หลานจิ่วชิงต้องทนทุกข์มาหลายปี ปู้จิงหยุนและซูเหวินชิงรู้เห็นมาตลอด เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว ทั้งสองก็ไม่อาจตำหนิอะไรได้ ภาระหน้าที่ที่จิ่วชิงแบกรับช่างหนักหน่วงเหลือเกิน
การแบกรับหน้าที่จัดการราชวงศ์รุ่นก่อนเพียงคนเดียว การใช้ชีวิตท่ามกลางคมหอกคมดาบตามลำพัง เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาตัวเองให้รอดตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า ความทุกข์เช่นนี้คนทั่วไปคงไม่อาจแบกรับได้ พวกเขาได้แต่มองดูจิ่วชิงด้วยความห่วงใย
ปู้จิงหยุนและซูเหวินชิงสงสารหลานจิ่วชิง แต่ก็ทำได้เพียงแค่สงสาร พวกเขาสามารถช่วยรับฟังหลานจิ่วชิงได้ แต่ไม่อาจช่วยหลานจิ่วชิงทำอะไรได้เลย หลานจิ่วชิงยืนอยู่ในที่ที่สูงส่ง ต้องเผชิญกับกลอุบายลับต่างๆนานา เขาต้องเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง
เมื่อเห็นหลานจิ่วชิงเป็นกังวล ซูเหวินชิงก็ชวนคุยเรื่องอื่น "จิ่วชิง อวี่เหวินหยวนฮั่วส่งข่าวมาว่า พบรอยเท้าคนบนเนินดินของเป่ยหลิง เขาได้ไปสำรวจดูด้วยตัวเองแล้ว แต่น่าเสียดายที่ถูกฝ่ายตรงข้ามกีดกัน อวี่เหวินหยวนฮั่วสงสัยว่าคนพวกนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ในอดีต เขาอยากให้เจ้าส่งคนไปช่วยเขาอีกแรง"
อวี่เหวินหยวนฮั่วเป็นแม่ทัพ สันทัดด้านการเป็นผู้นำทัพ วิทยายุทธอาจไม่เทียบเท่าเหล่าจอมยุทธ์ การปีนเนินไปสำรวจอาจไม่ปราดเปรียวเท่าที่ควร
"คนของราชวงศ์ในอดีต?" หลานจิ่วชิงย้ำถามอีกครั้ง อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่มีทางคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย การที่เขาพูดอย่างชัดเจนแสดงว่าต้องมีหลักฐานแน่
เมื่อนึกถึงฟ้าร้องในวันนี้ หลานจิ่วชิงก็รู้สึกคลุมเครือ หรือนี่อาจเป็นลิขิตจากสวรรค์ "จิงหยุน เหวินชิง พวกเจ้าได้สังเกตหรือไม่ หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัว เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ในอดีตก็ค่อยๆปรากฏทีละเรื่อง แล้วพวกเราก็ทำภารกิจได้ราบรื่นมากขึ้น เหมือนว่านางจะมีพลังบางอย่างที่เรามองไม่เห็นมาช่วยให้เราพบเจอเงื่อนงำในอดีตมากขึ้น"
ปกติแล้ว หลานจิ่วชิงจะไม่คิดเรื่องประเภทนี้ แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขารู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องจะมีส่วนเกี่ยวโยงกับเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อเรื่อง "โชคชะตา" แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่าเรื่องบางเรื่องอาจต้องใช้คำว่า "โชคชะตา" มาช่วยอธิบาย
คำพูดของหลานจิ่วชิงทำให้ปู้จิงหยุนและซูเหวินชิงครุ่นคิด ทั้งสองมองตากันแล้วพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นทั้งสองก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า "หรือว่า เฟิ่งชิงเฉินจะเป็นเฟิ่งหลีอ๋องที่ถูกลิขิตมาตามที่คนตระกูลเฟิ่งหลีเคยกล่าวไว้?"
"เฟิ่งหลีอ๋องที่ถูกลิขิตมา?" หลานจิ่วชิงส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้ ตำแหน่งเฟิ่งหลีอ๋องสืบทอดผ่านผู้ชายเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเป็นเฟิ่งหลีอ๋องไปได้หรอก แล้วอีกอย่างโชคชะตาคืออะไร ขอเพียงเจ้าประสบความสำเร็จ นั่นแหละเรียกว่าโชคชะตาฟ้าลิขิต"
"หากคนตระกูลเฟิ่งหลีมองเห็นโชคชะตาจริงๆ แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้ตระกูลเฟิ่งหลีล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาล่ะ อย่าคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย โชคชะตาคนเราขึ้นอยู่กับตัวเราหาใช่สวรรค์ลิขิต หากเชื่อเรื่องโชคชะตา แล้วสิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่ในตอนนี้มันคืออะไรล่ะ? ที่ตระกูลหลานต้องมาล่มจม มันเป็นเพราะพรหมลิขิตสินะ"
นี่คือคำพูดที่หลานจิ่วชิงบอกกับปู้จิงหยุนและซูเหวินชิง ไม่มีอะไรในโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในขณะเดียวกันเขาก็บอกกับตัวเอง อย่าผิดพลาดเพราะคำว่า "โชคชะตา" เขาจะล้มลงไม่ได้แล้ว เพราะหากล้มลงแล้วคงไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
"เจ้าพูดถูก หากเราทำทุกอย่างโดยเชื่อเรื่องสวรรค์ลิขิต เราก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ ต่อให้โชคชะตามีอยู่จริง เราก็ต้องฟันฝ่าเรื่องบางเรื่องเองอยู่ดี" ปู้จิงหยุนแววตาส่องประกาย เหมือนเขากำลังมองหลานจิ่วชิงอย่างทะลุปรุโปร่ง......
หลานจิ่วชิงก็ดูเหมือนจะรู้ว่าปู้จิงหยุนกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มเพียงเล็กน้อย ตอนนี้หลานจิ่วชิงไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว เขาย้อนกลับมาพูดเรื่องอวี่เหวินหยวนฮั่วอีกครั้ง "เรื่องที่ทำให้อวี่เหวินหยวนฮั่วคลางแคลงใจจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่นอน จิงหยุน เจ้าส่งปู้ฝานไปดูที ให้เขาคอยช่วยอวี่เหวินหยวนฮั่วสืบเรื่องรอยเท้าอีกแรงนะ"
ช่างเถอะ เขาไม่ขอรับรู้อะไรทั้งนั้น ปู้จิงหยุนเองก็คงยอมเป็นหมากบนกระดานของจิ่วชิง แล้วเขาจะไปยุ่งอะไรด้วย ให้มาเป็นกังวลเรื่องนี้ สู้ไปครุ่นคิดเรื่องที่ใหญ่โตกว่านี้จะดีกว่า เพราะในเวลานี้ผู้ที่ยังจำภารกิจสำคัญได้ก็เหลือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
"จะจัดการหนานหลิงจิ่นฝานกับซูหว่านอย่างไรดี? ตอนนี้เสด็จอาเก้าก็ไม่ไว้หน้าซูหว่านเอาเสียเลย หลังจากที่หนานหลิงจิ่นฝานมาที่ตงหลิงแล้วก็เริ่มสร้างความลำบากให้เสด็จอาเก้า อย่าลืมว่าตอนแรกเขาเคยสร้างตำหนักใต้ดินในตงหลิง แล้วทุกอย่างต้องมาพังทลายด้วยน้ำมือของเสด็จอาเก้า ชีวิตของเขาก็เกือบจะถูกฝังด้วยน้ำมือของเสด็จอาเก้า ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างเขา คงไม่ปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดมือไปแน่นอน" ระหว่างแผ่นดินกับหญิงงาม เรื่องของแผ่นดินย่อมมาก่อนเสมอ นี่คือสิ่งที่ซูเหวินชิงอยากพูดให้หลานจิ่วชิงฟัง แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันดุดันของเขาแล้วก็ได้แต่เก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด เขาจะแยกแยะหลานจิ่วชิงและเสด็จอาเก้าเป็น 2 คนอยู่เสมอ นี่คือคำขอของหลานจิ่วชิง เพราะการมองหลานจิ่วชิงและเสด็จอาเก้าเป็นคนละคนกันจะปกปิดข้อบกพร่องได้ดีกว่า และไม่ทำให้คนอื่นได้ตั้งข้อสังเกต
"ตอนนั้นเสด็จอาเก้าไม่ได้ฆ่าเขา นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้เอาเรื่องนี้มาพูดมันก็เปล่าประโยชน์ เรื่องหนานหลิงจิ่นฝานปล่อยให้โจวสิงที่เป็นองค์ชายใหญ่แห่งหนานหลิงจัดการไปก็แล้วกัน ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกเขาว่าหนานหลิงจิ่นสิง ด้วยฝีมืออย่างหนานหลิงจิ่นสิง ข้าเชื่อว่าหนานหลิงจิ่นฝานคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานหรอก"
"ส่วนเรื่องตระกูลซูแห่งหนานหลิง แม้จะมีอำนาจมาก แต่ความเกี่ยวโยงของเขากับซีหลิงและหนานหลิงค่อนข้างจะซับซ้อน การแต่งงานกับซูหว่านอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซูอย่างเต็มที่ เช่นนี้แล้ว ไม่สู้ปฏิเสธซูหว่านแล้วมาเข้าพวกกับตระกูลเย่แห่งเย่เฉิง ตระกูลเย่มีผลประโยชน์กับพวกเรามากกว่า แผ่นดินนี้ไม่เคยขาดสงคราม ดังนั้นกองกำลังจึงถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา"
การปฏิเสธซูหว่านแม้จะเป็นการกระทำที่บุ่มบ่าม แต่เสด็จอาเก้าสามารถทำให้ผลลัพธ์จากเรื่องนี้ไม่รุนแรงอย่างที่คิด เพียงแค่ลงทุนลงแรงสักเล็กน้อย ก็สามารถส่งซูหว่านไปยัง"ที่ของนาง"ได้......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...