เยียนอ๋องได้รู้เรื่องที่ตวนอ๋องไปส่งของขวัญให้ไท่ซ่างหวงถึงที่ แต่กลับถูกไม้ทุบจนสลบ เขาก็แอบตกใจเหมือนกัน
หลินซินที่อยู่ข้างๆก็นวดให้เขา เยียนอ๋องถอนหายใจแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่เป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด แต่ทุกครั้งที่เจอเรื่องของหยุนหาน เขากลับเสียสติทุกครั้ง ไม่เป็นตัวของตัวเองตลอด”
หลินซินมองไปยังเขา “เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนี้เล่า?”
เยียนอ๋องเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้ได้คุยกับตวนอ๋องต่อหลินซิน
“ครั้งก่อน ตอนที่เสด็จปู่ป่วย ข้าก็เจอพี่ใหญ่ในวังอยู่หลายครั้ง ตอนนั้นพี่ใหญ่ยังบอกว่า ฉู่หยุนหลิงช่วยชีวิตเสด็จปู่ที่ใกล้ตายไว้ได้ ถือเป็นผู้มีพระคุณของเขา”
“ข้าถามพี่ใหญ่ เคยถือโทษที่ฉู่หยุนหลิงคิดที่จะวางแผนเขาไว้ พี่ใหญ่กลับบอกว่าเรื่องนั้นพี่สามเป็นเหยื่อ พี่สามไม่ว่าอะไร เขาจึงไม่ได้ว่าอะไรนาง”
ตอนนั้นเห็นตวนอ๋องมีจิตใจที่กว้างขวางแบบนี้ เยียนอ๋องยังรู้สึกละอายใจกับความใจแคบของตัวเอง ที่เคยคิดร้ายต่อหยุนหลิง
แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวพันกับฉู่หยุนหานขึ้นมา ตวนอ๋องก็จะละทิ้งความใจเย็นและสติทั้งหมด เขาที่อ่อนโยนและสุภาพ มีเมตตาต่อผู้อื่น ก็กลายเป็นคนที่บีบบังคับคนอื่นขึ้นมา
หลินซินกลับไม่สนใจอะไร นางคิดว่าตวนอ๋องไม่ได้ทำผิดอะไร
“ท่านตวนอ๋องสุภาพขนาดนั้นยังต้องบีบบังคับคนเลย ยังไงฉู่หยุนหลิงก็ตั้งใจทำร้ายหยุนหาน นางจิตใจชั่วร้ายเกินไปแล้ว”
นึกถึงความคิดที่แตกต่างกันของเซียวปี้เฉิงกับตวนอ๋อง หลินซินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา อดไม่ได้บ่นออกไป
“ปี้เฉิงก็จริงๆเลยนะ เมื่อวานทำไมถึงยอมปล่อยให้ฉู่หยุนหลิงโวยวายกับท่านตวนอ๋องและฉู่หยุนหลิงกัน? ถึงจะเป็นเพราะเรื่องการรักษา จึงต้องอยู่กับฉู่หยุนหลิงบ่อยครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องอดทนถึงขั้นนี้”
เยียนอ๋องไม่ได้ตอบ ครั้งนี้เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของหลินซิน
ปกติเขาใช้เวลาอยู่กับหลินซินเยอะที่สุด ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เห็นได้ชัดว่า ในใจของนางไม่พอใจในตัวของหยุนหลิงอย่างมาก
และเทียบกับตวนอ๋องแล้ว เขาเชื่อใจพี่สามมากกว่า
เซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญา และยุติธรรมเสมอ เขามีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิของตัวเอง ไม่มีทางเอาใจหยุนหลิงเพราะนางรักษาตาให้เขา และออกห่างจากฉู่หยุนหาน
ช่วงนี้ ความรู้สึกที่เขามีต่อฉู่หยุนหานก็เปลี่ยนไปมาก ในนี้จะต้องมีเหตุผลแน่
เยียนอ๋องอดไม่ได้คิดไปถึงเรื่องคืนงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ หรือสิ่งที่ฉู่หยุนหลิงพูดจะเป็นความจริง?
พอนึกถึงตรงนี้ เยียนอ๋องก็ตกใจมาก รีบปฏิเสธความคิดตัวเอง
ไม่มีทาง เรื่องนี้อาจจะมีเงื่อนงำอื่นอีก……
……
เช้าวันต่อมา ตวนอ๋องที่ถูกตีจนสลบก็ฟื้นขึ้นมาสักที
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา เขาก็รีบพุ่งเข้าห้องของเซียวปี้เฉิงอย่างโมโห
เห็นว่ามีเรื่องผิดปกติตงชิงก็รีบแอบไปรายงานกับหยุนหลิง
“พระชายา ท่านตวนอ๋องตื่นขึ้นมาก็พุ่งไปที่เรือนซู่สืออย่างโมโห ท่านจะไปดูหน่อยไหม?”
หยุนหลิงกำลังทำมันฝรั่งเส้นให้ไท่ซ่างหวง เมื่อวานตาแก่กินไปรอบหนึ่ง วันนี้ยังอยากกินอีก
“ข้าจะไปทำไม เจ้ายังกลัวว่าเจ้าบอดนั่นจะเสียเปรียบเหรอ?”
หยุนหลิงมีลางสังหรณ์ว่า ด้วยกำลังของเซียวปี้เฉิงที่ไม่มีใครเข้าถึงตัวเขาได้ ตวนอ๋องไปแบบโมโหขนาดนั้น จะต้องรีบออกมาแน่ๆ
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น……”
ตงชิงร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมด คุณหนูของนางจำไม่ได้แล้วหรือไงนะ!
ตวนอ๋องเข้าข้างฉู่หยุนหาน ความสัมพันธ์พี่น้องกับเซียวปี้เฉิงก็ดีมาตลอด ถ้าพูดอะไรกระทบต่อความคิดของเซียวปี้เฉิง งั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหยุนหลิงที่กว่าจะดีขึ้นมาได้ เกรงว่าจะพลอยกระสับกระส่ายไปด้วย
“ให้เขาจัดการเองเถอะ เขาจัดการได้”
“ใช่สิพระชายา ใช้โอกาสตอนที่ไท่ซ่างหวงไม่อยู่ พวกเราไปดูท่านอ๋องที่เรือนซู่สือหน่อยไหมเจ้าคะ……”
หยุนหลิงพูดหยอกว่า “เจ้าเป็นห่วงเจ้าบอดนั่นทำไมกัน หรือเจ้าชอบเขางั้นเหรอ?”
ตงชิงรีบส่ายหน้า “พระชายาอย่าเข้าใจผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้……”
เห็นนางตกใจจนหน้าซีดเซียว หยุนหลิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องอธิบายหรอก ข้าหยอกเจ้าเล่น ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรทำ งั้นก็ไปดูสักหน่อยแล้วกัน”
ไม่แน่อาจจะได้ใช้ไม้ตีหมานี่ก็ได้
ณ เรือนซู่สือ ลู่ชียืนอยู่ในเรือนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
“เจ้าสาม เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ตวนอ๋องยืนอยู่ด้วยหัวที่โนขึ้นเป็นก้อนใหญ่ หน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้าเซียวปี้เฉิง
เซียวปี้เฉิงเหมือนเดาได้ว่าเขาจะต้องมา จึงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “พี่ใหญ่ฟื้นแล้วเหรอ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้า ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า เมื่อวาน ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่าฉู่หยุนหลิงตั้งใจทำให้หยุนหานลำบากใจ เหตุใดจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้?”
ได้ยินเขาพูดถึงฉู่หยุนหาน สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็มืดมนลงเล็กน้อย “งั้นพี่ใหญ่คิดว่าข้าควรจะทำยังไง ลงโทษนางงั้นเหรอ?”
ตวนอ๋องขมวดคิ้วอธิบาย “ข้าไม่ได้จะให้เจ้าลงโทษนาง แต่อย่างน้อยเจ้าควรจะพูดเพื่อหยุนหานบ้าง แต่ไม่ใช่ปล่อยให้ฉู่หยุนหลิงทำตามใจตัวเอง”
“เสด็จพี่หวังอยากให้ข้าพูดอะไรเพื่อฉู่หยุนหานล่ะ ทำไมข้าต้องพูดอะไรเพื่อคนนอกด้วย?”
เซียวปี้เฉิงดูเหมือนจะไม่คิดอะไร คำพูดและท่าทีแบบนี้ทำเอาตวนอ๋องไม่อยากจะเชื่อ
“คนนอก? ทุกคนต่างก็บอกว่าเจ้ากับหยุนหานเป็นคู่สร้างคู่สม เหมาะสมกันมากที่สุด ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าหยุนหานเป็นคนนอกงั้นเหรอ?”
ภายในห้อง ผู้ชายสองคนไม่รู้เลยว่า หยุนหลิงไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ