ฉีเฟยอวิ๋นรอด้านในอาบน้ำได้สักพักหนึ่ง จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นถึงได้อุ้มเจ้าห้าออกไป กลัวจะทำให้คนแตกตื่น เธอเลยแอบคนตลอดเวลาเลย
ไม่ง่ายที่จะออกมาจากวัดฮู่กั๋ว เธอวิ่งย่องเบามาจนถึงด้านล่าง
หันกลับไปมองดูไม่มีคนตามมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบหารถม้า เดินไปไม่มีทางถึงเมืองหลวงแน่ ทำได้เพียงหารถม้ากลับไป
แต่รถม้ายังหาไม่ได้เลย ด้านหลังก็ได้มีคนตามมาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ยินเสียงคนเดิน แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงของเฟิงอู๋ชิงกล่าวว่า “เจ้าคิดจะหนีหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนเหงื่อแตก หันกลับไปมองเฟิงอู๋ชิง ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวว่า“ข้าเพียงแค่คิดถึงผู้ชายของข้าแล้ว”
“ชายประเภทนั้นมีความจำเป็นอันใดจะต้องไปคิดถึง?”เฟิงอู๋ชิงกล่าวด้วยสีหน้าดูไม่ได้ หันกลับไปทางวัดอู่กั๋วและกล่าวว่า“ไปกันเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นจำใจต้องเดินตามกลับไป ไม่ง่ายที่จะได้ลงมา ยังต้องตามกลับไปอีก ภายในใจของฉีเฟยอวิ๋นเต็มไปด้วยความเศร้าใจ อยากจะมาไม่รีบกว่านี้สักหน่อย
กลับมาถึงวัดฉีเฟยอวิ๋นถูกพาไปที่กุฏิ พอเข้ามาเฟิงอู๋ชิงปลดชุดเครื่องแบบที่ไหล่ออก นั่งลงแล้วเอื้อมมือออกมา ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไปนั่ง แล้ววางไว้ด้านข้างกล่าวถามว่า“ลูกของข้าต้องกินนม สามารถเอาแม่วัวมาได้หรือไม่?”
เฟิงอู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมา กล่าวว่า“แพะ”
“เขาไม่กิน ยอมหิวตายดีกว่า!”
ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญาอย่างมาก
เฟิงอู๋ชิงไม่โกรธเลยสักนิดหนึ่ง ชำเลืองมองเจ้าห้าที่ลืมตามองเขา จากนั้นกล่าวว่า“แต่มันถูกใจข้ามาก ไม่เลวเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนพูดไม่ออก อะไรคือมีทุกอย่างที่คนวิปริตมีเลย
“ตรวจโรคก่อน!”
ฉีเฟยอวิ๋นจำใจต้องตรวจโรคให้เฟิงอู๋ชิงก่อน
“วัณโรคอยากจะรักษาตั้งแต่รากฐานไม่ยาก แต่เจ้าไม่ได้หรอก หากว่ากินยาก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น อีกอย่างเวลานี้เป็นเหมันตฤดู ต้องมีการปรุงยา”
“เขียนยาทุกตัวลงมา ข้าจะไปเตรียม จะถือโอกาสเตรียมวัวด้วย”เฟิงอู๋ชิงลุกขึ้นเดินไปทางประตู จงใจทำเสียงดังบนคำว่าวัว ฉีเฟยอวิ๋นไร้คำพูดจริงๆ เธอก็ไม่ใช่แค่พูดถึงวัวตัวหนึ่งหรือ?ถึงกับจงใจพูดหรือ?
หาอยู่หลายที หาทั้งเมืองก็หาไม่เจอ นมที่ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะได้
แม่ทัพฉีโมโหฮึดฮัดเข้าไปในพระราชวัง
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้รู้สึกลำบากใจ จนปวดศีรษะ ไม่สามารถช่วยจัดการภารกิจได้ก็ทำให้วุ่นวาย คนดีๆอยู่จะหายไปได้ยังไง หญิงผู้หนึ่งพร้อมเด็กคนหนึ่ง ยังสามารถติดปีกบินได้หรือ
แต่แม่ทัพฉีโวยวายขึ้นมา แม้แต่วิธีการสักครึ่งหนึ่งองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ยังไม่มีเลย องค์จักรพรรดิอวี้ตี้จำใจต้องสั่งให้ปล่อยหนานกงเย่ออกมา
ไม่มียาขนานวิเศษของฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ฟื้นฟูไม่ได้ดีเท่าไหร่ ก้นยังปวดอยู่ก็ต้องออกมาแล้ว
อาอวี่รออยู่หน้าประตู พอเห็นหนานกงเย่อาอวี่จึงรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวว่า“ท่านอ๋อง อาอวี่สมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
หนานกงเย่ไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นเลยเกิดความรู้สึกสงสัย เขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องเป็นแน่
ท่านแม่ทัพฉีก็ไม่ได้มา มีแค่อาอวี่คนเดียว
เวยฉืออยู่ เห็นหนานกงเย่เลยเดินเข้ามาทำความเคารพ หนานกงเย่ไม่ได้สนใจอาอวี่ หันมองไปทางด้านของเวยฉือกล่าวว่า“เกิดอะไรขึ้น?”
“กราบทูลท่านอ๋อง ขบวนราชทูตของเมืองอู๋โยวเดินทางมาถึงแล้ว พวกเขาอยู่ที่พระตำหนักรับรอง วันที่พวกเขามา พระชายาเย่และเสี่ยวซื่อจื่อได้ถูกคนลักพาตัวไป ส่วนวันนี้หาไม่เจอ พวกเราได้ปิดขังเมืองหลวงแล้ว พลิกแผ่นดินหาก็หาไม่เจอพ่ะย่ะค่ะ”
“อาอวี่.....”หนานกงเย่รู้ ต้องไม่ใช่แบบนี้แน่
อาอวี่รีบกราบทูลความจริง
หนานกงเย่กล่าวว่า“อ๋องตวนล่ะ?”
“ท่านอ๋องตวนยังไม่หายดีพ่ะย่ะค่ะ กำลังรักษาแผล แต่พระชายาเย่มีครรภ์ ถูกท่านอ๋องตวนส่งไปที่ตำหนักของพระมเหสี เกรงว่าพระชายาตวนจะเกิดเรื่องพ่ะย่ะค่ะ
หลังจากนั้นได้มีไม่กี่คนเข้ามาช่วย หนานกงเย่กล่าวด้วยความโมโหว่า“จับเสือน้อยไว้”
คนอื่นๆไปตามจับเจ้าเสือน้อย บนร่างกายของหนานกงเย่มีรอยบาดแผล มีความอยากจะช่วยแต่ไร้ความสามารถ แต่เสือแก่เป็นห่วงความปลอดภัยของเสือน้อย หมุนตัวก็ได้ถูกหนานกงเย่จับจ้องแล้ว กระบี่อันหนึ่งของหนานกงเย่แทงไป ผลสรุปมีเสือแก่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บินกระโจนมา เสือแก่อ้าปากงับอย่างรุนแรง ใครจะรู้ว่าเสือที่ถูกหนานกงเย่จ้องมองนั้นได้ย้อนกลับไปขวางตัวทิ้งลงอยู่ตรงเสือน้อย โผเข้าหาเสือแก่อีกตัวเรียบร้อยแล้ว
เสือแก่ทั้งสองตัวเผชิญหน้ากัน เสือตัวเมียร้องคำรามขึ้น เสือตัวผู้ด้านล่างร้องคำรามขึ้น นี่ถึงได้แยกออกจากกัน
หนานกงเย่พลิกตัวขึ้นมา แต่เขามีความรู้สึกแปลกใจ เสือแก่ไม่ทำร้ายเขา อีกทั้งยังปกป้องเขาอีกด้วย
แม่เสือมองหนานกงเย่ เดินไปเลียเสือน้อยทางด้านนั้น
หนานกงเย่มองจิ้งจอกหางสั้น แล้วกล่าวว่า“ไปดูด้านใน”
แม้ว่าจิ้งจอกหางสั้นจะหวาดกลัว แต่ยังคงกระโจนเข้าไปในถ้ำ หลังจากออกมาได้ใช้เขี้ยวเล็บชี้ลงไปทางด้านล่าง หนานกงเย่มองแม่เสือ ชัดเจนว่าเขาแปลกใจมาก
หนานกงเย่มองเจ้าอีกาที่บินวนเวียน พอนึกได้ว่าฉีเฟยอวิ๋นพูดคุยกับอีกาได้ หนานกงเย่เลยถามว่า“เจ้าฟังออกหรือไม่ว่าข้ากล่าวพูดสิ่งใด?”
แม่เสือหมอบลงแล้ว ราวกับจิตใจสงบ คล้ายดั่งมีคนอยู่ด้านนั้น
หนานกงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า“เจ้าไม่ได้กินฮูหยินของข้า นางได้ลงเขาไปแล้ว?”
แม่เสือโยกคลอนศีรษะ หนานกงเย่ใจกล้าเข้าใกล้แม่เสือ
เสือน้อยลุกขึ้นคำรามพุ่งไปทางหนานกงเย่ แต่หนานกงเย่ไม่ได้ลงมือ กลับกันเขามองแม่เสือ
แม่เสือลุกขึ้นจากพื้น เดินมาถูข้างกายหนานกงเย่ คนบริเวณโดยรอบตกใจจนมึนงง เดิมจิ้งจอกหางสั้นความกล้าก็น้อยอยู่แล้ว ตกใจจนร้องโว้วโว้วไปอยู่ข้างกายคนอื่นๆ
หนานกงเย่จ้องมองแม่เสือ แม่เสือหมิบลงใหม่อีกครั้ง คล้ายดั่งพออกพอใจหนานกงเย่
หนานกงเย่ทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เสือแก่ที่เป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีความป่าเถื่อน หากว่าเหี้ยมโหดขึ้นมาจริง เอาชีวิตคนเป็นแน่
แต่ว่าเรื่องครั้งนี้คุยกันไม่ได้ ก็สามารถคุยกันจนข้ามผ่านไปได้ ทั้งหมดนับว่าพึ่งพาลูกล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ