หลังจากออกมาจากวัง ฉีเฟยอวิ๋นดูท่าทีเศร้าสร้อย ดูเหมือนเรื่องเด็กจะเป็นเรื่องสำคัญ
แต่เรื่องตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ไม่ใช่ว่าอยากจะท้องก็สามารถตั้งท้องได้ทันที
ไม่เพียงแค่นั้น หากตั้งครรภ์จริง ก็เกรงว่าจะอธิบายยากอยู่
จักรรพรรดิมีทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ คนในตระกูลท่านอ๋องเย่ก็ต้องรีบอยากจะให้ตั้งครรภ์ คนนอกคงไม่ให้ความสำคัญเท่าไรนัก แต่จักรพรรดิอวี้ตี้จะคิดอย่างไร?
แล้วฮองเฮาจะคิดอย่างไร?
แต่ฉีเฟยอวิ๋นตกใจอย่างมากที่เฉินอวิ๋นชูกำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้
ยาเหล่านั้นที่สามารถคุมกำเนิดก็ทานทั้งหมดแล้ว ร่างกายของนางเองก็สามารถฟื้นฟูขึ้นได้ แต่เฉินอวิ๋นชูอาจไม่ทำเช่นนั้น นอกเสียจากว่าเฉินอวิ๋นชูกินยาถอนพิษไว้ก่อนล่วงหน้า
เช่นนั้นเรื่องนี้คนที่โชคร้ายที่สุดก็คงเป็นจวินฉูฉู่เพียงคนเดียว
และตอนนี้ หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วเฉินอวิ๋นชูจะคิดอย่างไร?
นางรู้ความจริงแล้วว่ายาใช้ไม่ได้ผล
หากใช้ไม่ได้ผลจริง แล้วจวินฉูฉู่จะมีอาการมดลูกเย็นได้อย่างไรกัน
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ยานั้นทำให้มดลูกของผู้หญิงเย็น และจวินฉูฉู่ก็ถูกทำร้ายโดยฮองเฮา จึงทำให้มดลูกของนางเย็น
หากนางตั้งครรภ์จริง ฮองเฮาจะต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้น เมื่อไม่ตั้งครรภ์ ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง
แต่พระพันปีรีบร้อนอยากจะอุ้มหลาน นางก็ไม่กล้าที่จะตอบตกลง
บรรยากาศในรถม้าเงียบมาก สิ่งเดียวที่ฉีเฟยอวิ๋นแสดงออกมาเมื่อขึ้นบนรถม้าก็คือ นั่งเหม่อลอย!
จิ้งจอกหางสั้นคลานอยู่ข้างๆ เธอ ขดตัวเป็นวงกลม เงยศีรษะขึ้นและร้องเรียกหลายครั้ง แต่เธอไม่ได้ยินเลย
หนานกงเย่ที่อยู่ข้างๆ เธอ สะกิดขาของเธอด้วยเท้าที่สวมถุงเท้าสีขาว ฉีเฟยอวิ๋นหันมองดู และกดเท้าของหนานกงเย่ใต้ขาของเธอ และกล่าวอย่างโกรธเคือง "ท่านก็รู้ดีว่าไม่มี แต่ท่านกลับพูดเรื่อยเปื่อยออกไป หากไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ข้าจะคอยดูว่าท่านจะแก้ตัวเช่นไร?"
"แก้ตัวนั่นเป็นเรื่องของอนาคต หลีกเลี่ยงการแต่งตั้งพระสนมของท่านอ๋องตวนถึงเป็นเรื่องสำคัญ" หนานกงเย่ลุกขึ้นและจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นพร้อมกับขยับเข้าใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เธอต้องการคิดจะขยับถอย ด้านหลังของเธอเป็นแผ่นกระดานรถม้า จะถอยก็ไม่มีทางให้ถอย ทำให้เพียงนอนลงตรงนั้น
จิ้งจอกหางสั้นลุกขึ้นและมองดูพวกเขาทั้งสองด้วยความขุ่นเคือง และออกจากรถม้าไปหาคนบังคับรถม้า
เมื่อคนบังคับรถม้าหันมาเห็นจิ้งจอกหางสั้นที่กำลังพยักหน้าและหันไปทางเธอ
นี่เป็นหนึ่งในของรักของหวงของพระชายา ไม่สามารถทำให้โกรธเคืองได้
จิ้งจอกหางสั้นกลับไม่สนใจ และดวงตาของมันเปล่งประกายราวกับไข่มุกในยามค่ำคืน จ้องมองไปที่ผู้คนบนถนนและตรอกซอกซอย
เด็กคนหนึ่งเห็นจิ้งจอกหางสั้นจึงชี้และตะโกนว่า "แม่ ข้าต้องการ"
จิ้งจอกหางสั้นขยับหูแล้วหันหลังกลับเข้าไปในรถม้า
แม่ของเด็กเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาและเห็นเพียงคนบังคับรถม้า จึงยกมือขึ้นตีเด็ก "พูดจาไร้สาระ"
หลังจากพูดจบก็รีบโค้งคำนับคนบังคับรถม้าเพื่อเป็นการขอโทษ เพราะเกรงว่าจะสร้างความขุ่นเคืองให้คนบังคับรถม้า
คนบังคับรถม้าไม่ได้สนใจอะไร แต่แปลกที่เจ้าจิ้งจอกหางสั้นกลับดูเหมือนจะได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นอย่างมาก
ในรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นถูกฉีกเสื้อผ้าท่อนบนของเธอ และกำลังหอบเหนื่อย จ้องไปที่ชายคนนั้นบนร่างกายของเธอด้วยความโกรธ
ผู้ชายคนนี้ชอบทำเรื่องเช่นนี้ข้างนอก โดยไม่รู้สึกเขินอายบ้างเลย
อย่างไรก็ตาม ภายนอกรถม้าก็ยังมีคนบังคับรถม้าอยู่ เขาไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันน่าอายขนาดไหน!
เมื่อจิ้งจอกหางสั้นเข้ามา หนานกงเย่ดึงมือ ลุกขึ้นกอดฉีเฟยอวิ๋น และห่มผ้าให้ฉีเฟยอวิ๋น แม้ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายแต่ก็ไม่สามารถให้เห็นได้
เจ้าจิ้งจอกหางสั้นหมอบลงเพื่อนอนและไม่ได้สนใจที่จะอยากดู
ฉีเฟยอวิ๋นหายใจหอบบนไหล่ของหนานกงเย่
อารมณ์รักอันร้อนรุ่มเดือดพล่านไปทั่วร่างของหนานกงเย่ และไฟในหัวใจของเขาไม่เคยดับลง แต่มันกลับยิ่งลุกไหม้ขึ้น แต่ต่อหน้าเจ้าจิ้งจอกหางสั้น เขาต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้
หนานกงเย่กล่าวกระซิบคนที่อยู่ในอ้อมกอด "เมื่อสักครู่ทำไมถึงเสียงดังเช่นนั้น?"
ฉีเฟยอวิ๋นมีที่ไหนจำเรื่องที่ตัวเองร้องออกไปเสียงดัง เขาต่างหากที่ไม่รู้จักอาย
แต่เธอรู้ดีว่าเขาไม่พอใจที่เจ้าจิ้งจอกหางสั้นเดินเข้ามา
ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวเพื่อมานอนในอ้อมแขนของหนานกงเย่ "เหนื่อย!"
"ข้าเป็นคนปรนนิบัติเจ้า ข้าไม่เห็นจะเหนื่อยเลย แต่เป็นเจ้าที่เหนื่อยหรือ?" หนานกงเย่กล่าวพร้อมกับยิ้ม
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ "พวกเราสามารถหลบหลีกเรื่องการแต่งตั้งพระสนมของจวนท่านอ๋องตวนได้ แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงการแต่งตั้งพระสนมของจวนท่านอ๋องเย่ของพวกเราได้นะเพคะ ท่านจะดีใจอะไร? วันข้างหน้าเรื่องนี้จะต้องถูกพูดถึง"
"เจ้าช่างขี้อิจฉาเสียจริง ข้าเป็นถึงท่านอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็มีแค่พระชายาเอกเพียงคนเดียว" หนานกงเย่บีบใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋น
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดเรื่องพระชายารองก็ตาม แต่เขามีตำแหน่งสูงศักดิ์เป็นถึงราชวงศ์ เรื่องการแต่งงานต้องขึ้นอยู่กับจักรพรรดิและเสด็จแม่ ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุผล
แต่เธอกลับบังคับไม่ให้เขามีพระชายารอง กลับทำให้เขาไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร
"เรื่องนี้ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ ข้าจะส่งคนไปบอกเสด็จแม่อย่างลับๆ แต่เจ้าต้องตั้งครรภ์ให้ข้าก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่ฮองเฮาทำไมถึงทำเช่นนี้นั้น ข้าจะต้องสอบให้รู้ให้ได้"
หนานกงเย่ลูบฉีเฟยอวิ๋น "เรื่องนี้เจ้าควรจะบอกข้าตั้งแต่แรก"
"ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนเพิ่งจะดีกันได้ไม่เท่าไรนัก บวกกับช่วงนี้ฮองเฮาก็ไม่ได้เรียกข้าเข้าวังไปพบ ข้าก็เลยลืมมันไป" ฉีเฟยอวิ๋นจำไม่ได้แล้วจริงๆ
หนานกงเย่พิงไปที่รถม้า ขาเรียวยาวของเขาขดตัว ฉีเฟยอวิ๋นเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของเขา และทั้งสองคนพักผ่อนอย่างผ่อนคลาย แต่ไม่ละทิ้งความสง่างาม
ฉีเฟยอวิ๋นนอนลงบนตักของหนานกงเย่ และคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
หนานกงเย่สัมผัสผมสีดำเรียบของเธอราวกับสัมผัสแมวน้อยและลูกสุนัขด้วยความรัก "ครั้งนี้ทั้งสองตำหนักต่างก็เรียกเข้าพบในเวลานี้ เท่ากับว่าต้องการที่จะแต่งตั้งพระชายารอง ข้าและท่านอ๋องตวนแต่งงานมาได้ก็ระยะหนึ่งแล้ว หากไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรก็ควรจะมีลูกได้แล้ว"
"สาเหตุที่ทั้งสองตำหนักต่างวิตกกังวล ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องของการสืบทอดราชบัลลังก์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความต่อเนื่องของการมีทายาทสืบพันธุ์ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าไม่สามารถให้คำอธิบายได้ จะต้องอภิเษกสมรสกับพระชายารองพร้อมกับท่านอ๋องตวน"
"หมายความว่าอย่างไร? ทำไมท่านถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าท่านอ๋องตวนจะต้องอภิเษกสมรสกับพระชายารอง หรือว่าพวกท่านคุยกันดีแล้ว?" ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ ลุกขึ้นและลมองไปที่หนานกงเย่ พวกเขาเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น แต่ฟังจากที่เขาพูดเรื่องการอภิเษกสมรสดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง
"พระมเหสีหวาเป็นคนเข้มแข็ง ในปีนั้นเสด็จแม่มีศักดิ์เป็นฮองเฮา นางไม่เคยแม้แต่จะอ่อนข้อเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเสด็จพ่อ บ่อยครั้งที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องความเท่าเทียมกันกับเสด็จแม่"
"เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของเสด็จพ่อ พระมเหสีหวาก็ยังคงทำตัวเช่นนั้น แล้วทำไมพระองค์จะต้องมาสนใจท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนด้วย เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว"
"เพราะที่ข้ารู้มา พระมเหสีหวาได้เรียกพบฉีกั๋วกงแล้ว และต้องบอกกันแล้วอย่างแน่นอน"
"หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แน่ๆ"
ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะเข้าใจ "เช่นนั้นวันนี้ท่านก็เตรียมการมาก่อนล่วงหน้าแล้ว?"
"ไม่ใช่ ข้ารู้มาว่าพระมเหสีหวาต้องการจะแต่งตั้งพระชายารองให้กับท่านอ๋องตวน แต่ข้าไม่รู้ว่าทั้งสองตำหนักต่างมีเรื่องดี"
"เช่นนั้นจุดประสงค์ของท่านก็ไม่ใช่การอภิเษกสมรสกับพระชายารอง?" ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ หนานกงเย่ยิ้มและลูบไล้ที่จมูกของเธอ
"แค่นี้ก็มีความสุขหรือ?"
"เพคะ"
หนานกงเย่ตกตะลึงครู่หนึ่ง จริง ๆ แล้วเธอไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ
ทั้งสองยังคงพูดต่อไปโดยดึงแขนและโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ "แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าการอภิเษกสมรสกับพระชายารองของท่านอ๋องตวนจะส่งผลต่อท่าน"
"ช่างโง่เขลานัก ข้าคิดว่าเจ้าจะฉลาด ข้าพูดไปชัดเจนขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?" หนานกงเย่รู้สึกโกรธเคือง เรื่องใหญ่เธอมักจะคิดเยอะกว่าใครคนอื่น แต่กับเรื่องแบบนี้เธอกลับโง่เขลายิ่งนัก!
แต่เขากลับพูดด้วยความมั่นใจ "ข้าและท่านอ๋องตวนอภิเษกสมรสวันเดียวกัน เขาไม่มีข่าวดี ข้าก็ไม่มีข่าวดี ว่าตามหลักแล้วก็ควรจะอภิเษกสมรสกับพระชายารอง นี่ก็เป็นเพียงกฎที่ไม่ได้ถูกเขียนไว้"
"ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลราชวงศ์ช่างเหนื่อยเหลือเกิน!" ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาลง และไม่ต้องการคิดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว หนานกงเย่จัดชุดของเธออย่างดี และกลับไปที่จวนท่านอ๋องเย่พร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ