องค์ชายาหมื่นพิษ นิยาย บท 17

“ออ บังเอิญเหลือเกิน”

ฉู่หยุนหลิงพูดไปคำหนึ่งอย่างเฉยเมยไร้ความรู้สึก ฟังพวกเขาคุยกันเรื่องดาวเคราะห์บังเกิดอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อเดินมาถึงหน้าตำหนักหยั่งซิน นางก็หดสายตาทันที ชะงักฝีเท้าลงกะทันหัน

เซียวปี้เฉิงถูกนางประคองตัวอยู่ ก็หยุดลงพร้อมกัน “ทำไมไม่เดินแล้ว?”​

ฉู่หยุนหลิงพยายามควบคุมความตื่นตระหนกและตื่นเต้นในใจ สูดหายใจเข้าลึกๆพูดว่า “ไม่มีอะไร หลังจากแต่งงานแล้วพบเสด็จพ่อครั้งแรก ในใจขลาดกลัว”

เมื่อครู่นั่นเอง นางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเกิดการประสานกับพลังอำนาจของตัวเองอย่างลึกลับ

สิ่งนั้นอยู่ในตำหนักหยั่งซิน!

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้ว “ข้ายังนึกว่าเจ้าไม่กลัวอะไรเลย แต่ว่าเจ้าเป็นหลานสาวของพระอาจารย์ผู้เฒ่า แต่ไหนแต่ไรมาเสด็จพ่อก็เมตตาต่อเจ้า”

เขาคิดว่าหยุนหลิงกลัวถูกลงโทษเรื่องคืนงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ แต่ว่าเห็นแก่หน้าของพระอาจารย์ผู้เฒ่าที่ล่วงลับไป เจาเหรินตี้แต่ไหนแต่ไรมาก็รักใครเมตตาต่อฉู่หยุนหลิง

ถึงแม้จะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ก็แค่โมโหด่าว่าซื่อจื่อเฒ่าไปยกหนึ่งเท่านั้น สำหรับฉู่หยุนหลิงไม่ได้มีการลงโทษจริงจังอะไร มิหนำซ้ำยังพระราชทานงานแต่งอีก

ฉู่หยุนหลิงตอบรับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบรวบรวมตั้งสติ สัมผัสตำแหน่งที่อยู่ของสิ่งของนั้น

เข้าไปในตำหนักหยั่งซินแล้ว ฉู่หยุนหลิงและเซียวปี้เฉิงทักทายต่อเจาเหรินตี้พร้อมกัน

เจาเหรินตี้ชุดมังกรหลวงทั้งตัว ดูแล้วประมาณสี่สิบต้นๆ มีหนวดใต้คาง

เขาดูแลได้อย่างดี มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ยังคงสามารถเห็นความหล่อเหลาสมัยอายุน้อยได้

“เจ้าสองคนหลายวันนี้อยู่ร่วมกันได้ดีหรือไม่?”

ใจของฉู่หยุนหลิงทั้งหมดอยู่บนสิ่งของนั้น ได้ยินแล้วก็พยักหน้าไปเลื่อย “ดีมาก!”

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของฉู่หยุนหลิงอย่างเงียบๆ เตือนนางให้ระวังมารยาท

ฮ่องเต้มองไปที่นาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ออ? ทำไมข้าถึงได้ยินว่าเจ้าร้องไห้อยากตายไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าสามล่ะ?”

แววตาฉู่หยุนหลิงประกายเล็กน้อย แน่ใจแล้วว่าสิ่งของที่เกิดความรู้สึกร่วมกับพลังอำนาจนั้นคืออะไร

นั่นก็คือหินหยกสีแดงที่วางอยู่บนแท่นหนังสือ ใหญ่เท่ากำปั้น รูปร่างไม่เป็นทรงแต่พื้นผิวเรียบสว่าง ในนั้นเหมือนมีแสงเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

ในใจฉู่หยุนหลิงตื่นเต้น สีหน้ายังคงไม่แสดงแม้แต่น้อย “ไม่เลยเลยเพคะ! นั่นเป็นเพราะหม่อมฉันได้ยินว่าจะได้แต่งงานตื่นเต้นต่างหาก”​

“เสด็จพ่อก็รู้ว่าหม่อมฉันหน้าตาอัปลักษณ์ ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงตลอดว่าข้าจะไม่ได้แต่งงาน เสด็จพ่อพระราชทานให้ข้าแต่งงานกับท่านอ๋อง ข้าก็ต้องดีใจอย่างบ้าคลั่ง!”

นางมองดูเจาเหรินตี้ ยิ้มอย่างประจบ คิดอยู่ว่าทำความสัมพันธ์ให้ดีขอหยกแดงชิ้นนั้นมา

พ่อตาเจอลูกสะใภ้ ให้ของขวัญแต่งงานสักนิดไม่เกินไปหรอกมั้ง!

เจาเหรินตี้ประกายความแปลกใจ กระตุกมุมปาก เซียวปี้เฉิงยิ่งอยากจะอุดปากฉู่หยุนหลิงไว้ตรงนี้

นางไม่รู้หรือว่า ต่อหน้าฮ่องเต้ไม่สามารถเรียกตัวเองว่า “ข้า” ?

ในใจของเซียวปี้เฉิงเคร่งเครียด รู้อยู่แล้วว่านางเป็นคนพูดจาไม่รู้จักควบคุม เมื่อครู่ตอนมาควรจะเตือนก่อนถึงจะถูก

เจาเหรินตี้หัวเราะ มองแล้วดูเมตตา “เช่นนั้นเจ้ารังเกียจที่เจ้าสามมองไม่เห็นหรือไม่?”

“ไม่เพคะ! ข้ากับท่านอ๋องเป็นคู่ครองฟ้าลิขิต เขาตาบอดข้าอัปลักษณ์ ในโลกนี้ไม่มีสามีภรรยาที่เหมาะสมกว่าพวกเราอีกแล้ว”

ถึงแม้ว่าฉู่หยุนหลิงไม่ชอบเซียวปี้เฉิง แต่ว่าในใจของนางคิดเช่นนี้จริง

พอฝูกงกงได้ยินแล้วก็เกือบสำลักน้ำลาย ทำไมหลานสาวของพระอาจารย์ผู้เฒ่าคนนี้ยิ่งเลี้ยงยิ่งเลยเถิดแล้ว เขาแอบคิดในใจ

ดีที่เจาเหรินตี้นิสัยดี และเมตตาต่อพระชายาจิ้ง ได้ยินคำพูดเลอะเทอะเช่นนี้ก็ไม่โมโห

เซียวปี้เฉิงกลับทนฉู่หยุนหลิงไม่ไหวจริงๆแล้ว รีบพูดตัดขึ้นมา “เรียนเสด็จพ่อ หยุนหลิงรักษาพิษเย็นของวี่จือหายแล้ว ตอนนี้ลูกกับนางก็พยายามลบเรื่องสงสัยก่อนหน้านี้ อยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดอง”

เจาเหรินตี้พยักหน้าอย่างพอใจ “เป็นเช่นนี้ก็ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต้องใช้ชีวิตอย่างรักใคร่กัน อย่าไปคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดอีก”

เขาพระราชทานงานแต่งลงไป หนึ่งคือเพื่อหยุดความคิดของฉู่หยุนหลิงที่มีต่อตวนอ๋อง สองคือไม่ยินยอมให้ลูกสาวอนุภรรยาอย่างฉู่หยุนหานกลายเป็นพระชายาเอก

“ลูกรับทราบ”

เซียวปี้เฉิงนิ้วมือขยับเล็กน้อย ในใจไม่อาจระงับความรู้สึกอันวุ่นวาย

ประโยชน์หนึ่งเตือนทั้งสองคน ฉู่หยุนหลิงกลับไร้หัวจิตหัวใจ นางอดถามไม่ได้ “เสด็จพ่อ หวงกุ้ยเฟยบอกว่าข้ารักษาพิษเย็นของท่านเยียนอ๋องจนหาย จะพระราชทานรางวัลให้ข้า”

เจาเหรินตี้มองความคิดของนางออก พูดอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าช่วยเจ้าสี่รักษาพิษเย็น คือผลงานชิ้นใหญ่จริง อยากได้รางวัลอะไรก็พูดโดยตรงได้เลย”

“พอแล้ว ข้าจะไปดูวี่จือก่อน สำหรับรางวัลของเจ้า คิดดีๆอีกทีละกัน”

ฝูกงกงรีบเอาเสื้อคลุมกันหนาวมาให้เจาเหรินตี้ทันที ตอนที่ออกไป ยังปิดกุญแจหินอุกกาบาตเป็นพิเศษ

เขาแหร่มองเห็นสายตาเป็นประกายสีเขียวเหมือนดั่งหมาป่าผู้หิวโหยของหยุนหลิง เพิ่มกุญแจอีกหนึ่งชั้นด้วยความไม่วางใจ จากนั้นก็นำหีบไปซ่อนในจุดที่หยุนหลิงไม่รู้

“พวกเจ้าสองคนรออยู่ในตำหนักหยั่งซิน กินข้าวกับข้าเวลาหนึ่งทุ่ม”

เซียวปี้เฉิงรู้ นี่คือเจาเหรินตี้จะไปกินอาหารเที่ยงกับหวงกุ้ยเฟยและเยียนอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเกลียดชังไม่ชอบเขา ดังนั้นจึงไม่ได้เรียกเขาและหยุนหลิง

แต่ในใจเซียวปี้เฉิงก็ปิดบังความตื่นเต้นได้ยาก เพราะว่านี่คือยี่สิบปีมา เจาเหรินตี้ให้เขาอยู่กินข้าวเป็นครั้งแรก ยังอยู่ในตำหนักหยั่งซิน

ตอนนี้ห่างจากเวลาอาหารกลางวันยังเช้าอยู่ คนในวังส่งอาหารว่างและน้ำชาที่ทำจากห้องเครื่องมาให้

หยุนหลิงไม่ได้กินมุมมามอยู่หน้าโต๊ะอย่างหาได้ยาก แต่คิดถึงหินอุกกาบาตสีแดงก้อนนั้น น้ำลายไหลในใจไปแปดพันลี้แล้ว

ครุ่นคิดอยู่สักพัก หยุนหลิงจำคำพูดของเจาเหรินตี้ได้ ทำการตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างยากลำบาก

เซียวปี้เฉิงกำลังสงสัยทำไมหยุนหลิงเงียบขนาดนี้ ก็ได้ยินนางถามขึ้นมาอย่างใจเย็น

“เจ้าบอด เจ้าอยากกลับมามองเห็นความสว่างหรือไม่?”

มือที่ถือแก้วของเซียวปี้เฉิงบีบแน่นอย่างกะทันหัน ใจชะงักเล็กน้อย น้อยมากที่จะไม่ถือสาการเรียกแบบนี้ของหยุนหลิง

“เจ้า......มีความมั่นใจแค่ไหน?”​

“สิบ แต่ข้ามีข้อเสนอหนึ่งข้อ”

เซียวปี้เฉิงอดก้มหน้าดื่มน้ำชาไม่ได้ เพื่อระงับอาหารหายใจเร็วของตัวเอง

“เจ้าพูด”

เขารู้ว่าหยุนหลิงต้องมีความต้องการแน่นอน แต่ขอเพียงไม่เกินไป ข้อเสนออะไรเขาล้วนยอมทำให้พอใจได้

“คลอดลูกชายให้ข้าคนหนึ่ง!”

เซียวปี้เฉิงพ่นน้ำชาออกมา สำลักจนหน้าแดง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ