ภายในเมืองหลวง จะดูหมิ่นผู้ใดก็ย่อมได้ แต่จะดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ การดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการดูหมิ่นเสด็จอาเก้าเสียอีก
รัชทายาทเดินมายังห้องโถง เขารีบเอ่ยปากก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะลุกขึ้นคารวะ "ชิงเฉิน ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก ในจวนของข้า ไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอกนะ"
"ขอบพระทัยเพคะ รัชทายาท แต่เรื่องธรรมเนียมการปฏิบัตินั้นคงไม่อาจละเลยได้" ยิ่งรัชทายาทพูดเช่นนั้น นางก็ต้องยิ่งระมัดระวังตัว เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวคารวะ รัชทายาทเห็นดังนั้นแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาเพื่อพานางไปนั่ง
"ชิงเฉิน เวลาที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ต่อหน้าข้าเจ้าไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมายหรอกนะ เสด็จอายังไม่รับการคำนับจากเจ้าเลย แล้วข้าจะรับมันได้อย่างไร"
หลักๆก็เป็นเพราะเสด็จอาเก้าอีกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยืนฟังเงียบๆ รอจนรัชทายาทนั่งลงแล้ว นางจึงค่อยๆนั่งลง
เรื่องการคารวะจากเฟิ่งชิงเฉินนั้น แม้รัชทายาทจะบอกนางไปเช่นนั้น แต่ในใจของเขากลับนึกชื่นชมนางอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงที่เป็นที่โปรดปรานแต่ก็ไม่วางตัวเย่อหยิ่ง ผู้หญิงเช่นนี้จึงจะเดินต่อไปได้ยาวไกล ผู้หญิงที่เสด็จอาทรงหมายตาช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินบาดเจ็บแพร่หลายในวงกว้าง รัชทายาทเองจึงอดถามไถ่ไม่ได้ "ดูเหมือนว่าอาการของชิงเฉินจะดีขึ้นมากแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าก็อยากหาเวลาไปเยี่ยมเจ้า แต่งานข้ายุ่งจนปลีกตัวไปเยี่ยมไม่ได้เลย"
รัชทายาทส่งยิ้ม ใบหน้าเขามีเลือดฝาดทั่วหน้า แววตาของเขากำลังยิ้มอย่างจริงใจ
ตงหลิงจื่อลั่วและตงหลิงจื่อโจวเคยมีเรื่องกับเสด็จอาเก้าไว้หลายเรื่อง ช่วงนี้พวกเขากำลังถูกกดดัน ส่วนรัชทายาทกลับอยู่สุขสำราญดี ทำสิ่งใดก็ราบรื่นอยู่เสมอ
"ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใยเพคะ อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่ควรรบกวนรัชทายาทหรอกเพคะ" เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าแสดงความเคารพ ตั้งแต่ที่นางได้พบปะพูดคุยกับรัชทายาทมา นางรู้ดีว่ารัชทายาทเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ปากบอกไม่เป็นไร แต่ใครจะรู้ว่าในใจเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากเดือดร้อนเพราะรัชทายาท และไม่อยากเสียเวลากับเขาไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อรัชทายาทเอ่ยถามว่านางมาด้วยธุระเรื่องใด เฟิ่งชิงเฉินจึงแจ้งจุดประสงค์ของตนเอง "รัชทายาท ที่ชิงเฉินมาในวันนี้ก็เพราะเรื่องการแข่งขันระหว่างชิงเฉินและซูหว่าน เนื่องจากชิงเฉินบาดเจ็บ ทำให้การแข่งขันทั้งสองรายการต้องเลื่อนเวลาออกไป ชิงเฉินละอายใจเหลือเกิน"
ในตอนแรก เฟิ่งชิงเฉินก็อยากเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆจนซูหว่านถึงทางตัน ให้เหมือนกับตอนที่นางเล่นงานหนานหลิงจิ่นฝาน หนานหลิงจิ่นฝานเพิ่งจะกลับหนานหลิงเมื่อไม่นานมานี้ เขามาอยู่ตงหลิงนานเกินไปแล้ว หากยังอยู่ที่นี่ต่อไป อำนาจของเขาที่หนานหลิง ก็อาจถูกหนานหลิงจิ่นสิงลิดรอนไปจนหมด
เฟิ่งชิงเฉินทราบเรื่องหนานหลิงจิ่นฝานและโจวสิงดี นางไม่แปลกใจแม้แต่น้อย โจวสิงกับหนานหลิงจิ่นฝานมีบางส่วนที่เหมือนกัน เมื่อทราบข่าวว่าหนานหลิงจิ่นฝานถูกโจวสิงเล่นงาน เฟิ่งชิงเฉินก็สะใจยิ่งนัก
แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินหงุดหงิดก็คือ หลังจากที่หนานหลิงจิ่นฝานกลับไปแล้ว เย่เย่ที่เป็นญาติผู้พี่ของซูหว่านกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แถมเขายังสนิทสนมกับซีหลิงเทียนเหล่ยมากจนเสมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน
"ชิงเฉินอย่าคิดมากไปเลย เรื่องการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องที่เจ้าตั้งใจเสียหน่อย พักรักษาตัวต่ออีกนิดแล้วค่อยกลับมาแข่งก็ได้นี่ การแข่งขันจะได้ยุติธรรมมากขึ้นอย่างไรล่ะ แต่ดูท่าทางคุณหนูซูหว่านจะรีบร้อนมากเลยนะ" รัชทายาทเน้นย้ำเรื่องนี้ให้เฟิ่งชิงเฉินฟังว่าหากยืดเวลาการแข่งขันต่อไปจะเป็นผลดีต่อนางเอง
เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ "ขอบพระทัยรัชทายาทที่ทรงเข้าพระทัยเพคะ อาการบาดเจ็บของชิงเฉินก็หายดีแล้ว พรุ่งนี้ชิงเฉินก็สามารถลงแข่งได้แล้วเพคะ" นางคิดมาดีแล้ว หากการแข่งขันนี้ไม่จบสิ้นเสียที ทุกความเคลื่อนไหวของนางก็จะมีคนจับตามองอยู่ตลอด ทำให้นางไม่มีอิสระ จะทำสิ่งใดก็ติดขัดไปหมด
นางกับเสด็จอาเก้าเริ่มต้นความร่วมมือครั้งนี้ได้สำเร็จ เรื่องตรงหน้ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว นางกำลังช่วยเสด็จอาเก้าเก็บรวบรวมวัตถุดิบที่จะนำมาสรรค์สร้างเป็นอาวุธชั้นยอด
หากต้องการมีกำลังที่แข็งแกร่ง จะขาดอาวุธชั้นยอดไปไม่ได้ อาวุธชั้นยอดในยุคสมัยนี้จะต้องเป็นระเบิดเทียนเหล่ยเท่านั้น
เหล่าคุณชายที่อยู่ในตระกูลใหญ่ ภายนอกดูเหมือนจะมีชีวิตอันแสนสุข แต่คนนอกไหนเลยจะรับรู้ถึงความขื่นขมของพวกเขา ชีวิตที่ดูสุขสบาย อันที่จริงแล้วเป็นชีวิตที่เดินอยู่บนใบมีดคมต่างหากล่ะ หากพลั้งพลาดเพียงเล็กน้อย ทุกอย่างก็จะแย่เกินเยียวยา
"ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ใจต้องการงั้นหรือ เขาเห็นแก่ตัวต่างหากล่ะ" ใครก็ตามที่ขัดขวางเขาในการตามล่าตัวคนร้ายล้วนเป็นคนเลวทั้งหมด
"ท่านซื่อจื่อ ท่านอย่าไปโทษคุณชายห้าวถิงเลยนะ แม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะคุณชายห้าวถิง แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบนี่นา" เฟิ่งชิงเฉินไม่ถือโทษชุยห้าวถิงแต่อย่างใด นางเป็นหมอของชุยห้าวถิง ตอนนี้นางก็ยังรักษาเขาไม่เสร็จ
นางไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับชุยห้าวถิง จะให้ชุยห้าวถิงยอมขัดใจตระกูลชุยเพื่อนางได้อย่างไร ต้องเข้าใจว่าคนตระกูลชุยกำลังเพ่งเล็งนาง หาได้เพ่งเล็งชุยห้าวถิงไม่
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไปบวชชีเถอะ" ตี๋ตงหมิงชักสีหน้าใส่ "ในเมื่อเขาไม่คิดจะรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บของเจ้า แต่เจ้ากลับยังรักษาเขา ปล่อยให้เขาตายๆไปเสียเถอะ เห็นหน้าเขาแล้วข้าอารมณ์เสีย"
คุณชายตระกูลชุย การที่เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยปากว่าจะช่วยรักษาเขา แต่เขาอยู่เรือนเล็กซีชวีมานานมากแล้ว ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะหายดีเลย คงมีแต่ชุยห้าวถิงที่ทำได้ หากเป็นคนอื่นคงออกไปนานแล้ว
"ข้าเป็นฝ่ายออกปากเองว่าจะช่วยรักษาเขา เขาไม่ได้ขอร้องข้าสักหน่อย" ชุยห้าวถิงต้องเข้าใจแน่นอนว่า การที่นางออกปากว่าจะรักษาตัวให้ เป็นเพราะนางต้องการเค้นข้อมูลเรื่องผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง
แม้ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ในตอนท้ายจะเป็นชุยห้าวถิง แต่ก็ต้องยอมรับว่า นางใช้เขาให้เป็นประโยชน์กับตัวนาง ด้วยเหตุนี้ ชุยห้าวถิงจึงไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณนาง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...