาออกนอกเมืองไปกับเขาในตอนนี้

แต่ตี๋ตงหมิงเป็นใครล่ะ?

พระนัดดาของซู่ชินอ๋อง เขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมาก แต่ความทรงอำนาจของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อกดขี่พวกชาวบ้าน แต่กลับมีไว้บีบบังคับชนชั้นสูง เขาพูดคำไหนคำนั้น ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ใดปฏิเสธ

แม้แต่ผู้ใหญ่ในตระกูลเขานางยังไม่หวาดหวั่น มีหรือที่นางจะกลัวเขา?

เจ้าก็แค่แสร้งทำเป็นอวดเก่ง

"มันก็แค่คำเรียกขานเท่านั้นเอง ท่านซื่อจื่อ ข้าขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะนะ เรื่องของเจิ้นกั๋วกงยังไม่ได้รับการสะสางเลย ข้าไม่อยากปวดหัวกับจวนจิ้นหยางโหวอีก ข้าก็แค่อยากเป็นหมอธรรมดาๆคนหนึ่งที่ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง" นี่เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

การยุ่งเกี่ยวกับซู่ชินอ๋อง องค์ชายชุนหยู และซุนเจิ้งเต้า เป็นเรื่องสุดท้ายที่นางอยากจะทำ

เสด็จอาเก้าเคยเตือนนางไปแล้ว หากนางไม่ต้องการอยู่ใกล้กับเสด็จอาเก้า ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปยุ่งวุ่นวายกับกลุ่มคนเหล่านั้น

"หมอธรรมดาๆงั้นหรือ? หมออย่างเฟิ่งชิงเฉินไม่ธรรมดาอยู่แล้ว หมอที่คิดค่ารักษาเป็นทองคำ 1 พันตำลึงได้ไม่ใช่ใครๆก็ทำได้เหมือนอย่างเจ้า"

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเคยพูดเองนี่ว่าเจ้าไม่อยากออกมารักษาผู้คนถึงจวนของผู้ป่วย แล้วเจ้าก็คิดค่ารักษาตามอำเภอใจเจ้า ข้าจะบอกให้นะ ตอนนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์จะพูดจาเช่นนั้นแล้ว อย่าว่าแต่จวนซู่ชินอ๋องเลย แม้แต่จวนจิ้นหยางโหว หากเขาเรียกตัวเจ้า เจ้าก็ต้องรีบไป"

"เฟิ่งชิงเฉิน นี่เจ้ายังคิดว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วยังอยู่กับเจ้าอีกหรือไง? อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาพาทหาร 3 แสนกว่านายออกไปอยู่ห่างจากศูนย์กลางพระราชอำนาจ เขาไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อีกแล้วนะ"

"ส่วนเสด็จอาเก้าก็มีอำนาจอยู่พอตัว แต่อย่าลืมว่าเขาไม่มีอำนาจทางการทหาร แถมยังมีฮ่องเต้คอยจับตาทอดพระเนตรอยู่ตลอด เขาไม่มีกำลังพลเหมือนอวี่เหวินหยวนฮั่ว ไม่อาจจะปกป้องเจ้าได้อย่างเต็มที่"

"ส่วนหวังจิ่นหลิงนั่น เจ้าเองคงจะรู้ดีว่าสถานการณ์ของตัวเขาเองยังแทบจะไม่รอด แล้วเจ้ายังอยากไปเป็นภาระของเขาอีกหรือ? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมหวังจิ่นหลิงจึงหนีออกไปนอกเมืองหลวง? ก็เพราะเจ้าอย่างไรล่ะ เขาพาเจ้ามาที่จวนซู่ชินอ๋อง ทำให้คนตระกูลหวังหลายๆคนเกิดความไม่พอใจ ครอบครัวของเขาจำต้องให้เขาออกไปนอกเมืองหลวง เพื่อหลีกหนีคำติฉินของคนตระกูลหวังคนอื่นๆ"

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างธรรมดา หากเจ้าไม่อยากถูกกลั่นแกล้งก็ต้องรู้จักปกป้องตัวเองนะ ในเมืองหลวงน่ะ สิ่งที่เจ้าทำได้ก็คือการถีบตัวเองให้โดดเด่นกว่าผู้ใด ให้กลายเป็นคนสำคัญให้ได้ จนถึงขั้นฮ่องเต้ก็ต้องทรงหวั่นเกรงได้เลยก็ยิ่งดี เป็นเหมือนกับปู่ของข้าและเสด็จอาเก้า" คำพูดประโยคหลังสุด ตี๋ตงหมิงกระซิบบอกเฟิ่งชิงเฉินที่ข้างหู

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ