องค์ชายาหมื่นพิษ นิยาย บท 9

อาจารย์ของเซียวปี้เฉิงคือบุตรบุญธรรมของอู่อานกง ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีสูตรยาขี้ผึ้งโสมหิมะอยู่ในมือ

เขาใช้เงินทองมากมาย ใช้เวลาสองปีจึงสามารถรวบรวมตัวยาได้ครบ ทั้งยังไหว้วานหลินซินทำขี้ผึ้งโสมหิมะออกมาหนึ่งขวด วางแผนจะมอบให้ฉู่หยุนหานเป็นของขวัญวันเกิด

“ให้เจ้าส่งไปก็ส่งไปสิ ไม่ต้องพูดมาก”

วันนั้นเขาเลือดขึ้นหน้า สั่งให้ลงทัณฑ์เฆี่ยนฉู่หยุนหลิงยี่สิบที ครั้นอารมณ์เย็นลงแล้วพิจารณาอย่างละเอียด การลงทัณฑ์เช่นนี้หนักเกินไปสำหรับอิสตรี

เดิมทีนางก็มีหน้าตาอัปลักษณ์อยู่แล้ว หากบนกายยังมีรอยแผลเป็นอีก นั่นยิ่งไม่เหลือจุดไหนงามตา เซียวปี้เฉิงคิดด้วยความรังเกียจ

อีกทั้งนางยังขจัดความกังวลเรื่องพิษเย็นของเยียนอ๋อง

“งั้นแม่นางหยุนหาน...”

เซียวปี้เฉิงกล่าวเรียบ “นางไม่ต้องใช้ของพวกนี้”

เฉียวเย่พยักพเยิดกับลู่ชี “มีการคุ้มครองจากท่านอ๋อง แม่นางหยุนหานไม่บาดเจ็บหรอก ตามข้าไปเอายาเถอะ”

ลู่ชีได้แต่ไปเอายากับเฉียวเย่ สีหน้าไม่พอใจ

“ใต้เท้าเฉียว ท่านว่าท่านอ๋องจะชอบความรุนแรงหรือเปล่า”

เฉียวเย่เหลือบมองเขาตาหนึ่ง “ควบคุมปากของเจ้าให้ดี อย่าพูดเพ้อเจ้อ”

“ข้าเปล่าเพ้อเจ้อนะ! พระชายาทั้งตบทั้งด่าท่านอ๋อง เมื่อกี้ยังระเบิดอารมณ์ที่เรือนเยี่ยนหุยอีกแน่ะ เกือบจะคว่ำโต๊ะแล้ว แต่ท่านอ๋องกลับไม่ลงโทษนาง!”

เฉียวเย่ยัดกล่องที่บรรจุขี้ผึ้งโสมหิมะให้ลู่ชี “พระชายาขับพิษเย็นให้ท่านเยียนอ๋อง เป็นผลงานใหญ่เรื่องหนึ่ง ท่านอ๋องย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนางอยู่แล้ว”

“แล้วแม่นางหยุนหานเล่า?” ลู่ชีไม่เข้าใจจริงๆ “พระชายาว่าร้ายว่าแม่นางหยุนหานเป็นคนทำเรื่องในงานเลี้ยงคืนนั้น ปกติท่านอ๋องใส่ใจแม่นางหยุนหานที่สุด แต่ครั้งนี้กลับอยู่เฉยเสียได้!”

แถมยังมอบขี้ผึ้งโสมหิมะที่หายากราคาแพงขนาดนี้ให้พระชายาอีก สองวันก่อนท่านอ๋องแทบอยากเอาชีวิตนางชัดๆ

เฉียวเย่นิ่งงัน ที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจจุดนี้เหมือนกัน

ขณะลู่ชีส่งขี้ผึ้งโสมหิมะไปถึงเรือนหลั่นชิงก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นเข้มข้นของอาหารมาแต่ไกลๆ

ห้องครัวคำนึงถึงว่าหยุนหลิงบาดเจ็บ อาหารที่ทำจึงค่อนข้างรสอ่อน ขณะที่ลู่ชีมา หยุนหลิงกำลังกินอาหารที่มีอยู่เต็มโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม

เขากลืนน้ำลายลงอึก เงยหน้ามองขื่อ ฝืนตัวเองไม่ให้ก้มมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะนั่น

“เรียนพระชายา ท่านอ๋องให้ข้าน้อยมาส่งยาให้ท่านขอรับ”

หอมจังเลย นี่คือกระดูกหมูตุ๋น!

“คือยาอะไร” หยุนหลิงหยิบขวดเคลือบใบเล็กในกล่องไม้ออกมา เพิ่มศักยภาพการดมกลิ่น สูดดมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น

ลู่ชีมองท้องฟ้า “ขี้ผึ้งโสมหิมะขอรับ”

หอมจัง นี่คือน้ำแกงเต้าหู้ปลากะพง!

“ยาใช้ภายนอก...หรือยากิน” ดมดูแล้วเหมือนจะเป็นยาภายนอก แต่เห็นท่าทางลู่ชีกลืนน้ำลายแล้ว หยุนหลิงก็ชักไม่แน่ใจ

ลู่ชีมองท้องฟ้าต่อ “ใน...อะไม่ ภายนอกขอรับ!”

หอมจังเล๊ย นี่คือไก่ดำตุ๋นพุทรา!

“มีฤทธิ์อะไร”

ลู่ชียังคงมองท้องฟ้า “รักษาแผลภายนอก ระงับปวดได้ ทาแล้วเวลาแผลตกสะเก็ดจะไม่คันขอรับ”

ห๊อมหอม หิวยิ่งนัก!

“ข้ารับไว้แล้ว ฝากขอบคุณท่านอ๋องแทนข้าด้วย”

“งั้นข้าน้อยขอตัวก่อนแล้ว!”

ลู่ชีหมุนตัวเดินไปไวราวกับเหาะ กลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไม่อยู่กระโจนใส่โต๊ะอาหาร

หยุนหลิงมองตงชิงอย่างเคลือบแคลงสงสัย “นี่องครักษ์ในจวนจิ้งอ๋องเหมือนเซียวปี้เฉิงกันหมดเลยหรือยังไง ชอบใช้จมูกมองคน”

แต่ความสนใจของตงชิงกลับอยู่ที่ขวดเคลือบใบเล็กนั้น สีหน้าตื่นเต้นดีใจ “คุณหนู นี่คือขี้ผึ้งโสมหิมะเชียวนะเจ้าคะ! ท่านอ๋องถึงกับมอบยารักษาแผลล้ำค่าเช่นนี้ให้ท่าน!”

สามีภรรยาหนึ่งวันไมตรีร้อยวันโดยแท้ ท่านอ๋องไม่ได้โหดเหี้ยมไร้หัวใจตามคำร่ำลืออย่างนั้น

หยุนหลิงค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวกับยารักษาแผล ตระหนักว่าของสิ่งนี้เป็นของหายาก มูลค่ามหาศาล

สีหน้านางผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้เซียวปี้เฉิงผู้นี้จะไม่น่าชมชอบ แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว

ครั้นเปิดจุกออก ของเหลวสีเขียวอ่อนดุจหยกใส กลิ่นหอมอ่อนๆ จรุงใจโชยมา หยุนหลิงได้กลิ่นส่วนผสมหลักสองสามชนิดอย่างรวดเร็ว

ของสิ่งนี้ไม่เลวจริงๆ แต่ยังมีจุดที่พัฒนาได้อีก

หยุนหลิงตัดสินใจจะค้นสูตรยาออกมา ปรับปรุงแล้วก็ทำต้นทุนให้ต่ำ ขายในราคาสูง ค้ากำไรให้ได้มากๆ!

“องค์กร?”

“อ้อ ข้าหมายถึงสำนักของเรา”

องค์กรแฮปปี้ที่ถูกพันมีดน่าตายนั่น

ครั้นนึกถึงพี่น้องสามคนที่พึ่งพาอาศัยกันแต่เล็ก ร่วมเป็นร่วมตายหลายหนแล้ว หยุนหลิงก็หดหู่อย่างห้ามไม่อยู่

เซียวปี้เฉิงรู้สึกว่าในคำพูดของนางมีความเคียดแค้นอยู่บางส่วน “อาจารย์ของเจ้ายังมีศิษย์อีกหรือ คนอื่นๆ ก็มีวิชาแพทย์สูงส่งเหมือนเจ้าหรือ”

เขารออยู่ค่อนวัน หยุนหลิงก็ยังไม่พูด บรรยากาศในรถม้าคล้ายกับอึมครึมเล็กน้อย

เซียวปี้เฉิงรู้สึกได้ว่านางอารมณ์ไม่ค่อยดี ในเมื่อไม่อยากพูด เขาก็จะไม่ถามมาก

เพราะเขากับฉู่หยุนหลิงไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน

รถม้าค่อยๆ หยุดอยู่ที่จวนเหวินกั๋วกง หยุนหลิงประคองเซียวปี้เฉิงลงจากรถม้าและพบกับฉู่หยุนหานด้วยความบังเอิญ

ข้างตัวฉู่หยุนหานมีบุรุษชุดเขียวยืนอยู่คนหนึ่ง นั่นคือพี่ชายแท้ๆ ของนางฉู่หยุนเจ๋อ ทั้งสองกำลังส่งบุรุษชุดหรูหราผ้าไหมคนหนึ่ง สีหน้าไม่สู้ดีนัก

ตามความทรงจำในหัว หยุนหลิงจำได้ว่าบุรุษชุดหรูหราผู้นั้นคือเฟิงเหยียนหลานชายในภรรยาเอกของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเฟิง หลานชายของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน

ตระกูลคนผู้นี้มีอำนาจล้นฟ้า ปกติกระทำการโอหังวางอำนาจ ขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาลอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้อง

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าคนนี้ก็ชอบฉู่หยุนหานเหมือนกัน เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเซียวปี้เฉิง

“นี่มิใช่จิ้งอ๋องเทพสงครามแห่งต้าโจวหรอกหรือ ไม่พบหลายวัน ระยะนี้สุขสบายดีหรือไม่”

พอเฟิงเหยียนหันไปเห็นเซียวปี้เฉิงกับหยุนหลิงก็อึ้งเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและเป็นสุขที่เห็นผู้อื่นเดือดร้อน

“เห็นว่าสองสามวันก่อนท่านอ๋องแต่งงาน แต่ข้าผู้เฟิงไม่เข้าใจจริงๆ ฉู่หยุนหลิงหญิงขี้ริ้วขี้เหร่ที่อัปลักษณ์เช่นนี้ของเมืองหลวงจะคู่ควรกับเทพสงครามแห่งต้าโจวได้ยังไง ฝ่าบาทประทานสมรสด้วยเหตุอันใด ไม่ทราบจะพอไขข้อข้องใจข้าน้อยได้หรือไม่”

เฟิงเหยียนรู้แต่ยังแกล้งถาม พยักพเยิดกับคนคุ้มกันที่อยู่ด้านหลัง คิดจะให้ผสมโรงทำให้เซียวปี้เฉิงขายหน้ากลางถนน

หยุนหลิงกำลังอารมณ์ไม่ดี เจอกับเขาที่แส่หาเรื่องมา จึงโพล่งออกไปทันใด

“ปากเหม็นอย่างนี้ เจ้ากินอุจจาระเติบใหญ่กระมัง”

ครั้นคำพูดนี้โพล่งออกมา ทุกคนก็พลันเปลี่ยนสีหน้า

ไม่เคยมีผู้ใดกล้าพูดกับเฟิงเหยียนเช่นนี้มาก่อน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ