หลังจากที่ทุกคนเดินจากไป จวินฉูฉู่ก็จับมือของฉีเฟยอวิ๋นแน่น : “ก่อนเกิดเรื่อง ข้าเคยเจอกับท่านพี่ นางนำขนมกุ้ยฮวากล่องหนึ่งมาให้ข้า และอยู่กินเป็นเพื่อนข้า เพียงแต่...”
จวินฉูฉู่หยุดชะงัก จากนั้นก็มองไปยังประตู ฉีเฟยอวิ๋นโน้มตัวลงมากระทั่งใบหน้าแนบติดกับข้างปากของจวินฉูฉู่ ครั้นจวินฉูฉู่กล่าวจบก็หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น ในที่สุดดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“ข้ารู้ มีแค่พระชายาเย่ที่ช่วยข้าได้ ขอร้องล่ะ ช่วยข้าด้วย!”
หยาดน้ำตาของจวินฉูฉู่หลั่งริน ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากรู้ว่าหยาดน้ำตาของจวินฉูฉู่นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แต่นางรู้ว่านางควรทำอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า : “วางใจเถอะ เจ้าจะไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นจับข้อมือของจวินฉูฉู่ พลางตรวจจับชีพจรโดยรวม เด็กในครรภ์ไม่อยู่แล้ว ร่างกายก็ทรุดหนัก อาจจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีก คนผู้นี้ลงมือทำร้ายได้อย่างป่าเถื่อน ตัดเส้นทางชีวิตของจวินฉูฉู่ไปโดยปริยาย
โชคดีที่ฉีเฟยอวิ๋นย้อนเวลากลับมาพอดี ไม่เช่นนั้นแม้ว่าจวินฉูฉู่จะยังมีชีวิตรอด แต่ก็คงทนได้อีกไม่นาน
“เจ้ารอข้าอีกหน่อย ประเดี๋ยวจะมีคนมา”
“อื้อ”
จวินฉูฉู่เอนกายนอนลงไป พลางกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นตลอดเวลา ราวกับนี่คือโลกทั้งใบ ภายในวังอันหนาวเหน็บ มีแค่ฉีเฟยอวิ๋นเพียงผู้เดียวที่ดึงนางไว้
หลังจากเกิดเรื่องนี้ ตระกูลจวินก็ไม่โผล่หน้าอีกเลย
นี่เป็นความโหดร้ายของตระกูลจวิน และเป็นความจนปัญญาของตระกูลจวิน
ราชครูจวินรู้ดี หากอาศัยบุตรสาวแสวงหาผลประโยชน์จากในวังย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่กลับแทรกตัวเข้าไปยุ่งเรื่องในวังหลัง ซึ่งเป็นข้อห้ามของพวกเขา
ดังนั้นไม่ว่าจวินฉูฉู่จะถูกถอดจากการเป็นพระสนมหรือสิ้นใจ ตระกูลจวินก็ล้วนไม่มีการร้องเรียนใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
คาดว่าจวินฉูฉู่เองก็เข้าใจ ตั้งแต่นางเข้าวังมาในวันนั้น ตระกูลจวินก็ไม่สนับสนุนนางอีกเลย ต่อมาก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่อีกครั้ง ซึ่งต้องยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงศักดิ์ ตระกูลจวินถึงจะเป็นที่พึ่งพาให้แก่นาง
เช่นนี้จวินฉูฉู่จึงทำได้แค่มาหานาง
ไม่นาน หนานกงเย่ก็มาถึง ครั้นเข้ามาหนานกงเย่ก็ยื่นกล่องยาให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและกระซิบบางอย่างข้างหูของหนานกงเย่ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็หันไปให้น้ำเกลือกับจวินฉูฉู่ หนานกงเย่จึงออกคำสั่ง : “ทหาร จับกุมพระชายาตวน ไปยังคุกของศาลพิเศษกลาง ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามเยี่ยม หากผู้ใดฝ่าฝืน ลงโทษแล้วค่อยรายงานได้เลย
ทหารองครักษ์เข้ายึดจวนอ๋องตวน ห้ามท่านอ๋องตวนไปยังตำหนักหวาหยางโดยเด็ดขาด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารองครักษ์น้อมรับคำสั่งไปจัดการ จวินฉูฉู่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋นอย่างไร้แววตา : “พระชายาเย่ ข้าจะมองเห็นอีกหรือไหม?”
“พระสนมจงทำจิตใจให้เบิกบาน ไม่ว่าอย่างไรจะต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง วางใจเถอะเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาบำรุงและโปรตีนออกมา นางคาดไม่ถึงว่า ของเหล่านี้จะได้ใช้เร็วถึงเพียงนี้ โชคดีที่นางย้อนกลับไปในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจวินฉูฉู่ต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ต้องสงสัยเป็นแน่
จวินฉูฉู่สงบลง ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะไปเยี่ยมเฉินอวิ๋นชู
“ท่านอ๋องเย่ หม่อมฉันจะไปเยี่ยมฮองเฮา เช่นนั้นไหว้วานให้ท่านช่วยอยู่ดูแลพระสนมเซียวทางนี้ด้วยนะเจ้าคะ”
หนานกงเย่หันกลับไปมองพระสนมเซียวแวบหนึ่ง : “ทหาร ไปเชิญหมอหลวงหูมาเดี๋ยวนี้”
หมอหลวงหูเป็นคนข้างกายของพระพันปี เขามาย่อมเป็นที่พึ่งได้
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้หมอหลวงหูมาถึง หลังจากอธิบายเกี่ยวกับเข็มฉีดยาว่าใช้อย่างไร ของที่อยู่ด้านบนใช้อย่างไรจนชัดเจน พบว่าสถานการณ์ควรจะรับมืออย่างไร ก็ตรงไปหาเฉินอวิ๋นชูในตำหนักเฟิ่งอี๋ทันที
ป้าซีรอฉีเฟยอวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว ครั้นเห็นนางก็รีบปรี่เข้ามาต้อนรับ ย่อกายแสดงความเคารพทันที : “บ่าวของคารวะพระชายาเย่เจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นประคองป้าซีเล็กน้อย : “ป้าซีเชิญลุกขึ้นเถอะ ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากด้านใน เฉินอวิ๋นเจี๋ยเองก็เดินตามออกมาพร้อมกัน
“ท่านพี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินอวิ๋นเจี๋ยเป็นห่วงเฉินอวิ๋นชูมาก จึงตามมาถาม
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบาย : “นางมีเลือดออกในช่องคลอด แต่ข้าฉีดยาให้นางแล้วคาดว่าคงไม่เป็นไร ให้นางพักผ่อนอยู่ในห้องสักพักเถอะ เวลานี้ก็คอยป้อนของบำรุงให้แก่นาง”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหมุนตัวเดินกลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองเฉินอวิ๋นเจี๋ยแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปรอหน้าประตู
ทั้งสองตำหนักไม่เป็นอะไรบุตรของนางเองก็ไม่เป็นไร แต่จักรพรรดิอวี้ตี้ต้องการฝังบุตรของพวกนางไปพร้อมกัน ฉีเฟยอวิ๋นจึงยิ่งหนาวสะท้านในหัวใจ
ที่นี่เป็นสถานที่เช่นไรกันแน่ คนของที่นี่น่ากลัวยิ่งกว่าภัยพิบัติอันใหญ่หลวงเสียอีก เอะอะก็ประหารเอาชีวิตลูกเดียว
นางเคยพร่ำถามตนเองว่าจักรพรรดิอวี้ตี้ใช่บุคคลที่ควรสนิทสนมอะไรหรือไม่ แต่การเจอหน้ากันทุกครั้งความคิดของนางก็มักจะมุ่งไปยังจักรพรรดิอวี้ตี้ จักรพรรดิลักษณะเช่นนี้ เป็นสหายที่ดีสำหรับนาง ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่เคยระแวดระวัง
คาดไม่ถึง หลังจากบุตรของเขาเกิดเรื่อง กลับดึงตัวนางไปเป็นแพะรับบาป หากฉีเฟยอวิ๋นไม่เสียใจ ก็ไม่รู้ควรจะต้องทำตัวอย่างไร
ไม่นานหนานกงเย่ก็มาถึงตำหนักเฟิ่งอี๋ ทันทีที่เข้ามาก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว สามีภรรยาเจอหน้ากันต่างไถ่ถามเรื่องของฮองเฮาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นตอบกลับความเป็นจริง รักษาชีวิตไว้ได้ เพียงแต่ร่างกายเสื่อมโทรมมาก อย่าว่าแต่ให้กำเนิดบุตรเลย ต่อให้มีชีวิตรอดอีกเป็นสิบปีก็ล้วนเกิดปัญหาทั้งสิ้น
ในขณะที่กล่าวถึงเรื่องนี้ ความกระวนกระวายใจของฉีเฟยอวิ๋นก็ยังไม่สิ้นสุด
เดิมทีนางไม่ใช่คนที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ กลับเพราะเรื่องและคนในราชวัง จึงจนปัญญา
คนผู้หนึ่ง ลงมือกับนางอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ เช่นนั้นนางต้องยอมอ่อนข้อให้กับผู้อื่นหรือ
ฉีเฟยอวิ๋นบอกกล่าวอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องอื่นมอบหมายให้แก่หนานกงเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ