ราชครูจวินเข้ามา ฮูหยินรองลุกออก หันไปทำความเคารพราชครูจวิน กล่าวขึ้นว่า “ถวายความเคารพท่านราชครูเจ้าค่ะ”
ราชครูจวินชำเลืองมองฮูหยินรอง และเดินไปนั่งลง
“เจ้านั่งลงเถิด เจ้าดูว่าตัวเจ้าให้กำเนิดอะไรออกมาสิ”
“เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองเดินไปนั่ง ในมือจับลูกประคำทีละเม็ดๆอยู่ แววตาของนางเรียบเฉยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มีความสั่นไหวมากมาย
ราชครูจวินมองคนที่อยู่บนพื้น จากนั้นกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้ทำการตัดสินใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาก่อความวุ่นวายที่นี่ ไม่พบโลงศพถึงไม่หลั่งน้ำตาเลยนะ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นไปที่เฉิงหนานหาคนที่อยู่ชนบทไร้มารยาท มาแต่งวันพรุ่งเสียเลยเถิด”
“ห๊ะ?
ฮูหยินของคุณชายรองตกใจหนักมาก จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
นี่ไม่ใช่การต้องการเอาชีวิตหรือ?
ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”
ฮูหยินของคุณชายรองไม่สนใจสิ่งใดแล้วได้ปีนป่ายขึ้นไป ดึงที่ปลายชุดของราชครูจวิน ราชครูจวินถีบขาออกไปทำให้ฮูหยินของคุณชายรองกระเด็นกระดอนพลิกตัวไป
จวินเจิ้งหนานรีบเข้าประคองภรรยา เงยหน้ามองราชครูจวินแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตามที่ท่านพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ให้หาคนใดก็ได้มาแต่ง อันนี้พวกเราก็ยอมรับแล้ว”
เมื่อมองท่านแม่ของตนที่อยู่ตรงหน้า จวินเจิ้งหนานก็เข้าใจได้ทันที
สกุลจวินของเขานั้นพวกเขาไม่มีสิทธิที่จะมาออกความคิดเห็น ทุกอย่างล้วนอยู่ในการยึดกุมของท่านพ่อ
ไม่ยอมรับชะตาชีวิตมีเพียงความย่อยยับ
ฮูหยินของคุณชายรองไม่ยินยอม อยากจะกล่าวพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ถูกจวินเจิ้งหนานดุด่าเสียงดังสนั่นว่า “ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีกแล้ว เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร?”
ฮูหยินของคุณชายรองมึนงง ราชครูจวินชำเลืองมอง เดิมที่คิดว่าจะอยากพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องราว จากนั้นราชครูจวินกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อฮูหยินผู้นี้ไม่ยินยอมอยากจะอยู่ที่เรือนนี้ เช่นนั้นก็หย่าเลย”
“ห๊ะ?”
จวินเจิ้งหนานและฮูหยินของเขาต่างมึนงงกันทั้งคู่ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชครูจวินจะต้องไร้ความรู้สึกเยี่ยงนี้เลย
“ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?”ฮูหยินของคุณชายรองแทบคลั่ง อีกนิดหนึ่งก็จะกระโดดขึ้นมาแล้ว
ครอบครัวของนางมิใช่ว่าเทียบไม่ได้ แม้ว่าจะมิเท่าเสนาบดีใหญ่อย่างราชครูจวิน แต่เรื่องการหย่าภรรยาเยี่ยงนี้จะบอกว่าหย่าก็ทำการหย่าทั้งกันได้เลยที่ไหนกันเล่า?
ฮูหยินของคุณชายรองเตรียมจะโวยวายขึ้นอีก ราชครูจวินเลยมีรับสั่งว่า “ทหารมาเอานางกลับไปส่งที่เรือนของพ่อแม่นาง วันพรุ่งไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตาม จวินซือซือจะต้องแต่งงานออกเรือนไป สกุลจวินของข้าไม่เก็บคนที่ดุร้ายไว้”
คนที่เข้ามาลากออกไปโดยไม่สนใจว่าฮูหยินของคุณชายรองโวยวายร้องไห้อยู่ จวินเจิ้งหนานนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเหงื่อตก ตอนนี้เขามึนงงไปหมดแล้ว
คนที่ดุร้ายคือผู้ใดกัน?
บุตรสาวหรือ?
แต่แบบนั้นบุตรสาวคือบุคคลที่น่ารักนะ!
ราชครูจวินนั่งอยู่สักพักหนึ่ง มองบุตรชายที่ไร้ประโยชน์แล้วกล่าวว่า “ในห้องของเจ้าไม่มีผู้อื่นแล้วหรือ?”
“อันนี้…”
จวินเจิ้งหนานมิกล้ากล่าวออกมา แต่ฮูหยินรองกล่าวว่า “เมื่อก่อนมีฮูหยินรอง นิสัยของนางค่อนข้างอ่อนน้อมนุ่มนวล อีกทั้งจัดการเรื่องราวก็ไม่เลว”
ราชครูจวินชำเลืองมองฮูหยินรอง อย่างเข้าใจลึกซึ้ง
“เช่นนั้นก็เอานาง วันนี้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นฮูหยินของเจ้า บอกนางไปเรือนของสามีซือซือในคืนนั้นเลย วันพรุ่งเวลาเช้าต้องออกเรือน ล่าช้าก็เตรียมหีบศพซะ”
“........”จวินเจิ้งหนานเหงื่อออกตรงยอดกระหม่อม สุดท้ายก็จึงตอบตกลงไป
พอออกมาอีกนิดหนึ่งจวินเจิ้งหนานแทบจะหกล้มลง นี่เป็นอะไรกันหรือ?
ทางด้านของจวินซือซือยินยอม แต่ไม่ได้รอให้นางดิ้นรนขัดขืน ก็ได้ถูกคนมัดไว้แล้ว ไม่ว่านางจะร้องโหวกเหวกโวยวายอย่างไรก็ไร้ซึ่งประโยชน์
หญิงแก่สามสี่คนมาก็ลงมือตี ตีจนเกือกกลิ้งอยู่บนพื้น
เวลานี้จวินเจิ้งหนานไร้ซึ่งหนทางเช่นกัน จึงทำได้แค่หลบออกไป
ฮูหยินของคุณชายรองคนใหม่ได้ไต่ถามในคืนวันนั้นเลย ในที่สุดก็นับว่าหาครอบครัวที่ถือว่าไม่เลวสำหรับพวกเขาได้แล้ว
ครอบครัวนี้เป็นญาติห่างๆของราชวงศ์ ก็นับว่าเป็นจงชิน แต่ก็ค่อยข้างห่างไกลไปเสียหน่อย เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากฐานะ อย่างอื่นนั้นไม่มีอะไรเลย
แต่ฝั่งตรงข้ามยินยอม การแต่งงานนี้เลยสำเร็จ
เช้าวันต่อมา ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะออกมาจากเรือนได้มองเห็นบนถนนมีเสียงตีและเป่า พอมองอย่างละเอียดจึงได้มองเห็นขบวนส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวอยู่ไม่ไกล
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ เลยกล่าวถามอาอวี่ว่า “นั่นคล้ายดั่งเป็นขบวนของจวนราชครูจวินนะ ที่จวนของราชครูจวินมีผู้ใดแต่งงานหรือ?”
“มิทราบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปดูให้”อาอวี่กล่าวเสร็จรีบไปไต่ถามสืบข่าว กลับมาแล้วจากนั้นได้นำข่าวเรื่องที่จวินซือซือจะแต่งงานมาบอกฉีเฟยอวิ๋น
ไม่กี่วันวันแต่งงานของเว่ยหลินชวนก็มาถึง ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ออกจากจวนตั้งแต่เช้า เพื่อไปดูความคึกครื้น ถึงได้ไปที่ศาลพิเศษกลาง
องค์หญิงใหญ่กับตระกูลอวิ๋นได้เกี่ยวดองกัน ฉากนี้เป็นประวัติศาสตร์ คนต่างอิจฉากัน
ฉีเฟยอวิ๋นวางของขวัญลง และรอเจ้าสาวมาถึง
โรคซึมเศร้าขององค์หญิงใหญ่วันนี้ได้ดีขึ้นมาพอประมาณแล้ว ยาแผนปัจจุบันก็เปลี่ยน ทุกวันดื่มเพียงยาจีนรสขมปรับสมดุลร่างกาย
คนได้พบเจอเรื่องน่ายินดีจิตใจแจ่มใส จึงเจือจางเลือนรางเรื่องการเสียชีวิตของครอบครัวท่านอ๋องเจ็ดลงไปบ้าง
ดื่มเหล้าได้สักพักหนึ่งแล้วฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ไปส่งองค์หญิงใหญ่พักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นห่มผ้าห่มให้องค์หญิงใหญ่เรียบร้อยแล้ว ได้นั่งลงและเหม่อลอย
คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเย่หลับไปเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเอาชุดไปคลุมให้เขาแล้วนั่งลงอยู่เป็นเพื่อน
ก็ไม่รู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน คิดไม่ถึงว่าจะดื่มเหล้าจนหลับอยู่ด้านนอก
หลังจากนั้นสามวันเว่ยหลินชวนได้พาคุณหนูสี่ตระกูลอวิ๋นกลับเรือน ตระกูลอวิ๋นเชิญฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่มากินข้าวที่จวน และยังมีท่านอ๋องตวนกับพระชายาตวนด้วย
อวิ๋นหลัวฉวนได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นจะมา นางเลยยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูตั้งแต่เช้าแล้ว
ท่านอ๋องตวนไม่วางใจ วันนี้และทุกวันล้วนต้องการดูแลอวิ๋นหลัวฉวน เขาก็เลยอยู่เป็นเพื่อน
ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า ก็ได้เห็นอวิ๋นหลัวฉวนยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว ทั้งสองคนต่างทักทายกัน อวิ๋นหลัวฉวนคล้ายดั่งนกนางแอ่นที่โบยบินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ไม่พูดมาก อุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปก่อนแล้ว
“เชิญท่านพี่เสียนเฟย”
อวิ๋นหลัวฉวนทอดถอนสายบัว แล้วอุ้มจิ้งจอกหางสั้นเดินไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองอวิ๋นหลัวฉวน นี่มารับเธอหรือว่ามารับจิ้งจอกหางสั้นกันแน่?
พอเข้ามาแค่ไม่ได้มีเยอะ แต่ว่าพี่น้องของตระกูลอวิ๋นเยอะ เวลานี้เว่ยหลินชวนยุ่งเป็นอย่างมาก
ด้านนี้พูดคุยอีกด้านก็ตอบรับ เขาเป็นนักปราชญ์ที่บอบบางอ่อนน้อม เคยทำแล้วทำเล่าอย่างนี้อยู่ที่นั่น
โชคดีที่คุณหนูสี่ตระกูลอวิ๋นรักและทะนุถนอมเขา ปกป้องดูแลจนไม่ให้คนของตระกูลอวิ๋นทำให้เว่ยหลินชวนเหนื่อย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ท่านอ๋องตวนตกล่วงอยู่บ้าง
ล้วนเป็นบุตรเขยของตระกูลอวิ๋นเหมือนกัน เหตุใดเงินเดือนและสวัสดิการถึงได้แตกต่างยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ