“เจ้าจงใจแกล้งข้าใช่หรือไม่?” เซียวปี้เฉิงสีหน้าโมโห ไม่เห็นความเย็นชาเหมือนเดิม “ข้าเป็นผู้ชาย มีลูกชายได้อย่างไร!”
ช่างเถิด ความรู้ชีววิทยาในการคลอดลูกชายหรือลูกสาวเป็นการตัดสินโดยผู้ชาย ถึงแม้อธิบายแล้วเซียวปี้เฉิงก็ไม่เข้าใจ
หยุนหลิงต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ไม่ถือสาที่เขาทัศนคติย่ำแย่ “ข้าไม่ได้จะให้ท่านคลอด คือเราคลอดด้วยกัน”
เส้นเลือดบนขมับของเซียวปี้เฉิงกระตุก “เจ้าจะคลอดลูกชายทำไม?”
“เอาลูกชายแลกก้อนหิน” หยุนหลิงน้ำเสียงจริงจัง เสมือนตัดสินใจอะไรแน่นอนแล้ว “คลอดลูกชายออกมาเป็นของท่าน ก้อนหินเป็นของข้า”
มาถึงโลกนี้ก็เจ็ดแปดวันแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะปัญหาของร่างกายนี้หรือไม่ ทุกครั้งที่พลังวิญญาณใช้หมดแล้ว ถึงแม้ดินแดนแห่งสติจะกว้างขวางขึ้น แต่พลังวิญญาณฟื้นฟูได้ช้ามาก ความเร็วในการสูญเสียกลับเร็วมาก
“ก่อกวน!” เซียวปี้เฉิงเกือบจะถูกคำพูดประหลาดของนางโมโหจนหัวเราะ “เจ้าจะเอาก้อนหินนั้นให้ได้เพื่ออะไร?”
อะไรลูกชายเป็นของเขาก้อนหินเป็นของนาง นึกว่าแบ่งมรดกหรืออย่างไร?
“ข้ารักแรกพบต่อก้อนหินก้อนนั้น แค่เห็นก็ชอบเป็นอย่างมาก ท่านตาบอดมองไม่เห็น แน่นอนว่าไม่เข้าใจความสวยงามของก้อนหินนั้น”
หินอุกกาบาตก้อนนั้นมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนพลังวิญญาณของนาง ต้องเอามาถึงมือให้ได้!
เซียวปี้เฉิงฟังนางยิ่งพูดยิ่งเลอะเลือน อดที่จะสุดทนไม่ได้ “เจ้าจะสามารถรับรองว่าเป็นลูกชายแน่นอนได้อย่างอย่างไร?”
ได้ยินแล้ว หยุนหลิงก็หดหู่เล็กน้อย “คลอดแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเป็นลูกชาย แต่ไม่คลอดก็ไม่มีลูกชายแน่นอน ต้องโทษเสด็จพ่อของท่านเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิง”
มีลูกก็ดีแล้ว ยังเลือกจะเอาชายหรือหญิง
“พูดไปเลื่อย!” เซียวปี้เฉิงรู้สึกว่าสติในสมองของตัวเองใกล้จะขาดแล้ว
“ไม่ได้พูดไปเลื่อย ข้าจริงจัง”
หยุนหลิงพูดปลอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ดีอย่างอดทน
“ท่านคิดดูแค่คลอดลูกชายเท่านั้น ไม่ได้ให้ท่านตั้งครรภ์ ท่านก็แค่สุขสมใจสักหน่อยเท่านั้น ข้าก็ช่วยท่านรักษาดวงตา หลังจากสิบเดือนยังสามารถได้ลูกชายมาคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่ได้กำไรหรือ?”
สุขสมใจสักหน่อย?
หน้าดำเคร่งเครียดของเซียวปี้เฉิงปะปนกับความแดงก่ำ พูดอย่างกัดฟัน “ฉู่หยุนหลิง! ที่นี่คือพระราชวัง ตำหนักหยั่งซิน! เจ้ารู้จักยางอายหรือไม่!”
“ขอแค่ท่านตกลง.......แม้แต่เยียน.......”
เซียวปี้เฉิงพูดตัดนางอย่างโมโห “ออกไป!”
ตอนแรกหยุนหลิงอยากเพิ่มแต้มต่อช่วยเยียนอ๋องรักษาขา คิดไม่ถึงว่าเซียวปี้เฉิงไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ ความอดทนก็สิ้นสุดลง สีหน้าเคร่งขรึมลงทันที
“ท่านอย่าไร้เหตุผล ความอดทนของข้ามีขีดจำกัดนะ!”
ทำไมฟังแล้วคุ้นหูขนาดนี้ นี่ไม่ใช่คำพูดที่เขาพูดกับฉู่หยุนหลิงคืนวันแต่งงานหรือ?
สีหน้าเซียวปี้เฉิงแสดงความรังเกียจ “เจ้าต่างหากอย่าได้คืบจะเอาศอก! เรื่องในคืนงานเลี้ยงไม่พูด อย่าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องพิษเย็นของวี่จือ ก็คิดอยากทำอะไรข้าได้ตามใจชอบ”
“เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง ข้าไม่ได้ติดอะไรเจ้า เจ้าก็อย่าคิดกำเริบเสิบสานต่อหน้าข้า!”
หยุนหลิงรักษาความใจเย็นสุดท้ายถามเขา “ท่านไม่เอาตาของท่านแล้ว?”
เซียวปี้เฉิงหัวเราะเย็นชา “ถึงข้าจะตาบอดตลอดชีวิต ก็ไม่มีวันมีลูกกับหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้า!”
หยุนหลิงโมโหในใจอย่างมาก พลิกโต๊ะตรงหน้าของ มือสองข้างจับปกเสื้อของเซียวปี้เฉิงไว้แน่น
“ข้าเจรจากับท่านดีๆ ต้องบีบให้ข้าลงมือใช่ไหม?”
หากไม่ใช่เพื่อหินอุกกาบาตก้อนนั้น คิดจริงหรือว่านางอยากมีลูกกับคนตาบอดคนนี้?
เซียวปี้เฉิงคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่านางกลับกล้าบ้าคลั่งในตำหนักหยั่งซิน ตะลึงจนเกินคาด และโมโหจนแทบเป็นแทบตาย
ทั้งสองก็เกือบสู้กันในตำหนักหยั่งซินขึ้นมาแบบนี้ ผ้าคลุมหน้าของหยุนหลิงไม่รู้ว่าร่วงลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนี้ นางกำนัลคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในตำหนักหยั่งซินอย่างตื่นตระหนก
“ท่านจิ้งอ๋อง.......อ้าก.......!”
พอนางกำนัลเข้ามา ก็เห็นหยุนหลิงสีหน้าดุร้ายจับปกเสื้อของเซียวปี้เฉิงอยู่ จะโกนอะไรอยู่ “ข้าจะเอาลูก” ก็ตกใจอย่างหนัก
เซียวปี้เฉิงได้ยินมีคนในวังเข้ามา ในใจรู้ว่าภาพอันน่าเกลียดของตัวเองและฉู่หยุนหลิงถูกคนอื่นเห็นแล้ว เกลียดจนแทบอยากหาเต้าหู้สักก้อนมาทุบให้ตาย
ผู้หญิงคนนี้คงเป็นสวรรค์ส่งมาปราบเขากระมัง? ทำลายชื่อเสียงของเขาในคืนเทศกาลโคมลอยไม่ว่า วันนี้ยังยิ่งกว่าเดิม?
ในใจของเซียวปี้เฉิงเศร้าเสียใจ สีหน้าดำแดงซีดเขาเปลี่ยนไปมา หรือเหมือนกับถาดผสมสี
หยุนหลิงเห็นนางกำนัลคนนั้นวิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย ก็สำรวมความโกรธลงบ้าง “วิ่งมาร้อนรนขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”
นางกำนัลตกใจตัวสั่น “เรียนพระชายาจิ้งอ๋อง บ่าวเข้ามาเพื่อรายงาน เมื่อครู่ไท่ซ่างหวงหกล้อมที่หน้าประตูเรือนฉางหนิง ล้มหัวแตก ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดี ฝ่าบาทให้ท่านและท่านอ๋องรับไปที่เรือนฉางหนิง!”
สีหน้าของเซียวปี้เฉิงเปลี่ยนทันที มัวแต่ห่วงที่จะพัวพันไปมากับหยุนหลิงไม่ได้แล้ว จับข้อมือของนางไว้แน่นทันที น้ำเสียงสั่นเครือ
“เร็ว! รีบพาข้าไปพบเสด็จปู่!”
หยุนหลิงเห็นเกิดเหตุการณ์ใหญ่กะทันหัน ก็หยุดความคิดพัวพันกับเซียวปี้เฉิง รีบไปที่เรือนฉางหนิงกับเขา
รอจนพวกเขาไปแล้ว นางกำนัลที่มารายงานถึงถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก
ใบหน้าของพระชายาน่ากลัวมาก โดยเฉพาะสภาพดุร้ายเมื่อครู่ อย่างกับปีศาจร้ายตัวเป็นๆที่คลานออกมาจากนรก
คิดถึงตรงนี้ นางกำนัลก็รู้สึกเห็นใจเซียวปี้เฉิงบ้างแล้ว
ท่านจิ้งอ๋องน่าสงสารจริงๆ โชคดีที่เขาเป็นคนตาบอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ