“เจ้าเป็นสุนัขหรือ? มีสติหน่อย”
นางกัดตอบกลับเขา แล้วก็ยกฝ่ามือฟาดตบหน้าเขาอย่างแรง แล้วก็ช่วยโอกาสกดจุดเขาสองตำแหน่งตรงเอว
เซียวปี้เฉิงปล่อยหยุนหลิงอย่างเจ็บปวด สติที่หลุดกระเจิงในที่สุดก็รู้ตัวขึ้นมาบ้าง
หยุนหลิงได้มีโอกาสหายใจ ก็รีบเปิดประตู ตะคอกเรียกด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “ลู่ชี ลู่ชี”
เจ้าทึ่มคนนี้ ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนอีกแล้ว
หยุนหลิงจำต้องเรียกหาคนที่ปกติไม่สนใจใคร “เย่เจ๋อเฟิง”
องครักษ์ร่างโปร่งที่ไม่เคยพูดอะไรสักคำ หลังได้ยินเสียงนางเรียก ก็โผล่ออกมาจากเงาสลัวเหมือนอย่างผี
“จับตัวชิวซวงมัดไว้แล้วโยนไปยังหน้าลานห้องโถง หากไม่ได้รับอนุญาตห้ามใครไปแกะมัด”
ถึงขนมหวานแปลกประหลาดถ้วยนั้นที่ยกไปให้เซียวปี้เฉิง ในใจหยุนหลิงก็พอเดารู้ความจริงแล้ว
นับตั้งแต่ข้ามภพมายังต้าโจว นางไม่เคยโกรธอย่างจริงจังมาก่อน
“นางปีสาจ เจ้าอย่าไป.....”
เซียวปี้เฉิงคว้าเอวของนางมาโดยไม่รู้ตัวและพาเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ปากก็พูดว่าทรมานอย่างไม่หยุด
“ข้าทรมานยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”
หยุนหลิงเอามือปิดปากพูดอย่างไม่ชัดเจน พร้อมถอนหายใจ ในใจโกรธแทบตาย
หยุนหลิงผลักเซียวปี้เฉิงออก รีบจุดตะเกียงน้ำมันที่ดับหมดแล้วให้สว่างขึ้น แล้วค่อยเห็นลักษณะท่าทีของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เขาถอดแก้เสื้อผ้าแล้วครึ่งตัว ผมยาวสีดำแผ่อยู่กลางอก เหมือนโดนรุมโทรม พร้อมปิดท้ายอย่างมีชีวิตชีวาและหอมกรุ่น
“หากไม่ใช่เพราะรูปงาม เจ้าถูกข้าตีตายนานแล้ว”
หยุนหลิงก่นด่าด้วยเสียงต่ำ กำลังคิดจะใช้เข็มหยุดฤทธิ์ยาไว้ กลับพบว่าตอนที่มาไม่ได้เอากล่องยามาด้วย
ภายใต้สภาพที่ค่อนข้างคลุ้มคลั่ง จู่ๆเซียวปี้เฉิงก็รู้สึกเย็นตรงเป้ากางเกง น้ำอาบที่เย็นเฉียบทำให้เขาฟื้นสติขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง แล้วค่อยๆมองเห็นรูปร่างหน้าตาของคนตรงหน้าชัดๆ
เข้าฤดูร้อนแล้ว เดิมปกติหยุนหลิงก็สวมชุดบางเบา ตอนนี้เปียกไปทั้งตัว ยากยิ่งนักที่จะมองดูตรงๆ
เซียวปี้เฉิงกลืนน้ำลายลงคอ
“เจ้า.....”
เมื่อแสงไฟสาดส่องบนใบหน้าเคร่งขรึมของหยุนหลิง เซียวปี้เฉิงกลับอึ้ง ตะลึงจนพูดไม่ออก
ใบหน้าขวาที่ขาวเรียบเนียนนั้น ข้างหนึ่งแดงข้างหนึ่งขาว เหมือนแมวน้อยที่ทำหน้าเปื้อน ไม่มีร่องรอยปานน่าเกลียดอัปลักษณ์
ต่อให้เหมือนใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำยา ก็ไม่สามารถปกปิดความงามล่มบ้านล่มเมือง
เซียวปี้เฉิงจ้องมองดูนางด้วยความประหลาดใจ นางปีศาจคนนี้.....ปานบนใบหน้าเป็นของปลอม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ