หลังจากที่เสด็จอาเก้าและองค์หญิงอันผิงกลับไปแล้ว องครักษ์เสื้อโลหิตก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง แต่เป็นความสงบที่ไม่ได้สงบอย่างที่เห็น
คำพูดที่องค์หญิงอันผิงทิ้งท้ายไว้ก่อนไป ทำให้ลู่เส้าหลินหวั่นวิตกยิ่งนัก
ในขณะที่เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องความอยู่รอดของตนเองอยู่นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็มาขัดจังหวะ
"ใต้เท้าลู่ ข้าต้องการพานักโทษที่อยู่ในห้องขังห้อง 96 ออกไป พวกเขาบอกว่าต้องได้รับการอนุมัติจากท่าน"
ทำอย่างไรได้ล่ะ คำตอบของเสด็จอาเก้าคลุมเครือขนาดนั้น นางจึงต้องยอมเสี่ยงดูสักตั้ง
ในยามที่อำนาจในมือไม่มากพอ ก็ต้องรู้จักแอบอ้างอำนาจของผู้อื่น เสด็จอาเก้านี่แหละคือที่พึ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้
ลู่เส้าหลินหันมาหาเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
ผู้ใดกันนะที่บังอาจมาขัดจังหวะการใช้ความคิดของเขาได้
เมื่อเห็นว่าเป็นเฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าอันขุ่นเคืองก็ค่อยๆจางหาย ตอนนี้เขาปั้นสีหน้าปกติ
มัวคิดอะไรอยู่อีกล่ะ ที่พึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว หากโน้มน้าวเฟิ่งชิงเฉินได้สำเร็จ เฟิ่งชิงเฉินก็จะสามารถนำเรื่องราวด้านดีเลิศของเขาไปพูดให้เสด็จอาเก้าฟังได้
"เฟิ่งซิ่ว ยังไม่กลับอีกหรือ?"
การเรียกอย่างสนิทสนม ทำเอาเฟิ่งชิงเฉินขกลุกอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วนางก็มองออกว่าลู่เส้าหลินกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ความเข้มแข็ง
เสด็จอาเก้าว่าไว้ไม่มีผิด ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะเป็นตัวชี้วัดทุกอย่างได้
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มให้เขาเล็กน้อย เป็นการรักษาระยะห่าง หากนางพูดมากในตอนนี้ก็เกรงว่าจะเป็นผลเสียเอาได้
"ใต้เท้าลู่ ข้าต้องการพาตัวนักโทษที่อยู่ในห้องขังห้อง 96 ออกไปค่ะ"
"ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะสั่งคนของข้าให้ไปนำตัวเขามาให้" ลู่เส้าหลินตอบกลับ
"ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวข้าไปเอง ท่านช่วยไปเตรียมเสื้อคลุมมาให้ข้าสักตัวก็พอแล้ว" เฟิ่งชิงเฉินกล่าว
นางไม่ต้องการให้องครักษ์เสื้อโลหิตได้เข้าใกล้เสี่ยวจื้อ
แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกต่อต้านองครักษ์เสื้อโลหิต แต่ในสถานที่เช่นนี้ นางเปิดใจยอมรับไม่ได้เลยจริงๆ
ที่นี่คือถ้ำเสือ ถ้าเลือกได้นางก็ไม่ขอมาเหยียบที่นี่อีก
แต่ว่านางกำลังข้องใจ ว่าแม่ของนางถูกองครักษ์เสื้อโลหิตนำตัวมาที่นี่ได้อย่างไร แน่นอนว่า......
นางไม่มีทางนำเรื่องนี้ไปถามลู่เส้าหลินแน่นอน ลู่เส้าหลินในตอนนั้นยังเป็นเพียงนายทหารชั้นผู้น้อย ถามไปเขาคงไม่รู้หรอก
"ได้ เฟิ่งซิ่ว ให้ข้าไปกับเจ้าไหม?" ลู่เส้าหลินแม้จะเอ่ยปากถาม แต่เท้าของเขาก็ได้ก้าวเดินนำหน้านางไปแล้ว
ห้องขังแดนนี้ ตั้งแต่ลู่เส้าหลินรับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการมา เขาเองก็ยังไม่เคยเดินมาถึงที่นี่เลย
ดีที่เขตห้องขังถูกสร้างเรียงรายไม่ซับซ้อน จึงหาห้องขังดังกล่าวได้โดยง่าย
ตลอดทางที่เดินมา ลู่เส้าหลินก็พยายามตีสนิทเฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องการหาจุดอ่อนของนาง เพื่อหลอกใช้นางให้หมั่นเพ็ดทูลคุณงามความดีของเขาต่อหน้าเสด็จอาเก้า
เฟิ่งชิงเฉินบางครั้งก็มองเขา บางครั้งก็เมินเขา นางคิดในใจว่าชายคนนี้ปรับตัวเก่งจริงๆ
เมื่อ 5 วันก่อน ตัวนางเองก็ไม่ได้ต่างจากลู่เส้าหลินผู้นี้เลย นางเองก็มองหาจุดอ่อนบนตัวเขา เพราะนางต้องการให้องครักษ์เสื้อโลหิตปฏิบัติต่อนางดีขึ้น แล้วมาตอนนี้ล่ะ?
สองคนนี้เมื่อเทียบกับเมื่อ 5 วันก่อนแล้ว บทบาทกลับกันโดยสิ้นเชิง
เดินมาไม่ไกลมากก็มาถึงห้องขังหมายเลข 96 เฟิ่งชิงเฉินจำต้องขัดจังหวะการสนทนาของลู่เส้าหลิน "ใต้เท้าลู่ ช่วยหาคนเข้าไปตรวจสอบทีว่านักโทษเสียชีวิตแล้วหรือยัง"
นี่แหละคือดินแดนขององครักษ์เสื้อโลหิต ต่อให้มีนักโทษตายพวกเขาก็ไม่รู้ ต้องรอจนศพส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงจะมีคนไปพบศพ
"ไม่ต้องหรอก คำพูดแม่นางเฟิ่ง มีหรือที่ข้าจะไม่เชื่อ" ลู่เส้าหลินโบกมือปฏิเสธ
น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ซาบซึ้งในความเชื่อใจของเขาเลย "ใต้เท้าลู่ อย่างไรก็ตรวจสอบสักหน่อยเถอะนะ เสด็จอาเก้าตรัสแล้วว่า ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขององครักษ์เสื้อโลหิต ห้ามผู้ใดละเมิดกฎ"
เฟิ่งชิงเฉินยกเสด็จอาเก้ามาอ้างอีกตามเคย
นางรู้ดีว่าการจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บางคนเป็นเรื่องที่ยากมาก ลู่เส้าหลินก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อนางยกเสด็จอาเก้ามาอ้าง เขาจึงไม่ปฏิเสธนาง
ลู่เส้าหลินรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น "อย่าทำแบบนี้สิ"
เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ "ท่านอาลู่โปรดรับการคำนับจากข้าเถอะ องครักษ์เสื้อโลหิตมีท่านคอยดูแล หากไม่ได้ท่านอาลู่ช่วยไว้ ชิงเฉินมีหรือจะสมปรารถนา"
"ท่านอาลู่วางใจเถอะ เรื่องของท่านข้าจะจำใส่ใจ ข้าจะนำเรื่องของท่านไปกราบทูลให้เสด็จอาเก้าฟัง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฮ่องเต้จะทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างไรนั้น ชิงเฉินคงจะบอกไม่ได้"
"แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ส่งคนสนิทไปหาท่านเรียบร้อยแล้ว เขาจะบอกทุกอย่างกับท่านเอง"
"ท่านอาลู่วางใจได้เลย ชิงเฉินเป็นทั้งหมอ และยังเป็นรุ่นหลานท่านอาลู่ ชิงเฉินรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นกับท่านโดยเด็ดขาด"
"เมื่อครู่นี้ที่อยู่ภายในคุก หลายคนก็หลายปาก ชิงเฉินไม่ขอพูดอะไรมาก ขอให้ท่านอาลู่โปรดเข้าใจ"
นางพูดมายาวเหยียด ตอนนี้ทั้งสองมีท่าทีสบายใจ เฟิ่งชิงเฉินทำได้ไม่เลวเลย
ส่วนเรื่องความอยู่รอดของลู่เส้าหลินนั้น?
ก็ยังคงเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยของฮ่องเต้
ลู่เส้าหลินมีสีหน้าแช่มชื่น เขาเรียกเฟิ่งชิงเฉินว่าหลานสาว เรียกได้สนิทชิดเชื้อเสียจริงๆ แถมยังเตรียมรถม้าไว้ให้นาง 1 คัน เพราะเห็นว่าไม่มีใครมารับเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่ปฏิเสธ นางกล่าวคำขอบคุณเขาอีกครั้ง
มารับนาง? จะมีใครมารับนางอีกล่ะ เมื่อเข้ามาในดินแดนขององครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว จะมีคนรอดออกไปสักกี่คน แม้จะออกไปได้ก็คงไม่มีลมหายใจแล้ว
รถม้ามาถึงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินประคองร่างของเสี่ยวจื้อขึ้นไป ตอนแรกนางอยากจะกลับไปพักใจที่จวนเฟิ่งเสียก่อน แต่ว่า......
การที่เสด็จอาเก้าออกหน้าให้นางนั้น คนพวกนั้นคงจะรู้กันแล้ว นางจึงเดินทางออกนอกเมือง แล้วจัดการเรื่องเสี่ยวจื้อให้แล้วเสร็จ เพราะเรื่องนี้จะปล่อยไว้นานๆไม่ได้......
แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าหลังจากที่นางเดินออกมาจากดินแดนองครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว ด้านหลังนางจะมีคนจากในวังตามมาด้วย
แผนร้ายที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มาปรากฏตัวตามเวลา เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตในวังหลวง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...