ตระกูลหวัง ทำตัวคล้ายซี่โครงไก่เสียจริง ในยามนี้เสด็จอาเก้าจึงหยุดพักความคิดที่จะเอาชนะหวังจิ่นหลิง
เป็นเช่นนี้ก็ดี ในเมื่อมีตระกูลหวังออกหน้าปกป้องเช่นนี้ แม้ว่าตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินจะต้องถูกเปิดเผย ก็หาได้เป็นอันตรายมากไม่ อวี่เหวินหยวนฮั่วที่พบคนจากเป่ยหลิงเยี่ยนนั้น ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่เฟิ่งและตระกลูหลานอย่างแน่นอน ในยามนี้มีเรื่องราวมากมายกำลังรุมล้อมมากนัก หากตระกูลหวังสามารถรักษาความเป็นกลางเอาไว้ได้ เขาก็พอใจ
ที่หวังจิ่นหลิงมาในวันนี้ เขามาเพราะเฟิ่งชิงเฉิน หรืออีกอย่างหนึ่งที่เขารับหน้าที่เป็นผู้นำตระกูลหวังนั้น ก็เพื่อเฟิ่งชิงเฉินด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่า หากเขาเป็นผู้นำตระกูลหวังนั้น เขามีฐานะพอที่จะห้ามปรามหนานหลิงจิ่นฝานได้
ท่าทางอาการกรุ่นโกรธของหวังจิ่นหลิงนั้น เขาหาได้เสแสร้งแกล้งทำไม่ แต่เป็นเพราะเขาโกรธจริง ๆ อาจจะเพราะว่า แต่ก่อนหวังจิ่นหลิงมักจะสะกดกลั้นอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขามักจะมีภาพลักษณ์เป็นคุณชายใหญ่ที่อ่อนโยนอยู่เสมอ แต่ในยามนี้ สายตาของหวังจิ่นหลิงคล้ายกับใบมีดที่คมกริบยิ่งนัก สายตาพลันกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยง ทุกคนที่ได้เห็นแววตาของหวังจิ่นหลิงในยามนี้นั้น ต่างก็พากันก้มหัวลงเพื่อหลบสายตาของเขา
"เป็นท่านที่ลงมือหรือ? องค์ชายสาม?" สายตาของหวังจิ่นหลิงพลันไปหยุดที่หนานหลิงจิ่นฝาน แม้ว่าจะเป็นคำถามที่ดูมิได้มีความหมายอันใด แต่แท้จริงแล้วคล้ายจะเป็นการซักถามเสียมากกว่า
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึงมากที่สุดก็คือ ท่าทีที่อวดดีหยิ่งยโสของหนานหลิงจิ่นฝานนั้น กลับมาก้มหัวให้กับหวังจิ่นหลิง คล้ายกับท่าทีเด็กน้อยยิ่งนัก"ขอรับ"
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ผู้ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง พลันลอบยิ้มออกมา หากแต่ผู้ที่ไม่รู้ความพลันทำหน้างงไปในทันที
"ช่างหาญกล้ายิ่งนัก นางเป็นผู้มีพระคุณของข้า เจ้ากล้าตีนางหรือ?" ที่แท้ สถานะของคุณชายใหญ่กับท่านผู้นำตระกูลย่อมไม่เหมือนกัน ในยามที่หวังจิ่นหลิงเป็นเพียงคุณชายใหญ่นั้น เขาทั้งสุภาพและอ่อนโยนราวกับคุณชายหน้าหยก ไม่เคยทำตัวก้าวร้าว หรือใช้อำนาจในการกดขี่ผู้อื่นไม่ ทว่า หลังจากที่รับตำแหน่งท่านผู้นำของตระกูลนั้น การวางตัวของเขาพลันเปลี่ยนไป
หากผู้นำตระกูลหวังอ่อนโยนเกินไปนั้น ย่อมอาจถูกผู้อื่นดูเบาเอาได้
"กระหม่อม ข้า ไม่รู้" หนานหลิงจิ่นฝานรู้สึกอับอายยิ่งนัก ทว่า เมื่อนึกถึงคำพูดฝากฝังของเสด็จพ่อนั้น รวมไปถึงภารกิจที่ตนเองได้รับมาตั้งแต่ยังเด็กด้วย ฉะนั้น หนานหลิงจิ่นฝานจึงไม่กล้าที่จะต่อต้านมากนัก
จักรพรรดิย่อมรู้สึกเป็นห่วงอย่างแน่นอน แต่ทว่า เขาก็ชอบที่จะดูงิ้วด้วยเช่นกัน ทว่า การมาของหวังจิ่นหลิงนั้น ฝ่าบาทยังคงรู้สึกสงสัย สายตาพลันกวาดตามองไปยังเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ แต่ทว่าสีหน้าของเสด็จอาเก้าพลันแข็งค้างราวกับภูเขาไท่ซาน
เฮ้อ ถึงอย่างไรก็ยังมองไม่ออก ฝ่าบาทพยายามที่จะระงับความสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจเอาไว้ พร้อมกับมองหนานหลิงจิ่นฝานที่กำลังทำหน้ากลืนยาขมต่อไป
"ไม่รู้หรือ? องค์ชายสาม คำว่าไม่รู้หาใช่เหตุผลไม่" หวังจิ่นหลิงหาได้สนใจในเหตุผลไม่ เขาเพียงแค่ไม่อยากปล่อยคนผู้นี้ไปอย่างง่ายดาย คุณชายใหญ่เป็นเพียงชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น ในมือหาได้มีอำนาจอันใดไม่ แต่มิเหมือนกับหน้าที่ของผู้นำตระกูลหวัง ถึงแม้ว่าอีกสามแคว้นจะมิได้สนใจในตระกูลหวังมากนัก แต่หนานหลิงให้ความสนใจ อีกทั้งยังไม่กล้าแตะต้องตระกูลหวังอีกด้วย
"นางก็ตีข้าเช่นกัน เสด็จอาเก้าเองก็เตะข้าด้วย" หนานหลิงจิ่นฝานพลันเอียงแก้มด้านซ้ายมาให้หวังจิ่นหลิงดู หากเทียบกับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ใบหน้าของหนานหลิงจิ่นฝานนั้นดูน่ากลัวกว่ามาก แต่ทว่า อาการเจ็บบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกลับถูกลงน้ำหนักมากกว่า
"ตีเจ้า ?นั่นย่อมเป็นเรื่องที่สมควร เป็นชายชาตรีเสียอย่าง กลับคิดเล็กคิดน้อยแม้กระทั่งสตรี ราชวงศ์หนานหลิงช่างสั่งสอนเจ้าได้ดียิ่งนัก" ยิ่งพูดหวังจิ่นหลิงยิ่งโมโห หากเขามาเร็วกว่านี้ มันจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับชิงเฉินแล้ว
"ท่านผู้นำ ท่านอย่าได้ลำเอียงเช่นนี้" หนานหลิงจิ่นฝานพลันเงยหน้าขึ้นมอง ทว่า ภายในดวงตาเรียวหงส์นั้น หาได้มีแววตาของไอสังหารไม่ แต่กลับรู้สึกคับข้องใจเสียมากกว่า
"ลำเอียง? ไหนเจ้าลองพูดมาเสีย ว่าข้าลำเอียงเช่นไร เป็นเจ้าที่เริ่มดุด่าเฟิ่งชิงเฉินก่อนใช่หรือไม่? เป็นเจ้าที่เป็นคนเริ่มลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินก่อนใช่หรือไม่?" เมื่อคิดถึงยามที่หนานหลิงจิ่นฝานดุด่าเฟิ่งชิงเฉินนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเตะหนานหลิงจิ่นฝานให้กลับแคว้นหนานหลิงไปในทันที
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเข้มแข็งเสียจนทำข้ารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก สตรีที่ร่าเริงสดใส มิควรจะมาถูกกระทำตัวทำให้อับอายเช่นนี้
"เป็นเช่นนั้นไม่ผิด แต่นางก็ด่าข้าเช่นกัน แล้วก็ตีข้า นางหาได้เสียเปรียบไม่" หนานหลิงจิ่นฝานยังคงพูดขึ้น "ผู้ที่เสียเปรียบมากที่สุดย่อมต้องเป็นข้า"เมื่อเห็นแววตาที่เย็นชาของหวังจิ่นหลิงนั้น หนานหลิงจิ่นฝานจึงปิดปากตนเองแต่โดยดี
"ไม่เสียเปรียบ? องค์ชายสามช่างหาเหตุผลออกมาได้ดีเสียจริง ถ้าหากข้านำคำพูดที่เจ้าใช้ด่าเฟิ่งชิงเฉินเมื่อครู่ ไปพูดใส่เสด็จแม่ของเจ้า เพื่อให้เสด็จแม่ของเจ้าด่าข้ากลับมา เจ้ายินยอมหรือไม่?"
หนานหลิงจิ่นฝานพลันตกตะลึงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งรีบเอ่ยขอร้องขึ้นมาว่า "ท่านผู้นำตระกูล ท่านมิควรทำลายชื่อเสียงเสด็จแม่ของข้า"
เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของหวังจิ่นหลิงนั้น แม้ว่าจะเป็นคำพูดโกหกหลอกลวง ก็สามารถทำให้ผู้คนสามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจ เพราะว่า ชื่อเสียงของหวังจิ่นหลิงโด่งดังยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ล้วนแต่ให้ความเคารพนับถือเขา
"เจ้าก็รู้หรือ ว่าคำพูดเช่นนั้นจะกระทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เสด็จแม่ของเจ้ามีชื่อเสียง แล้วเฟิ่งชิงเฉินมิต้องการหรือ? องค์ชายสาม อย่าไปทำในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบกับผู้อื่น ข้าไม่สนว่าท่านอยู่ที่หนานหลิงท่านจะประพฤติตัวเช่นไร แต่ที่นี่คือตงหลิง เจ้าต้องเคารพกฎระเบียบของตงหลิงด้วย" หวังจิ่นหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดอบรมหนานหลิงจิ่นฝานออกมาเป็นชุด อีกทั้ง น้ำเสียงที่พูดออกไปนั้น นับว่าเป็นน้ำเสียงของผู้บังคับบัญชา
เฟิ่งชิงเฉินที่ได้ฟังพลันรู้สึกสับสนยิ่งนัก ยามที่นางคิดจะถามกับเสด็จอาเก้านั้น เสด็จอาเก้าเอาแต่ทำหน้านิ่ง ๆ ทั้งยังไม่เอ่ยคำอธิบายออกมาให้นางฟังอีก
"จิ่นฝานทราบแล้ว" แม้ว่าหนานหลิงจิ่นฝานจะไม่ค่อยอยากโต้เถียงมากนัก แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พอจะรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา
"องค์ชายสามต้องการหลักฐานใช่หรือไม่เพคะ? ชิงเฉินจะให้พยานกับท่านคนหนึ่งเป็นอย่างไร" เฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มออกมา แต่ทว่า เพราะใบหน้าของนางที่ได้รับบาดเจ็บ รอยยิ้มที่เผยออกมาให้เห็นนั้น จึงดูแปลกประหลาดยิ่งนัก ทั้งยังทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกขนหัวลุกเหนือคำบรรยายขึ้นมาแทน โดยเฉพาะซีหลิงเทียนเหล่ย จู่ ๆ ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันรับรู้ได้จากสัญชาตญาณบางอย่าง ว่าตนเองจะได้เปลี่ยนสถานะจากผู้นั่งชมงิ้ว กลายมาเป็นผู้ร่วมแสดงงิ้วเช่นกัน
ในไม่ช้า ความคิดของซีหลิงเทียนเหล่ยพลันกลายเป็นความจริงขึ้นมาในทันที เฟิ่งชิงเฉินชี้นิ้วมาทางเขาในทันที "องค์ชายสามเพคะ ท่านมิใช่กล่าวว่าข้าเสียพรหมจรรย์ก่อนงานมงคลสมรสของตนงั้นรึ? เช่นนั้น ชิงเฉินจะบอกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้เป็นอย่างไร เขาย่อมรู้ดีว่าแท้จริงแล้วชิงเฉินบริสุทธิ์หรือไม่"
"องค์รัชทายาทเหล่ย?" หนานหลิงจิ่นฝานพลันหันไปตามนิ้วที่เฟิ่งชิงเฉินชี้มา ก็พลันเห็นสีหน้าที่แข็งค้างของซีหลิงเทียนเหล่ยในทันที ในที่สุด เขาก็พอใจเรื่องราวทุกอย่างขึ้นมา "ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว"
ทุกคนที่นั่งอยู่ภายในงาน ล้วนแต่เป็นพวกหัวกะทิกันทั้งนั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีความร้ายกาจแต่ก็มีขอบเขตของมัน อีกทั้งผู้ที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างหาได้มีเพียงหนานหลิงจิ่นฝานไม่ ในยามนี้ ทุกคนพลันหันหน้าไปมองซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นตาเดียวกันหมด สายตาที่มองทั้งเต็มไปด้วยการประเมินสถานการณ์ตรงหน้า แต่ทว่าก็เจือไปด้วยความดูหมิ่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เหตุการณ์ในวันงานมงคลสมรสของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ดูอย่างไรก็ต้องมีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง แต่เรื่องนี้
ซีหลิงเทียนเหล่ยที่คิดว่าตนเองสามารถควบคุมท่าทีความสงบของตนเองได้แล้วนั้น ทว่า เมื่อมาพบเจอผู้คนจ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียวเช่นนี้ เขายังคงรู้สึกอับอายยิ่งนัก แม้แต่ใบหูพลันแดงก่ำไปในทันที เขารู้สึกว่า ทุกคนภายในงานกำลังพูดต่อว่าเขาอย่างเสีย ๆ หาย ๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น
พลังของคำว่าข่าวลือนั้น น่ากลัวเป็นอย่างมาก มีเพียงไม่กี่คนในใต้หล้าที่สามารถต้านทานการโจมตีของข่าวลือได้ อย่างน้อยซีหลิงเทียนเหล่ยก็ไม่อาจทำได้ ไม่ว่าผู้คนนับร้อยจะพูดถึงเขาเช่นไร เขาต้องนั่งทำทีว่าไม่อะไรเกิดขึ้นนั้น เขาไม่อาจทำใจทำเช่นนั้นได้
"คุณหนูเฟิ่ง จะพูดอะไรย่อมต้องมีหลักฐาน เปิ่นกงมิได้พูดง่ายเหมือนกับองค์ชายสามไม่" ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินในทันที
เขามิคิดเลยว่า เฟิ่งชิงเฉินจะหาญกล้าได้มากถึงเพียงนี้ แม้ว่าเรื่องนี้จะเงียบลงไปแล้ว นางกลับมิคิดปล่อยเรื่องนี้ไปโดยดี ทั้งยังมาหาเรื่องเขาเช่นนี้อีก เป็นเพราะยืมอำนาจมาจากหวังจิ่นหลิงงั้นหรือ?
"องค์รัชทายาทเหล่ยจะพูดออกมาหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี เหตุใดองค์รัชทายาทเหล่ยถึงมีท่าทีตื่นเต้นนักเล่า หากท่านมิได้ทำชั่ว จักต้องหวาดกลัวไปไย หาได้มีความจำเป็นต้องสนใจคำพูดของชิงเฉินไม่" เฟิ่งชิงเฉินจับอาภรณ์ของตนเองลูบไปมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับเอียงหัวลงเล็กน้อย เพื่อซ่อนแววตาที่เผยความรังเกียจเขาออกมา แต่ในสายตาของผู้คนที่มองนางมาอยู่นั้น พลันรู้สึกว่านางกำลังพูดจาดูถูกและมิต้องการพูดคุยกับซีหลิงเทียนเหล่ยมากนัก
ถึงแม้ว่าจะมิได้มีหลักฐาน แต่ทุกคนที่อยู่ภายในงานกลับนำคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเก็บไปคิดทบทวนด้วยตนเองแล้ว
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากว่ามิใช่ความจริง แม้ว่าจะมีแรงสนับสนุนของตระกูลหวังอยู่ แต่เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเด็กสาวกำพร้า จะกล้ากัดองค์รัชทายาทซีหลิงไม่ปล่อยได้อย่างไร
งานเลี้ยงในวันนี้ จะเป็นตัวทำให้ตงหลิง หนานหลิงและซีหลิง สามแคว้นนี้เกิดทะเลาะวิวาทกันหรือไม่ หรือว่าใต้หล้ากำลังจะตกอยู่ความอลหม่านแล้วหรือ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...