มหาเสนาบดีเฉินจัดการที่เรือนเรียบร้อยแล้วได้รีบเดินทางเข้าพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้า
แต่ช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้หนานกงเย่ไปถึงก่อน
สองวันมานี้องค์จักรพรรดิอวี้ตี้อยู่ที่พระตำหนักของฮองเฮาตลอดเลย หนานกงเย่เข้ามาก็มุ่งตรงไปที่พระตำหนักเฟิ่งอี๋ทันที
“กราบทูลฝ่าบาท ท่านอ๋องเย่ต้องการเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
สวีกงกงกราบทูล องค์จักรพรรดิอวี้ตี้แปลกใจ กล่าวว่า “ได้!”
หนานกงเย่เข้ามา และยื่นกระบี่ม่อเสียส่งไป สวีกงกงรีบใช้สองมือประคองรับไว้
เฉินอวิ๋นชูชะงักงัน กล่าวว่า “ท่านอ๋องเย่?”
หนานกงเย่มีสีหน้าลำบากใจ กล่าวว่า“ฝ่าบาท ข้าเพิ่งกลับมาจากจวนมหาเสนาบดี อีกทั้งได้ต่อยทำร้ายเฉินอวิ๋นเจี๋ย และยังบังคับมหาเสนาบดีจัดการเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ ข้ามายอมรับผิด”
เฉินอวิ๋นชูสีหน้าซีดเผือด กลางฝ่ามือมีเหงื่อออก
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ชำเลืองมองเฉินอวิ๋นชู และมองหนานกงเย่อย่างไม่เข้าใจ กล่าวขึ้นว่า “เจ้าทำเยี่ยงนี้คล้ายดั่งมาคิดบัญชีกับข้า เจ้ามายอมรับผิดหรือ?”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”หนานกงเย่ตอบเสียงดังก้องกังวาน
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “มีเรื่องอันใดรีบกล่าวมา ข้าไม่มีเวลาว่างเสียเวลากับเจ้า ข้านำกระบี่นั่นมอบแก่อวิ๋นเจี๋ย เจ้าก็ไม่พึงพอใจหรือ?”
“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้ต่อยตีเฉินอวิ๋นเจี๋ยเพราะเรื่องกระบี่นี่ แต่กระบี่นี่ถูกนำมาเพราะเขาขวางข้าที่ข้าจะจัดการกับเฉินอวิ๋นเอ๋อร์”
“รีบกล่าวมา”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวอย่างหงุดหงิดใจ
หนานกงเย่กล่าวว่า “อวิ๋นอวิ๋นได้รับบาดเจ็บ!”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้สายตาอึมครึม อารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างหยุดลงทันที จากนั้นกล่าวว่า“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
“สองวันมานี้ที่ข้าไม่ได้เข้าเฝ้าเข้าราชสำนักเพราะเรื่องนี้ ขุดลอกเขื่อนตู้ฟางจุนวันนั้น อวิ๋นอวิ๋นถูกหลอกออกไปนอกเมือง ถูกยาจกพัวพัน จุดมุ่งหมายของพวกมันไม่ใช่จะสังหารคน และก็ไม่ได้จะลักพาตัว เพียงแต่ต้องการทำให้อวิ๋นอวิ๋นด่างพร้อย
อวิ๋นอวิ๋นไม่ยินยอม เลยถูกพวกมันทำร้ายร่างกาย
อีกนิดเดียวก็ตาย วันนี้ถึงได้ปลอดภัย”
“ห้ะ?”เฉินอวิ๋นชูลุกขึ้นถอยหลัง แหวกกระโปรงออกแล้วนั่งคุกเข่าลงกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดอภัย หม่อมฉันควรได้รับโทษตายพันครั้งเพคะ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ชำเลืองมองฮองเฮา กุมมือแน่นกล่าวว่า “แน่ใจว่าพระชายาเย่มิเป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”
“ฝ่าบาท ช่วงนี้อวิ๋นอวิ๋นไม่สามารถออกมาได้ นอนพักผ่อนอยู่ที่เรือน แต่ข้าไม่สามารถคลายความโกรธนี้ได้ ผู้คนเหล่านั้นให้การว่าเฉินอวิ๋นเอ๋อร์เป็นผู้บงการ”
“...........”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทอดถอนหายใจออกมา กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าตีคนแล้ว ก็ลงโทษแล้ว กระบี่นี้เอากลับมาชั่วคราวก่อน
เจ้าก็ไม่ต้องเคียดแค้นสกุลเฉินอีก กลับไปข้าจะพูดคุยกับมหาเสนาบดีเฉิน ให้เขาอบรมสั่งสอนเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ให้ดี”
“ฝ่าบาท ข้าอยากจะขอร้อง”เย่กล่าวอย่างราบเรียบ ใบหน้ายังแข็งกร้าวเล็กน้อย
องค์จักพรรดิอวี้ตี้คิดสักพักหนึ่งเลยกล่าวถามว่า “ขอร้องสิ่งใด”
“ขอฝ่าบาทมอบเครื่องรางป้องกันตัวให้แก่อวิ๋นอวิ๋นด้วย หลีกเลี่ยงคนที่จะมาปองร้ายสนใจจนาง”
หนานกงเย่กล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “นี่เจ้าขอร้องหรือ? มันชัดเจนว่าเจ้ากำลังแย่ง”
“ข้าไม่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วก็ได้ ข้ารู้สึกว่ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม สองตำหนักของฝ่าบาทมีความเป็นมงคลคู่มาที่พระตำหนักพร้อมกัน คิดดูแล้ว ข้าไม่ค้านมาโดยตลอด ฝ่าบาทดูแลสองตำหนัก ข้าควรที่จะแบ่งเบาภาระ
แต่เป็นเพราะการตั้งครรภ์ของสองตำหนัก ทำให้พ่วงอวิ๋นอวิ๋นเข้าไป ข้าไม่ยินยอมหรอก
ข้าคิดไปคิดมา มิสู้กับลาออกจากขุนนางเสนาบดีไม่ทำแล้ว เช่นนี้ก็สามารถกลับเรือนดูแลปกป้องอวิ๋นอวิ๋นได้ จะได้มิต้องมีคนมุ่งมาดปองร้ายนางด้วย”
“อ๋องเย่กล้าหาญไม่น้อยเลยนะ กล้าที่จะบีบบังคับข้าหรือ?”
“ฝ่าบาท ข้าสามารถคุกเข่าไม่ลุกได้”
หนานกงเย่พูดแล้วก็จะยกชุดขึ้นคุกเข่าลง องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวด้วยความโกรธว่า “สารเลว ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
หนานกงเย่ลุกขึ้น องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนเสด็จแม่ หลีกเลี่ยงการมีปัญหาสอดแทรกเข้ามา ข้าเกลียดที่สุดที่เจ้ามีข่มขู่ข้า เห็นเจ้าแล้วก็อยากจะเนรเทศออกไป
“ฮองเฮาไม่ได้ผิด อวิ๋นเอ๋อร์ยังเด็ก มักจะมีช่วงเวลาที่เลอะเลือน ผ่านไปไม่กี่ปีก็ดีแล้ว
แต่อวิ๋นเอ๋อร์เทียบชูเอ๋อร์มิได้จริงๆ ไม่เหมือนชูเอ๋อร์ที่แน่วแน่จิตใจอ่อนโยน ต้องควบคุมดีๆถึงจะถูกต้อง
“หม่อมฉันจะคุยกับนางอย่างแน่นอนเพคะ”
“อืม”
สวีกงกงเข้ามา กล่าวว่า “ฝ่าบาท มหาเสนาบดีต้องการเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้”
ตอนที่มหาเสนาบดีเฉินมาเขาเห็นหนากงเย่ ใบหน้าชราแดงก่ำ คล้ายกับว่าเขาเข้ามารายงานสถานการณ์
“ท่านอ๋องเย่ ข้ามายอมรับผิด”มหาเสนาบดีเฉินเสียหน้า และยังต้องกล่าวด้วยเสียงต่ำอ่อนน้อมอย่างอับอาย
หนานกงเย่กลับไปโดยที่ไม่สนใจ
มหาเสนาบดีเฉินเข้ามาแล้วรีบคุกเข่าลง กล่าวว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถิด”องค์จักพรรดิอวี้ตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มหาเสนาบดีเฉินลุกขึ้นก็กล่าวพูดเรื่องที่เรือน จุดมุ่งหมายคือมายอมรับผิด
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ยังเป็นเด็ก ทำเรื่องเช่นนี้ต้องมีสาเหตุ สั่งสอนดีๆก็พอแล้ว
ส่วนอ๋องเย่ ช่วงนี้อย่าไปทำให้เขาโมโหก็พอ หลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาตามมา”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
มหาเสนาบดีเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะพูดง่ายเช่นนี้ พูดจบก็เลยกลับจวนมหาเสนาบดี
มหาเสนาบดีเฉินมักรู้สึกว่าทางด้านนั้นแปลก แต่นึกไม่ออกว่าเพราะอะไร จนกระทั่งในพระราชวังมีข่าวแพร่สะพัดออกมา มหาเสนาบดีเฉินถึงได้รู้ว่า ฝ่าบาทเพียงแค่ไว้หน้าเท่านั้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ