ระหว่างเดินทางกลับฉีเฟยอวิ๋นนึกเรื่องของไป๋ซู่ซู่ตลอดการเดินทางเลย อาอวี่ก็รู้สึกได้ว่าวันนี้พระชายาโกรธมาก
เมื่อก่อนเวลาที่โกรธ ก็ไม่เคยเห็นเธอไม่เอ่ยปากเลย
รถม้าเดินทางมาถึง ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า เพิ่งจะเดินลงมาก็เห็นมู่เหมียนจวิ้นจู่ยืนอยู่หน้าประตูของจวนอ๋องเย่
วันนี้มู่เหมียนจวิ้นจู่แตกต่างกับที่ผ่านมา เพราะว่าเห็นฉีเฟยอวิ๋นแล้วนางทำตัวไม่ถูก
นางหันไปมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า “พระชายาเย่”
ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นเห็นมู่เหมียนจวิ้นจู่แล้วอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง นึกถึงความรักความห่วงใยกันของมู่เหมียนจวิ้นจู่กับไป๋ซู่ซู่แล้ว คนที่สามารถเป็นสหายที่ดีของไป๋ซู่ซู่ได้ ก็ยิ่งทำให้ฉีเฟยอวิ๋นเชื่อว่า มู่เหมียนไม่ใช่จวิ้นจู่ที่ธรรมดาหรอก
“มีเรื่องอะไรถึงมาหาข้า?”ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงเลยกล่าวถามไปอย่างตรงไปตรงมา
มู่เหมียนรู้สึกไม่สบายใจลังเล อ้าปากค้างอึกอักอยู่สักพักหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นนางไม่กล่าวอะไร เลยกล่าวว่า “เข้าไปด้านในกันเถอะ ไม่รู้ว่าท่านพี่ของท่านกลับมาหรือยัง?”
“ข้าไม่ได้มาหาเขาหรอก”
มู่เหมียนชอบหนานกงเย่มากจริงๆ หากไม่ชอบนางก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับเขาหรอก
แต่ฉีเฟยอวิ๋นพูดเช่นนี้ นางก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่สบายใจและไม่พอใจ
“ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ได้มาเพราะเขา พูดเช่นนี้คือคิดที่จะฉีกหน้าข้าหรือ?”มู่เหมียนกล่าวถามออกมาอย่างคนปากไวตามใจคิด
พ่ายมาแล้วหนึ่งครั้งที่จวนอ๋องตวน เธอก็ทำตัวสูงส่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
แต่ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่ขี้เกียจที่จะพูดอะไรมากมายกับนางก็แค่นั้น
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองมู่เหมียน จากนั้นกล่าวว่า “ท่านอยากเข้ามาก็เข้ามา ไม่อยากเข้ามาก็แล้วแต่ใจต้องการเลย ข้าไม่ได้เป็นคนเชื้อเชิญท่านมา บอกว่าท่านพี่ของท่านอยู่หรือไม่นั้นเป็นคำกล่าวที่เกรงใจเป็นตามมารยาท ท่านโตขนาดนี้แล้ว หรือว่าฟังไม่เข้าใจหรือ?
ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็เดินเข้าไปในจวน มู่เหมียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่พอนึกถึงไป๋ซู่ซู่ที่เป็นสหาย นางก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้แล้ว เลยเดินตัดสินใจเดินตามเข้าไปด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นไปที่หลังเรือน พอพ่อบ้านเห็นมู่เหมียนมา ก็คิดว่ามาก่อความวุ่นวายที่จวน เลยรีบห้ามปรามไว้ ประมาณว่าหนานกงเย่ไม่อยู่ ขอเชิญนางกลับไปเสีย
“หลีกไป ข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋น”มู่เหมียนไม่ใช่คนที่ยอมคน ในสายตาของนางคือฉีเฟยอวิ๋นนับว่ากลั่นแกล้งคนมาก
พ่อบ้านอาวุโสรั้งไว้อีก ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนชุดออกมาจากทางด้านหลัง เห็นว่ามู่เหมียนถูกรั้งไว้อยู่เลยนึกขึ้นได้
พ่อบ้านอาวุโสคิดมากไปเสียแล้ว เธอเลยเดินไปกล่าวว่า “ท่านพ่อบ้าน ท่านอ๋องเป็นท่านพี่ลูกพี่ลูกน้องของมู่เหมียน ที่นี่เป็นเรือนของมู่เหมียน อนาคตข้างหน้ามู่เหมียนมาที่นี่ ก็เป็นเจ้านายของที่นี่ ท่านไม่ต้องห้ามไว้ อีกอย่างจัดเตรียมเรือนด้านหลังที่สะอาดเอี่ยมไว้ให้มู่เหมียนจวิ้นจู่ด้วย หากบางเวลาที่นางจะมาที่นี่ก็สามารถพักได้”
“ขอรับ”
พ่อบ้านอาวุโสแปลกใจ และก็ไม่แน่ใจว่าพระชายาคิดอะไรอยู่ แต่วันนี้ทุกอย่างในจวนอ๋องเย่เป็นฉีเฟยอวิ๋นจัดการ เขาเพียงแค่ฟังและจัดการตาม
ไม่มีอะไรที่ในจวนนี้ที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นใหญ่ ขนาดท่านอ๋องยังต้องฟังพระชายา
เมื่อก่อนท่านอ๋องเย่ผู้เป็นคนไม่สนใจและไม่เข้าใจเหตุผล วันนี้เป็นแค่เพียงเสือตัวหนึ่งที่อยู่ใต้เท้าของพระชายาแล้ว
และก็ซื่อสัตย์ซื่อตรงอย่างมาก
พ่อบ้านเดินออกไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองกล่าวกับมู่เหมียนว่า “มาเถอะ พวกเราเข้าไปคุยด้านในเรือนกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเดินไปที่สวนดอกกล้วยไม้ หงเถาลี่ว์หลิ่วเตรียมชุดชาไว้ หนานกงเย่ไม่ได้กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นนำอาหารเย็นย้ายมาในเรือน
อาหารสี่อย่างมีซุปร้อนด้วย บวกกับผักดอง นับว่าเป็นการเลี้ยงเชิญมู่เหมียนด้วย
“เชิญเลย”
มู่เหมียนนั่งลง นางกินไม่ลงเลย
ไม่ใช่ว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เห็น แต่สายตาของหนานกงเย่ใสซื่อมาก เธอก็เลยไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา
หนานกงเย่หันขวับไปมองมู่เหมียน แล้วเดินมาหาฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นกล่าวว่า”มู่เหมียนมาก่อเรื่องวุ่นวายหรือ?”
ความสามารถของฉีเฟยอวิ๋นหนานกงเย่รู้ดี ในเมื่อมู่เหมียนมา ก็ทำได้เพียงพูดถูกทารุณกลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองหนานกงเย่ แล้วกล่าวว่า “มู่เหมียนมาหาหม่อมฉันเพราะเรื่องพระชายาของท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นวันนี้หม่อมฉันไปชุมนุมพบปะได้เจอกับท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดเช่นนี้ หนานกงเย่ก็ไม่มีอะไรที่จะสงสัยหรือไม่เข้าใจ เลยกล่าวว่า
“พระชายาเซี่ยวจวิ้นเป็นสหายที่ดีต่อกันของมู่เหมียน แต่เพราะเหตุใดมู่เหมียนถึงได้มาหาเจ้าเล่า?”หนานกงเย่นั่งลงแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าวร่วมกันกับฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เล่าเรื่องเล่าที่ประชุมพบปะกันให้หนานกงเย่ฟัง หนานกงเย่ถึงได้กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ อวิ๋นอวิ๋นต้องการจะเกี่ยวข้องดูแลเรื่องของพระชายาเซี่ยวจะสิ้นหรือ?”
“ก็ไม่ใช่การเกี่ยวข้องดูแลไปซะหมดหรอก แต่หม่อมฉันมีความรู้สึกที่สงสารไป๋ซู่ซู่ ท่านอ๋อง....ตั้งแต่ไหนแต่ไรหม่อมฉันไม่เคยมีความรู้สึกเยี่ยงนี้กับผู้หญิงเลยนะ เจอครั้งแรกราวกับว่าเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน อยากให้นางมีความสุข นางเป็นหญิงที่ทำให้คนชื่นชอบได้ง่ายมาก”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงไป๋ซู่ซู่ ก็มีความรู้สึกเสียใจ
นางเป็นคนเช่นนั้น เหตุใดถึงได้แต่งงานกับท่านอ๋องเซี่ยวจวิ้นได้
โหดร้ายเหลือเกิน
หนานกงเย่กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องด้านหลังเรือนของแต่ละคน ข้ามีจิตใจที่อยากจะช่วยแต่ไร้ความสามารถ อีกอย่างหากข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเช่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนหัวเราะเยาะหรือ?”
“ท่านอ๋องรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญน่าใส่ใจใช่หรือไม่?”ความคิดของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นรู้เข้าใจดีที่สุด
หนานกงเย่ไม่ได้ตอบโต้ วันนี้เหนื่อยจากด้านนอกมาทั้งวัน เขาอยากจะคลอเคลีย เรื่องน่าหงุดหงิดเหล่านั้นไม่อยากจะถามมาก
หนานกงเย่ลุกขึ้นแล้วอุ้มฉีเฟยอวิ๋นกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้พูดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เป็นโขยงของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ