องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 180

ทั้งสองคนโอบกอดกันและกัน ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสได้ คืนนี้หนานกงเย่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างกระวนกระวายใจ

ครั้นตื่นขึ้นมาในยามเช้าอารมณ์ของหนานกงเย่ก็ดีขึ้น แต่ยังขุ่นเคืองอยู่บ้าง

“ข้าจะไปดูเขื่อนตู้ฟางจุน กลับมาก็จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท” หลังจากพูดคุยกับหนานกงเย่เรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปศึกษาเรื่องพิษของจักรพรรดิอวี้ตี้ต่อ

ช่วงกลางวันฉีเฟยอวิ๋นออกจากห้องทดลองเพื่อไปกินอาหาร อาอวี่ได้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน : “พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จริงรึ? เมื่อวานเจ้าไปที่แห่งนั้นมาแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาบอกข้าว่าเกิดเรื่องใหญ่อีก ข้าว่าเจ้าต่างหากที่จะเกิดเรื่องใหญ่ ถึงได้โหวกเหวกโวยวายอกสั่นขวัญแขวนถึงเพียงนี้” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

อาอวี่สีหน้าหม่นหมองลง ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งอยู่ยิ่งร้ายกาจขึ้น

“ว่ามา มีเรื่องอะไร?” ฉีเฟยอวิ๋นหมดความอดทน

นางเสียใจที่ให้ทังเหอไปดูแลร้านเหล่านั้น น่าจะส่งอาอวี่ไปต่างหาก

“ท่านอ๋องตวนเกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” สีหน้าของอาอวี่ร้อนใจมาก ฉีเฟยอวิ๋นกลับทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ คงไม่ถึงตายหรอกกระมัง

“ไม่ใช่เรื่องของท่านอ๋องเย่ เขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างเขาสิ ไม่เกี่ยวกับเรา ข้ามีเรื่องต้องทำ อย่างมารบกวน” ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะเดินไปศึกษาพิษของจักรพรรดิอวี้ตี้ต่อ

“พระชายา ท่านอ๋องตวนโดนมีดนับไม่ถ้วนแทงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เป็นตายร้ายดีเท่ากัน จวนอ๋องตวนอลหม่านมาก ท่านอ๋องเย่ให้ข้ากลับมาโดยเร็ว เขาบอกว่าจะให้ท่านอ๋องตวนมาในเรือนของเราพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นพรวดลุกขึ้นทันที จากนั้นก็มองไปยังอาอวี่ : “มีดนับไม่ถ้วนรึ?”

“พระชายา รีบไปเถอะ ช้ากว่านี้เกรงว่าคงจะไม่ทันการณ์” อาอวี่หมุนตัวและวิ่งออกไป ฉีเฟยอวิ๋นกระวนกระวายใจมาก จากนั้นก็เรียกคนให้เตรียมพร้อมโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก

ไม่นาน ท่านอ๋องตวนก็ถูกคนหามเข้ามาทางประตู ตามมาด้วยคนกลุ่มหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตกใจอย่างมาก หนานกงเย่กลับมาด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเลือด ฉีเฟยอวิ๋นรีบเดินเข้าไปหาด้วยความตกใจ : “เจ้าได้รับบาดเจ็บรึ? ตรงไหนเจ้าคะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นดึงตัวหนานกงเย่มาตรวจดู ด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ข้าไม่เป็นไร นั้นคือเลือดของพี่รอง เจ้ารีบไปดูเถอะ พี่รองเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” หนานกงเย่ดึงตัวของฉีเฟยอวิ๋นไปตรวจคนที่ถูกหามเข้ามา

ครั้นฉีเฟยอวิ๋นได้ยินว่าหนานกงเย่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นก็ตามฉีเฟยอวิ๋นไปตรวจดูอาการของท่านอ๋องตวน ซึ่งมองไม่ออกว่าเป็นอย่างไร เพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด

ครั้นฉีเฟยอวิ๋นเดินมาถึงตรงหน้าของท่านอ๋องตวนก็รีบตรวจดูอาการทันที มือข้างหนึ่งจับข้อมือของเขาไว้ เพื่อตรวจชีพจรของเขา

ชีพจรของเขาอ่อนแอมาก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเริ่มตรวจอาการทันที

หลังตรวจพบว่าไม่เพียงแค่บาดแผลฉกรรจ์

ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือและตรวจดวงตาของท่านอ๋องตวน รอบดวงตาเป็นสีแดง ริมฝีปากก็ยังมีสีม่วงคล้ำ

ฉีเฟยอวิ๋นง้างปากของท่านอ๋องตวนเพื่อตรวจดูด้านใน เนื้อเยื่อใต้ผิวปรากฏเป็นเส้นเลือดสีดำ เห็นได้ชัดว่าพิษได้แล่นเข้าสู่หัวใจแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางอาอวี่ : “รีบพาตัวไปยังเรือนของข้า”

อาอวี่พาคนช่วยกันหามท่านอ๋องตวนไปยังเรือนของฉีเฟยอวิ๋น ระหว่างทางหนานกงเย่ก็ได้คว้ามือของฉีเฟยอวิ๋นไว้ ให้นางเดินช้าลง

ฉีเฟยอวิ๋นร้อนใจอย่างมาก จึงยกชายกระโปรงและวิ่งไปอย่างอดไม่ได้

หนานกงเย่ทำได้แค่ตามมาอธิบายต้นสายปลายเหตุให้แก่ฉีเฟยอวิ๋น หลีกเลี่ยงไม่ให้นางวิ่ง จนกระทบทั้งแม่ทั้งลูก

“เดิมทีข้าตั้งใจจะเข้าวัง แต่มีคนบอกว่าท่านอ๋องตวนเกิดเรื่อง ข้าจึงรีบมายังตรอกด้านหลังจวนอ๋องตวน ซึ่งท่านอ๋องตวนกำลังปะทะอยู่กับนักฆ่าหลายคน

อีกทั้งคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วย หากไม่ใช่เพราะข้ามาทันเวลา ป่านี้ท่านอ๋องตวนคงจบชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย”

ฉีเฟยอวิ๋นเย็นชาลง : “แล้วท่านอ๋องตวนถึงไปทำอะไรอยู่ในตรอกด้านหลังละเจ้าคะ?”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ คงต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมา” หนานกงเย่เองก็สงสัยเช่นกัน ว่าเป็นฝีมือของใคร?

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกแปลกใจมาก : “ท่านอ๋อง เขาจะกล่าวหาเราไหมเจ้าคะ?”

หนานกงเย่ส่ายหน้า : “ไม่ทราบ”

หนานกงเย่แสดงสีหน้าสงสัย ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ไม่รู้จะกล่าวอะไร นางรีบไปตรวจอาการของท่านอ๋องตวน จากนั้นก็ยกชายกระโปรงและเดินไป หนานกงเย่ที่อยู่ตามมาด้านหลังก็ขวางไว้ไม่ได้ กระทั่งโน้มตัวลงมาอุ้มฉีเฟยอวิ๋นและพานางไปยังสวนดอกกล้วยไม้

ครั้นมาถึงสวนดอกกล้วยไม้ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเข้าไปดูอาการของท่านอ๋องตวน จากนั้นก็สั่งให้คนอื่นออกไป เหลือเพียงแต่หนานกงเย่และอาอวี่ หงเถาและลี่ว์หลิ่ว

อาอวี่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก หงเถาและลี่ว์หลิ่วเตรียมน้ำร้อนเพื่อชำระล้าง เหล่าหมอประจำจวนได้แต่รออยู่นอกสวนดอกกล้วยไม้

ฉีเฟยอวิ๋นทำการปิดประตู และหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา กรีดไปบนข้อมือเล็กน้อย อย่างชำนาญการ

หนานกงเย่เจ็บปวดใจอย่างมาก แต่กลับไม่เข้าไปขวางนางแต่อย่างใด

ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มง้างปากของท่านอ๋องตวน และหยดเลือดลงไปในปากของท่านอ๋องตวน ปากของท่านอ๋องตวนที่เดิมทีเป็นสีม่วงคล้ำ ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นรอจนกระทั่งสีหน้าของท่านอ๋องตวนค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ จึงได้พันข้อมือ

“หงเถาลี่ว์หลิ่ว เข้ามา” ฉีเฟยอวิ๋นวางมีดไว้ด้านข้าง และเดินไปชำระล้างร่างกายให้แก่ท่านอ๋องตวน เสื้อผ้าได้ถูกมีดนับสิบกรีดจนเห็นเนื้อหนัง รอยมีดลึกจนเห็นกระดูกแทบจะคร่าชีวิต

ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลงตรวจสอบบาดแผล กระทั่งเห็นบาดแผลมากมายบนตัวขา ฉีเฟยอวิ๋นผงะทันที จากนั้นก็มองไปยังหนานกงเย่: “ท่านอ๋อง เจ้าดูนี่สิ”

หนานกงเย่เดินขึ้นหน้า และก็ผงะไปเล็กน้อย

“พวกเขาต้องให้ท่านอ๋องตวนคุกเข่า แต่ท่านอ๋องตวนไม่ยอม พวกเขาจึงใช้มีดบีบบังคับเขา” ฉีเฟยอวิ๋นเองก็คิดเช่นนี้ ทักษะการต่อสู้ของท่านอ๋องตวนไม่เท่าไร คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่มีฝีมือสูง พวกเขาต้องการให้ท่านอ๋องตวนคุกเข่า แต่ท่านอ๋องตวนไม่ยอม พวกเขาจึงบีบบังคับท่านอ๋องตวนมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้มีดปักลงไปบนขาทั้งสองข้างของเขา ท่านอ๋องตวนก็ยังไม่ยอมคุกเข่า พวกเขาจึงลงมือหักขาของเขา

ฉีเฟยอวิ๋นกรีดลงไปบนหัวเข่าของท่านอ๋องตวน เพราะเข่าข้างหนึ่งของเขาบวมแดงแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดว่าท่านอ๋องตวนจะไม่ยอมคุกเข่า กระทั่งพวกเขาต้องใช้วิธีการมากมาย

เนื้อบริเวณข้อพับเข่านั้นเจ็บปวดที่สุด มีดเล่มเดียวสามารถตัดเอ็นจนขาดได้ จะต้องเจ็บปวดร้าวรานมากอย่างแน่นอน และจะใช้การไม่ได้อีก

ฉีเฟยอวิ๋นรีบจัดการบาดแผลบนร่างกายของท่านอ๋องตวน หลังจากที่ชำระล้างแล้วก็ทำการห้ามเลือด

“ไปเชิญหมอประจำจวนเข้ามาสองคน” ฉีเฟยอวิ๋นออกคำสั่ง หมอประจำจวนด้านนอกก็รีบเข้ามาเพราะเตรียมตัวไว้แล้ว กระทั่งถกแขนเสื้อและเริ่มทำงานทันที

เวลานี้จวินฉูฉู่ได้มาถึงที่แห่งนี้แล้วเช่นกัน นางถลันเข้ามาพลางหาคนของตนทันที : “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเจ้าคะ?”

จวินฉูฉู่ไม่เป็นอะไรแล้ว แน่นอนสิ เพราะยาของฉีเฟยอวิ๋นนั้นยอดเยี่ยมมาก หลังจากที่นางได้ใช้ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะบอกว่าอาจจะทิ้งรอยแผลไว้ แต่สุดท้ายกลับไม่ทิ้งรอยแผลใด ๆ ไว้แม้แต่นิดเดียว

แต่จวินฉูฉู่ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจต่อฉีเฟยอวิ๋น ตรงกันข้ามจวินฉูฉู่ยังคงเกลียดชังฉีเฟยอวิ๋น

ดังนั้นนางจึงไม่ยอมกล่าวขอบคุณ ต่อให้ท่านอ๋องตวนจะกล่าวอย่างไร นางก็ไม่ยอมฟัง

“หม่อมฉันพยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ฝ่าบาทเองก็ต้องทรงเตรียมใจไว้บ้างนะเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเรื่องอื่นไม่ออก แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะยังมีลมหายใจ แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ

จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนขึ้น ไม่นานก็มีคนปรี่เข้ามาจากข้างนอก

พระมเหสีหวารีบเข้ามาในสวนดอกกล้วยไม้ด้วยความรีบร้อน : “เหยี่ยนเอ๋อร์ เหยี่ยนเอ๋อร์....”

“อย่าส่งเสียงดัง พระมเหสีโปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบพันแผลเดี๋ยวนี้”

“ขวางพระมเหสีไว้” จักรพรรดิอวี้ตี้รีบออกคำสั่ง เป็นคู่บารมีของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

สวีกงกงรีบขวางพระมเหสีหวาไว้ด้านนอก พระมเหสีหวาร้องไห้จนเกือบจะสลบไป

หนานกงเย่เดินตามเข้ามาพร้อมกับพระพันปี

พระมเหสีหวาจึงได้สงบลง อยากเข้าพบหนานกงเหยี่ยน พระพันปีตะโกนใส่นางอย่างฉับพลัน : “รีบเงียบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้ หากอ๋องตวนเป็นอะไรไป ข้าจะฝังเจ้าลงไปด้วย”

พระพันปีโกรธเคืองมาก พระมเหสีหวาจึงรีบหยุดพูดทันที

พระมเหสีหวายืนจับเสื้อคลุมด้วยความเป็นกังวล คนโดยรอบต่างทยอยกันคุกเข่าลง

พระพันปีมองเข้าไปในห้องและเอ่ยถามว่า : “ยังอีกนานไหม?”

“ฝ่าบาทยังประทับอยู่ในห้อง คงต้องรออีกชั่วครู่ พระพันปีได้โปรดรอสักครู่ บ่าวจะยกเก้าอี้มาให้เพคะ”

สวีกงกงรีบย้ายเก้าอี้มาโดยเร็ว จากนั้นก็ประคองพระมเหสีหวานั่งลง

พระมเหสีหวาร่ำไห้อยู่ตลอด

ครั้นฉีเฟยอวิ๋นพันแผลให้แก่ท่านอ๋องตวนเสร็จ นางเกือบจะเป็นลม กระทั่งโอนเอนไปมา จักรพรรดิอวี้ตี้เข้ามาประคองไว้ได้ทัน

ในตอนที่หันกลับไปฉีเฟยอวิ๋นก็ก้มหน้าลงและถอยออกไป

“ยกท่านอ๋องตวนมานอนด้านข้าง ระวังด้วย”

เหล่าหมอประจำจวนก็พากันเข้ามา และช่วยกันยกไปนอน

ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนนั้น เหล่าหมอประจำจวนเก็บของ พระพันปีและพระมเหสีหวาก็เข้ามา

ครั้นเห็นสภาพของท่านอ๋องตวน ร่างกายของพระมเหสีหวาเกือบล้มไปกับพื้น พระพันปียื่นมือออกไปออกไปประคอง พระมเหสีหวาจึงได้ยืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง ครั้นเห็นบุตรชายน้ำตาของพระมเหสีหวาก็ไหลพราก อ้าปากค้างแต่ไม่กล่าวอะไรออกมา

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า : “เขาต้องการพักผ่อน ตอนนี้ข้าทำได้เพียงแค่รักษาชีวิตเขาไว้ แต่ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เสียเลือดมากก็เรื่องหนึ่ง ตั้งแต่แรกกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

ชีวิตคนเราบางครั้งก็ต้องมีความหวังบ้าง หากเขาอยากมีชีวิตต่อไป แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแค่ผ่านเวลานี้ไปได้ เขาจะมีชีวิตต่อ

แต่หากเขาไม่อยากมีชีวิตต่อ ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ ข้ารักษาให้เขาได้ แต่เขาก็ต้องมีใจอยู่ต่อด้วย

ในสองชั่วยามนี้ เขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เรื่องนี้ข้าเองก็เป็นห่วง”

ฉีเฟยอวิ๋นเองก็เหนื่อยแทบขาดใจ กล่าวออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ