องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 361

หมอเว่ยพาครอบครัวออกมาต้อนรับ เห็นหนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นต่างรีบทำความเคารพกันถ้วนหน้า

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก วันนี้เป็นวันสำคัญของจวนเว่ย ข้ามาตามประเพณีท้องถิ่น เลี่ยงทุกสิ่งอย่างไป”

หนานกงเย่มองชายสวมชุดใหม่ที่อยู่ด้านหลังหมอเว่ย พยักหน้าและกล่าวว่า“ยินดีด้วยนะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”

หนานกงเย่มองคนที่อยู่บริเวณนั้น ขุนนางเสนาบดีส่วนใหญ่มากันแล้ว กลับไม่เห็นราชครูจวินกับเสนาบดีเฉินมา ต้ากั๋วจิ้วและเสี่ยวกั๋วจิ้วก็ไม่มา

ฉีเฟยอวิ๋นมองตาม เธอไม่เห็นขุนนางเสนาบดีคนสำคัญของราชสำนัก น่านับถือพวกคนเหล่านี้เสียจริง

ตอนที่กำลังมอง ด้านหลังก็มีคนเดินเข้ามา หมอเว่ยรีบทำความเคารพ และเดินอ้อมไปที่ประตู ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องตวนจะพาคนมา

เธอเห็นอ๋องตวนสวมใส่ชุดสีน้ำเงิน ข้างกายที่เดินมาด้วยคืออวิ๋นหลัวฉวน นางก็สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นพวกเขามาด้วยกันไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

ตอนนี้พระชายารองอวิ๋นเป็นนายหญิงของจวนอ๋องตวน ตอนนี้จวินฉูฉู่เป็นเพียงนางสนม

อวิ๋นหลัวฉวนเห็นฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบพยักหน้า ฉีเฟยอวิ๋นก็พยักหน้าให้นางเช่นกัน

หมอเว่ยทักทายสักครู่หนึ่งแล้วได้เชิญอ๋องตวนกับอวิ๋นหลัวฉวนเข้าไปด้านใน ทั้งสี่คนรวมตัวกัน จากนั้นเลยไปนั่งลงตรงโต๊ะด้านหน้า

อวิ๋นหลัวฉวนนั่งข้างฉีเฟยอวิ๋น นางก้มศีรษะลงกล่าวกับฉีเฟยอวิ๋นว่า“เมื่อคืนจวินฉูฉู่โวยวายอยู่ที่เรือนของนางทั้งคืน อีกนิดเดียวก็พังทลายเรือนแล้ว อ๋องตวนไปสองสามครั้งยังไม่สามารถรั้งไว้ได้”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจเรื่องราวของจวนอ๋องตวน ตอนนี้จวินฉูฉู่ยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดอยู่ ยังโวยวายอย่างนี้ต่อไปไม่ช้าก็นานจะได้เกิดเรื่องขึ้น

“แต่ว่าแปลกมาก เมื่อเช้านางไม่โวยวายขึ้นมา”อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกว่ามันต้องมีกลโกงอยู่

ฉีเฟยอวิ๋นมองและกล่าวว่า “ท่านระวังหน่อยนะ!”

“ข้า......”อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้กลัว ตอบที่หน้าอกกล่าวว่า“ข้าไม่กลัวหรอก!”

“ศัตรูอยู่ที่มืด ท่านอยู่ที่สว่าง ท่านอย่าโง่!ตอนนี้ท่านคือคนท้อง ท่านต้องมีการป้องกันถึงจะถูก”ฉีเฟยอวิ๋นรู้แล้วว่าต่อไปจวินฉูฉู่จะทำร้ายคน

ส่วนจะทำร้ายผู้ใด ออกมาได้คือเธอ ออกมาไม่ได้คืออวิ๋นหลัวฉวนแล้วล่ะ

พอคิดเรื่องเหล่านี้ได้ฉีเฟยอวิ๋นเลยโน้มศีรษะลง กล่าวว่า“อย่างนั้นท่านกลับจวนกั๋วกงก่อนเถอะ”

วันนี้แม่นมเว่ยกับตงเอ๋อร์ก็มา พวกเขาดูแลอยู่บริเวณใกล้เคียง

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกลำบากใจกล่าวว่า“ไม่ใช่ว่าข้าไม่กลับไป แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่ได้ ในจวนเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต ฮูหยินของพ่อบ้านเป็นเยี่ยงนั้น ข้าจะกลับไปได้อย่างไรกัน?”

ไม่กี่วันมานี้อวิ๋นหลัวฉวนยุ่งมาก!

ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองอ๋องตวน เลยไม่ได้พูดอะไรมาก

กินข้าวเสร็จต่างคนต่างกลับจวนของตน ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้าก็เห็นอวิ๋นหลัวฉวนพาอ๋องตวนขึ้นรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นล่องลอยอยู่ครู่หนึ่ง

หนานกงเย่เห็นสีหน้าเธอแปลกๆ เลยเอื้อมมือสัมผัสมือของเธอ แล้วกล่าวว่า“เป็นอะไรหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า อิงแอบอยู่ในรถม้าโดยไม่อยากพูดอะไรออกมา

รถม้ากลับเข้ามาในจวน หนานกงเย่จัดแจงงาน และได้เตรียมส่งฉีเฟยอวิ๋นไปที่จวนท่านแม่ทัพ

“จะออกไปไหนไวเช่นนี้หรือเพคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจ คุยกันแล้วว่าหมอเว่ยเดินทางก่อน เขาตามหลัง

“มีการเปลี่ยนแปลงแผน ชายแดนมีคนก่อความวุ่นวาย ข้าต้องไปก่อน”

หนานกงเย่กล่าวอย่างนั้น ฉีเฟยอวิ๋นมีความแปลกใจกล่าวว่า“แต่ก่อนที่พวกเราจะไปดื่มเหล้าท่านอ๋องไม่ได้พูด ได้รับข่าวตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเพคะ?”

“ได้รับในรถม้า อาอวี่ไม่ได้พูด”

หนานกงเย่เห็นเธอใจลอย เลยไม่ได้บอก

ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า“ท่านอ๋อง จวนของเราไม่ปลอดภัยหรือเพคะ?”

“พูดยาก ข้าไม่อยู่ถึงอย่างไรก็ไม่วางใจ ฝีมือท่านพ่อตาเหนือข้า มีเขาอยู่ ข้าก็เบาใจลงบ้าง

ชายแดนห่างไกล พอข้าไปเร็วสุดก็ตั้งครึ่งเดือน เรื่องในเมืองหลวงต้องปัดความรับผิดชอบแก่ท่านพ่อตาแล้ว ส่วนในพระราชวัง หลังจากที่ข้าไป อวิ๋นอวิ๋นพบเจอเรื่องอะไรที่ยากลำบาก ให้ไปหาสองคนคือเสด็จอาใหญ่กับเสี่ยวกั๋วจิ้วนะ

มีพวกเขาสามคน อวิ๋นอวิ๋นทำเรื่องอันใดจะง่ายขึ้น

ส่วนฝ่าบาท ตอนข้าไม่อยู่.....อย่าไปทางด้านนั้นบ่อย”

พูดมาประโยคก่อนหน้าดีหมด เพียงประโยคหลังอย่างเดียว หนานกงเย่ได้มีสีหน้าอึมครึมลง และกล่าวอย่างไม่มีความสุขที่สุด

ระยะห่างนี้ ฉีเฟยอวิ๋นจะรอหรือไม่รออาอวี่ก็มีค่าเท่ากัน เธอก็เลยไม่รอ

แต่เดินมาได้ครึ่งทาง ฉีเฟยอวิ๋นก็พบว่ามีความผิดปกติ

บนถนนไม่มีผู้คนเลย และด้านบนหลังคาเรือนมีเสียงเหยียบย่ำ แม้ว่าจะเบา แต่เธอก็ได้ยิน

ฉีเฟยอวิ๋นหยุดเดิน หันมองบริเวณโดยรอบ คนชุดดำกลุ่มหนึ่ง ปิดหน้า ในมือมีกริช กำลังเดินอย่างรวดเร็วบนหลังคา คนทั้งสองกลุ่มมาสองทิศทาง กลุ่มหนึ่งมาทางด้านหลังของฉีเฟยอวิ๋นเดินรีบเร่งมาทางข้างหน้า อีกกลุ่มเดินมาทางด้านหน้าผ่านไปทางด้านหลังฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าพวกเขาต้องการล้อมจับ

พระอาทิตย์ร้อนดั่งแผดเผา บนพื้นดินมีกลิ่นอายของดินลอยขึ้น ทันใดนั้นคนกลุ่มนั้นหยุดเดิน เผชิญหน้ากับฉีเฟยอวิ๋น กริชเอียงไปทางด้านหลัง เตรียมจะทะยานเข้าหา

ด้านหน้ามีคนชุดดำสิบกว่าคน ในมือกอบกุมกริชขนาดใหญ่แล้วทะยานพุ่งเข้ามา

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวมองทางด้านหลัง ด้านหลังก็มีคนจำนวนหนึ่ง แต่งตัวและถือกริชเช่นเดียวกัน

หมุนแล้วหนึ่งรอบ เธอเปิดกระเป๋าสะพายที่อยู่บนตัวออก นั่นคือสิ่งที่เธอเตรียมให้ตนเองโดยเฉพาะ บริเวณรอบเอวของเธอมีล้อมรอบวงใหญ่ ด้านในคือเข็มเงินร้อยกว่าเล่ม

เธอใช้อย่างอื่นไม่เป็น ใช้เป็นเพียงมีดผ่าตัดและเข็มไว้จัดการคนอย่างเดียว

ที่เธออยู่จุดนี้ คนรอบกายไม่ถูกชะตากับเธอนานแล้ว ศัตรูของหนานกงเย่มีมาก เธอทำได้เพียงปกป้องตัวเอง

วันนี้มาลำพัง ทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อมีชีวิตรอด

ฉีเฟยอวิ๋นดึงเข็มออกมาสิบเล่ม แล้วหนีบอยู่ในมือ

เธอมองคนเหล่านั้น ดีที่พวกเขามีเพียงกริชและธนู ไม่อย่างนั้นเธอตายแน่นอน!

“หัวหน้ามีคำสั่ง ให้สังหารฉีเฟยอวิ๋น ได้ทองคำทรัพย์สินมากล้นทวีคูณ!”

หนึ่งในนั้นมีคนตะโกนขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นมองไป และก้าวเดินไปหาคนผู้นั้น ผู้ที่จะได้รับการปะทะคนแรกวิ่งทะยานมาหาฉีเฟยอวิ๋น ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นจะลงมือ มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งทะยานราวกับลมปะทะมาจากฝั่งตรงข้าม ทำให้คนเหล่านั้นกระจายตัวออก

ฉีเฟยอวิ๋นตกใจมาก นอกจากนั้นมีรถม้ามาอีกหนึ่งคัน ทันใดนั้นรถม้าได้มาอยู่ตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น และได้ล้อมรอบเธอไว้

จนกระทั่งหัวม้าเผชิญหน้ากัน ป้องกันฉีเฟยอวิ๋นไว้อย่างแน่นหนา

ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงงัน ม่านของรถม้าเปิดออก ฉีเฟยอวิ๋นได้เห็นหนานกงเย่นั่งอยู่ด้านในและมองเธออยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ