นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 94

องครักษ์เสื้อโลหิตใจคอโหดเหี้ยม แต่ก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

แล้วพวกเขาก็เตะเข่าเฉียนจิ้นให้ล้มลง

เฉียนจิ้นในตอนนี้ไม่ต่างไปจากสุนัขที่ตายซาก เขาฟุบอยู่กับพื้น แทบกระดิกตัวไม่ไหว

ตงหลิงจิ่วไม่ต้องพูดอะไรมาก ลู่เส้าหลินสั่งคนให้นำฝากาน้ำชาออกมาจากปากของเฉียนจิ้น

"นักโทษเฉียนจิ้น ใครเป็นคนบงการเจ้าให้มาลอบปลงพระชนม์องค์หญิง" ลู่เส้าหลินไต่ถามอีกครั้ง เขาแอบหวั่นใจอยู่เล็กน้อย เฉียนจิ้นจะเป็นพวกสมองขี้เลื่อยแล้วพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาหรือเปล่านะ หากเป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ในห้องขังกับเขาก็คงต้องถูกฝังร่างไปพร้อมกับเขาแน่

ดีที่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามความกังวลของลู่เส้าหลิน ต่อให้เฉียนจิ้นจะถูกทรมานเจียนตาย แต่เขาก็รู้ดีว่าหากเขาแย้มพรายเรื่ององค์หญิงอันผิง เขาคงต้องตายอย่างน่าอนาถกว่านี้แน่ เขาจึงให้การออกไปว่า

"ข้าน้อยไม่ได้ลอบปลงพระชนม์องค์หญิง แต่ข้าน้อยต้องการลอบสังหารแม่นางเฟิ่ง ด้วยความเคียดแค้นจึงได้ผลักแม่นางเฟิ่งตกน้ำ และหวังจะใช้โอกาสนี้ในการทำให้แม่นางเฟิ่งสิ้นใจ......"

ดีมาก!

ตงหลิงจิ่วพยักหน้าชื่นชม

ลู่เส้าหลินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็ปิดคดีได้

อาการขององค์หญิงอันผิงก็ดูดีขึ้นเช่นกัน ดีที่เขาไม่พาดพิงมาถึงนาง

คำให้การของเฉียนจิ้นทำให้หลายๆคนโล่งอก ลู่เส้าหลินสั่งให้คนจดบันทึกคำรับสารภาพ แล้วยื่นให้กับตงหลิงจิ่ว "เชิญเสด็จอาเก้าทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัยขององค์หญิงอันผิง ให้องค์หญิงอันผิงมาดูจะดีกว่า"

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าเพื่อหลบสายตาที่กำลังเย้ยหยัน

เสด็จอาเก้าอยากให้องค์หญิงอันผิงอาเจียนให้ตายๆไปเสีย และอยากให้องค์หญิงอันผิงมาทรมานแทนนาง

แต่ทว่า ช่างถูกใจนางยิ่งนัก

องค์หญิงอันผิงโมโหจนตัวสั่น แต่นางก็ยังคงต้องทำตาม

เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วันนี้เสด็จอาเก้าก็ถือว่าได้กอบกู้ศักดิ์ศรีให้กับเสด็จแม่ของนาง

หากเรื่องในวันนี้ไปพัวพันกับนางหรือว่าเสด็จแม่ของนางแล้ว ต่อให้ฆ่าคนที่รู้เรื่องหมดทุกคน ก็ไม่อาจปิดบังเรื่องราวฉาวโฉ่ได้

องค์หญิงอันผิงอ่านคำรับสารภาพตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องยอมรับจริงๆว่าองครักษ์เสื้อโลหิตทำงานอย่างยอดเยี่ยมกันจริงๆ

เฉียนจิ้นให้การเพียงไม่กี่คำ แต่องครักษ์เสื้อโลหิตกลับเขียนบันทึกออกมาว่า เฉียนจิ้นหมายปองเฟิ่งซิ่ว เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเฟิ่งซิ่ว จึงวางแผนที่จะจบชีวิตพร้อมเฟิ่งซิ่ว แต่แผนการลอบสังหารเฟิ่งซิ่วกลับล้มเหลว เขาจึงรีบผลักเฟิ่งซิ่วลงน้ำ

คำให้การจอมปลอมนี้ ทำให้เหตุการณ์นี้ดูเหมือนว่าเฟิ่งชิงเฉินปองร้ายองค์หญิงอันผิง......

มันกำลังจะกลายเป็นความจริง เป็นสิ่งสำคัญในการปิดคดี

องค์หญิงอันผิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อดับเพลิงแค้นภายในใจ นางพยายามระมัดระวังไม่ให้เสียงของตัวเองห้วนเกินไป

"โชคดีที่เสด็จอาเก้าทรงระวังอย่างถี่ถ้วน ไม่อย่างนั้นแล้ว อันผิงจะต้องเข้าใจเฟิ่งซิ่วผิดแน่ๆเลยเพคะ ใต้เท้าลู่ ให้นักโทษประทับรอยนิ้วมือได้เลย"

แล้วองค์หญิงอันผิงก็นำกระดาษคำรับสารภาพวางลงตรงหน้าของลู่เส้าหลิน

ลู่เส้าหลินอึดอัดใจเพียงใดก็ไม่อาจพูดได้ เขาได้แต่พยักหน้าและทำตาม เขาจับมือของเฉียนจิ้นไปประทับรอยนิ้วมือตามคำสั่ง

คดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว

"ไม่ต้องให้เขามีชีวิตต่อไปอีกแล้ว" ตงหลิงจิ่วเอ่ยปาก นี่เป็นการชี้วัดโชคชะตาให้กับเฉียนจิ้น

หากไม่ถอนรากถอนโคน ประเดี๋ยวเรื่องราวคงคุกรุ่นขึ้นมาอีก และคดีนี้ก็คงจบไม่ได้

"พ่ะย่ะค่ะ" ลู่เส้าหลินตอบกลับเพียงคำเดียว แล้วถือมีดจ่อไปที่หัวใจของเฉียนจิ้น

จึ้ก......มีดปักลงไปจนเลือดกระฉูดออกมา ลู่เส้าหลินหลบเลี่ยงอย่างช่ำชอง ไม่ให้ตัวเองเปื้อนเลือดแม้แต่น้อย

ส่วนเฉียนจิ้น แววตาของเขากำลังบ่งบอกว่าหมดเวรหมดกรรมแล้ว

การมีชีวิตอยู่ท่ามกลางกลุ่มองครักษ์เสื้อโลหิต การตายคงจะดีเสียกว่า

องค์หญิงอันผิงไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่คนก็ได้ตายไปแล้ว นางไม่มีโอกาสพลิกหมากอีกต่อไป จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย

ตงหลิงจิ่วไม่อยากอยู่ตรงนี้ให้คนบางคนต้องอึดอัดอีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า "อันผิง ใต้เท้าลู่ปิดคดีเรียบร้อยแล้ว เจ้าก็ตามข้ากลับไปได้แล้ว"

แน่นอนว่านางไม่อาจจะปฏิเสธได้

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าใจกล้ามาก ว่ามาสิ มีเรื่องอะไร?" ตงหลิงจิ่วหลับตา เป็นการแสดงออกให้เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นว่าเขาแค่เพียงรับฟังนางเท่านั้น แต่จะไม่ช่วยนางแน่นอน

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวด้วยความรู้สึกที่ห่อเหี่ยว "เสด็จอาเก้า ชิงเฉินอยากพาตัวนักโทษขององครักษ์เสื้อโลหิตออกไปข้างนอก ขอเสด็จอาเก้าทรงอนุญาตด้วยเพคะ"

นักโทษที่อันกั๋วกงพามา ขอเพียงตงหลิงจิ่วเอ่ยปากอนุญาต องครักษ์เสื้อโลหิตจึงจะยอมให้นางพาตัวนักโทษออกไปได้

ตงหลิงจิ่วไม่อยากใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องบางเรื่องแล้ว......

เขาก็ตอบกลับไปว่า "จะเอาคนเป็นหรือว่าคนตายล่ะ"

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจ ตงหลิงจิ่วกำลังบอกนางว่า การจะพาตัวนักโทษออกไปก็สามารถทำได้ แต่นักโทษคนนั้นจะต้องตายไปแล้วเท่านั้น

เขาช่วยเฟิ่งชิงเฉินอย่างออกนอกหน้ามามากแล้ว ตอนนี้เขาไม่อยากก้าวก่ายการทำงานของเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตเพียงเพราะคำขอของนางแล้ว

อย่าลืมว่าองครักษ์เสื้อโลหิตเป็นคนของฮ่องเต้

ในตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินก็หมดหวัง แต่เมื่อได้ฟังตงหลิงจิ่วพูดเช่นนี้ก็ตาโตในทันที "ทูลเสด็จอาเก้า หม่อมฉันขอเป็นคนตายเพคะ"

ตงหลิงจิ่วพยักหน้า "ใต้เท้าลู่"

พูดจบแล้วเขาก็เดินจากไป

หา? แล้วนี่สรุปว่าเขาตกลงหรือไม่ตกลงล่ะ?

เฟิ่งชิงเฉินสับสน แต่เมื่อเห็นท่าทีของตงหลิงจิ่วแล้ว นางก็ไม่กล้าไปวอแว

องค์หญิงอันผิงเดินตามหลังตงหลิงจิ่วไป นางชะลอฝีเท้าตอนที่เดินผ่านหน้าลู่เส้าหลิน การเย้ยหยันนี้มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "เสด็จอาเก้าพูดไว้ไม่มีผิด ข้าเองก็สงสัยมานาน เรื่องฝีมือของใต้เท้าลู่ในการเป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อโลหิต"

พูดจบแล้ว ก็เดินวางมาดต่อไป......

แน่นอนว่า นางไม่ลืมที่จะหันมาเตือนเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตา

เฟิ่งชิงเฉิน อย่าคิดนะว่ามีเสด็จอาเก้าคอยปกป้องเจ้าแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ ชีวิตของเจ้า สักวันหนึ่งข้าจะต้องกำจัดมันให้สิ้นซาก

เฟิ่งชิงเฉินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ นี่นางไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับองค์หญิงอันผิงกันแน่นะ ทำไมองค์หญิงอันผิงถึงได้คอยจ้องจะเอาชีวิตนาง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ